ภาวะตลาดทองคำ ประจำวันที่ 14 ม.ค. 53

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday January 14, 2010 10:49 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--14 ม.ค.--เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์ ข้อมูลทองคำวันนี้ ราคาสมาคม เปิดที่ 17,850 — 17,950 ราคา Gold Spot เปิดที่ 1,143 อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท 32.92 — 33.00 GFG10 Hi- Low 18,020 - 17,910 ปิดที่ 18,000 Gold Insight สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนก.พ.ปิดที่ 1,136.80 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 7.40 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,118.50 - 1,138.60 ดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อเก็งกำไรหลังจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง โดยเมื่อวานนี้ดัชนีดอลลาร์อ่อนตัวลงราว 0.2% เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ พุ่งขึ้น 53.51จุด หรือ 0.50% ปิดที่ 10,680.77 จุด ดัชนี S&P 500 บวก 9.46 จุด หรือ 0.83% ปิดที่ 1,145.68 จุด เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มการเงิน ก่อนที่ธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ในสหรัฐจะเข้าชี้แจงเกี่ยวกับวิกฤตการณ์การเงินต่อสภาคองเกรสสหรัฐ อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กเคลื่อนตัวผันผวนหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุในรายงานว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐยังค่อนข้างต่ำ และทางการสหรัฐเปิดเผยยอดขาดดุลงบประมาณที่พุ่งขึ้นในเดือนธ.ค. น้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 1.14 ดอลลาร์ หรือ 1.41% ปิดที่ 79.65 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 78.37 - 80.67 ดอลลาร์ หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบและเบนซินที่พุ่งขึ้นเหนือความคาดหมาย ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลว่าดีมานด์พลังงานในสหรัฐอ่อนแอลงแม้สหรัฐเผชิญกับสภาพอากาศหนาวก็ตาม กองทุน SPDR Gold Trust SPDR กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการเข้าถือ ทองคำถึง ณ. 14 ม.ค. ไม่มีการเปลี่ยนแปลงการถือครอง ถือครองเท่าเดิมที่ระดับ 1,115.88 ตัน USD/EU ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนเทขายดอลลาร์เพราะมองว่าแม้กิจกรรมทางเศรษฐกิจในทุกภาค ส่วนของสหรัฐเริ่มฟื้นตัวขึ้น แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้ตัวเลขจ้างงานเพิ่มขึ้นด้วย ขณะที่สกุลเงินยูโรและปอนด์ดีดตัวขึ้นในกรอบที่จำกัด หลังจากเยอรมนีและอังกฤษรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐขยับลง 0.10% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.4508 ยูโรต่อดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 1.4494 ยูโรต่อดอลลาร์โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลยูโรเช้านี้เปิดตลาดยู่ที่ระดับ 1.4539 ดอลลาร์ต่อยูโร USD/JPY ดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.54% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 91.440 เยนต่อดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 90.950 เยนต่อดอลลาร์ โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลเยนเช้านี้เปิดอยู่ที่ระดับ 91.40 เยนต่อดอลลาร์ USD/THB ค่าเงินบาทปิดตลาดเมื่อวันพุธที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 33.02/33.10 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งไม่มีการเคลื่อนไหวมานักจากการเปิดตลาดในตอนเช้า โดยค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาดที่ระดับ 32.92/32.99 บาทต่อดอลลาร์ ข่าวเศรษฐกิจโลก สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษเผยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือนพ.ย. 2552 ร่วงลง 6% จากปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 0.4% เมื่อเทียบกับสถิติในเดือนต.ค. สำนักงานสถิติของเยอรมนีเปิดเผยข้อมูลเบื้องต้นที่ชี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) หดตัว 5% ในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากการลงทุนและการส่งออกที่ทรุดตัวลงอย่างหนัก ถือเป็นสถิติการหดตัวหนักสุดของเยอรมนีนับตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง และสอดคล้องกับการคาดการณ์ของรัฐบาล กระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 8 ม.ค.พุ่งขึ้น 3.7 ล้านบาร์เรล แตะที่ 331.0 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 1.2 ล้านบาร์เรล ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานผลกำไร 5.21 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2552 ซึ่งพุ่งขึ้น 47% จากปีก่อน ซึ่งกำไรจำนวนมากดังกล่าวเปิดทางให้เฟดสามารถจ่ายเงินให้กับกระทรวงการคลังได้ 4.61 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นจำนวนเงินมากที่สุดที่เฟดจ่ายให้กับกระทรวงการคลังนับตั้งแต่ก่อตั้งธนาคารในปีพ.