กรุงเทพฯ--18 ม.ค.--คต.
นายวิจักร วิเศษน้อย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ(คต.) เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2552 สหภาพยุโรปได้ออกระเบียบ Regulation (EC) No 1223/2009 ฉบับที่ L342 ว่าด้วยสินค้าเครื่องสำอาง (Cosmetics) ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์กันแดด ยาสีฟัน และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดชำระล้างส่วนต่าง ๆ ของร่างกายที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ระเบียบดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยของผู้ใช้ ลดค่าใช้จ่ายของผู้ประกอบการ และทำให้การปฏิบัติง่ายขึ้น
กล่าวคือทำให้ข้อกำหนดขั้นต่ำในการประเมินความปลอดภัยของสินค้าเครื่องสำอางที่จะวางจำหน่ายในตลาดสหภาพฯ มีความชัดเจนมากขึ้น กำหนดกฎเกณฑ์ในการรายงานผลของเจ้าหน้าที่กำกับดูแล การถอนสินค้าออกจากตลาด และการประสานงานในการบังคับใช้ของหน่วยงานประเทศสมาชิกสหภาพ ปรับปรุงข้อกำหนดในการจดแจ้ง (Notification) สินค้าเครื่องสำอางใหม่ให้ง่ายขึ้น ทำให้ลดค่าใช้จ่ายด้านการบริหารงานของบริษัทผู้ประกอบการลง ร้อยละ 50 ทั้งนี้ให้ยกเลิกระเบียบ/กฎหมายระดับชาติของประเทศสมาชิก EU และให้ใช้ระเบียบใหม่แทน EU Cosmetic Directive ปี 1976 โดยให้คงข้อกำหนดว่าด้วยเรื่องการห้ามและทยอยเลิกการทดสอบในสัตว์สำหรับสินค้าเครื่องสำอาง ภายในปี 2009 - 2013
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศกล่าวเพิ่มเติมว่า ไทยส่งออกสินค้าเกี่ยวกับเครื่องสำอาง (รหัส HS 33: Essential oils and resinoids, perfumery cosmetic or toilet preparation) ไปสหภาพยุโรปมูลค่าเฉลี่ยปีละ 3,205 ล้านบาท (2549 - 2551) โดยในปี 2552 (มค.- พย.) ส่งออกไปมูลค่า 3,595 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2551 ร้อยละ 4 ผู้ประกอบการไทยจึงควรศึกษาระเบียบฉบับใหม่ และปฏิบัติ ให้ถูกต้องก่อนส่งออก โดยสามารถค้นหารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ http://eur-lex.europa.eu/LexUriServ/LexUriServ.do?uri=OJ:L2009:342:0059:0209:EN:PDF
ที่มา : สำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศฯ ณ กรุงบรัสเซลส์