ศ.2457 สำนักงานสถิติของเยอรมนีเปิดเผยข้อมูลเบื้องต้นที่ชี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) หดตัว 5% ในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากการลงทุนและการส่งออกที่ทรุดตัวลงอย่างหนัก ถือเป็นสถิติการหดตัวหนักสุดของเยอรมนีนับตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง และสอดคล้องกับการคาดการณ์ของรัฐบาล นักวิเคราะห์จากอินดัสเทรียล แบงค์ และไอเอ็นจี กรุ๊ป คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางจีนจะขยายช่วงการซื้อขายเงินหยวนเมื่อเทียบกับดอลลาร์ในปีนี้ เพื่อเพิ่มความผันผวนให้กับสกุลเงินหยวน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์การสกัดเม็ดเงินเก็งกำไรที่ไหลเข้าจากต่างประเทศ โดยคาดว่าธนาคารกลางจะขยายช่วงการซื้อขายเงินหยวนเป็น 1% ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 3% ในปีหน้า จากปัจจุบันที่ระดับ 0.5% สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส (S&P) ได้ปรับลดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิ์ระยะยาวของเจแปน แอร์ไลน์ส คอร์ป (JAL) รวมถึงบริษัทลูก เจแปน แอร์ไลน์ส อินเตอร์เนชั่นแนล โค (JAIC) มาอยู่ที่ระดับ "CC" จากเดิมที่ "CCC" เฟดระบุในรายงาน Beige Book ว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่กระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลสหรัฐประจำเดือนธ.ค.อยู่ที่ 9.185 หมื่นล้านดอลลาร์ พุ่งขึ้นจาก 5.175 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนธ.ค.ปี 2008 ซึ่งก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่ายอดขาดดุลงบประมาณอาจอยู่ที่ 9.20 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนธ.ค. ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าจับตา อาทิตย์ที่ ข้อมูลที่น่าจับตา ตัวเลขเดิม ตัวเลข คาดการณ์ ตัวเลขจริง 11 — 15 มกราคม 2553 วันพุธ ? ปริมาณสำรองน้ำมันโดยEIA 1.3M 1.0M 3.7M ? งบดุลบัญชีงบประมาณ ของFED -120.3B -84.9B -91.9B วันพฤหัสบดี ? ดัชนียอดค้าปลีกสหรัฐ 1.3% 0.4% ? ดัชนียอดค้าปลีกส่วนสำคัญ 1.2% 0.3% ? ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานประจำสัปดาห์ 434K 438K ? ดัชนีราคาสินค้านำเข้า 1.7% -0.1% ? สต๊อกสินค้าภาคค้าส่ง-ภาคธุรกิจ 0.2% 0.0% ? การประชุมธนาคารกลางECB - - คำแนะนำการลงทุน Gold Futures DAY TRADER GFG10 ซื้อในช่วงราคา 18220 - 18270 ขายในช่วงราคา 18370 - 18440 GFJ10 ซื้อในช่วงราคา 18330 - 18380 ขายในช่วงราคา 18480 — 18550 SWING TRADER ทองคำ เริ่มดีดกลับมาหลังทอดสอบแนวรับที่ 1120 ทิศทางเริ่มกลับมาเป็นขาขึ้นระยะสั้น ที่ซื้อไว้อาจจะขายทำกำไรบ้างเพื่อรอดูความชัดเจน GFG09 รอเข้าซื้อที่ระดับ 18140 รอขายที่ระดับ 18300 GFJ10 รอเข้าซื้อที่ระดับ 18220 รอขายที่ระดับ 18380 ปัจจัยสำคัญ High Light กระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 8 ม.ค.พุ่งขึ้น 3.7 ล้านบาร์เรล แตะที่ 331.0 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 1.2 ล้านบาร์เรล ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานผลกำไร 5.21 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2552 ซึ่งพุ่งขึ้น 47% จากปีก่อน ซึ่งกำไรจำนวนมากดังกล่าวเปิดทางให้เฟดสามารถจ่ายเงินให้กับกระทรวงการคลังได้ 4.61 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นจำนวนเงินมากที่สุดที่เฟดจ่ายให้กับกระทรวงการคลังนับตั้งแต่ก่อตั้งธนาคารในปีพ.ศ.2457 สำนักงานสถิติของเยอรมนีเปิดเผยข้อมูลเบื้องต้นที่ชี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) หดตัว 5% ในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากการลงทุนและการส่งออกที่ทรุดตัวลงอย่างหนัก MORNING RECAP : ราคาทองคำต่างประเทศเปิดที่ระดับ 1,127 $ ส่วน Gold Future G10 เปิดที่ 17,950 สมาคมค้าทองแท่งเปิดที่ 17,750 ปรับลง 350 บาทจากวันทำการก่อน ตลาดทองคำเมื่อคืนที่ผ่ามาปรับตัวลงอย่างรุนแรงประมาณ 20 $ ราคาทองคำต่างประเทศระหว่างวันเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 1,125 — 1,135 $ โดยในช่วงบ่ายราคาทองคำต่างประเทศเคลื่อนไหว sideway ขึ้นลง โดยปิดตลาด Gold Future G10 ปิดตลาดที่ 18,000 ในขณะที่ราคาทองคำแท่งของสมาคมค้าทองคำขึ้น 50 บาท ปิดตลาดที่ราคา 17,800 บาท นักลงทุนซื้อขายอย่างคึกคัก เนื่องจากราคาทองคำต่างประเทศเคลื่อนไหวขึ้นลง ตลอดทั้งวัน NIGHT RECAP: ราคาทองคำเปิดตลาดในประเทศไทยที่ระดับ 1128 เหรียญ โดยราคาเคลื่อนตัวอยู่ระหว่าง 1127 - 1135 เหรียญ ก่อนกลับมาปิดตลาดที่ 1132 เหรียญ ในเวลาประเทศไทย ต่อมาในตลาดลอนดอนและนิวยอร์ก ราคาทองคำมีการเคลื่อนตัวขึ้นไปทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1118 เหรียญ และมาปิดตลาดที่ 1138.5 เหรียญ สนใจลงทุนใน Gold Futures กับ MTS Gold Futures สามารถติดต่อที่เบอร์ 02-222-5959

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