กรุงเทพฯ--19 ม.ค.--โตโยต้า มอเตอร์
ตลาดรถยนต์ปี 2552 ยอดขายรวม 548,871 คัน ลดลง 10.8% โตโยต้า คาดตลาดรถยนต์รวมปี 2553 ขายรวม 600,000 คัน เติบโต 9% ตั้งเป้าครองส่วนแบ่ง 42.8%
มร.เคียวอิจิ ทานาดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แถลงสถิติการจำหน่ายรถยนต์ประจำปี 2552 มีปริมาณการขาย 548,871 คัน ลดลง 10.8% คาดตลาดรถยนต์ไทยปี 2553 เติบโต มียอดขาย 600,000 คัน เพิ่มขึ้น 9% พร้อมตั้งเป้าหมายการขายรถยนต์โตโยต้าทุกรุ่น 257,000 คัน เพิ่มขึ้น 11.5% ครองส่วนแบ่งตลาด 42.8%
มร.ทานาดะกล่าวว่า “ในต้นปี 2552 เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากเป็นอย่างมากของอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยปริมาณการขายในครึ่งปีแรก ลดลงถึง 28.0% และฟื้นตัวในไตรมาสที่ 3 และต่อเนื่องถึงไตรมาส 4 ทำให้ยอดขายรถยนต์ของปี พ.ศ. 2552 มียอดขายรวม 548,871 คัน ลดลง 10.8% เป็นตลาดรถยนต์นั่ง 230,037 คัน เพิ่มขึ้น 1.4% รถเพื่อการพาณิชย์ 318,834 คัน ลดลง 17.9% รถกระบะขนาด 1 ตัน ไม่รวมรถดัดแปลง 247,887 คัน ลดลง 20.4%”
สถิติการขายรถยนต์ ในปี 2552
ประมาณการ ต้นปี 2552 ประมาณการกลางปี 2552 ยอดขายปี 2552 เปลี่ยนแปลง
ปริมาณการขายรวม 520,000 คัน 480,000 คัน 548,871 คัน - 10.8%
รถยนต์นั่ง 205,000 คัน 202,000 คัน 230,037 คัน + 1.4%
รถเพื่อการพาณิชย์ 315,000 คัน 278,000 คัน 318,834 คัน - 17.9%
รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) 269,000 คัน 241,000 คัน 275,892 คัน - 17.5%
รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 252,000 คัน - 247,887 คัน - 20.4%
“สำหรับการขายของโตโยต้า ในปี 2552 นั้น เรามียอดขายรวม 230,585 คัน ลดลง 12.1% ด้วยส่วนแบ่งการตลาดที่ 42% เป็นรถยนต์นั่ง 100,747 คันลดลง 5.7% รถเพื่อการพาณิชย์ 129,838 คัน ลดลง 16.4% โดยเป็นรถกระบะขนาด 1 ตัน ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง 102,026 คัน ลดลง 19.8%”
สถิติการขายรถยนต์ของโตโยต้า ในปี 2552
ปริมาณการขายโตโยต้า 230,585 คัน ลดลง 12.1% ส่วนแบ่งตลาด 42.0%
รถยนต์นั่ง 100,747 คัน ลดลง 5.7% ส่วนแบ่งตลาด 43.8%
รถเพื่อการพาณิชย์ 129,838 คัน ลดลง 16.4% ส่วนแบ่งตลาด 40.7%
รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) 117,252 คัน ลดลง 17.0% ส่วนแบ่งตลาด 42.5%
รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 102,026 คัน ลดลง 19.8% ส่วนแบ่งตลาด 41.2%
“ด้านการส่งออกของปีที่ผ่านมา เราส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป จำนวนทั้งสิ้น 237,834 คัน ลดลง 24% มูลค่า 104,506 ล้านบาท นอกจากนี้ เราได้ส่งออกเครื่องยนต์ และ ชิ้นส่วน อะไหล่ มูลค่า 48,450 ล้านบาท รวมเป็นมูลค่าการส่งออกที่นำรายได้กลับสู่ประเทศเป็นเงิน 152,956 ล้านบาท”
สำหรับแนวโน้มของตลาดรถยนต์ของปี 2553 มร.ทานาดะ กล่าวว่า “ด้วยแรงบวกจากการฟื้นตัวของตลาดรถยนต์ในช่วงปลายปี 2552 และการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจ เป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ อาทิ โครงการไทยเข้มแข็ง 1 และ 2 ที่นำงบประมาณเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับราคาสินค้าการเกษตรที่เพิ่มขึ้น สิทธิประโยชน์ด้านภาษีจากข้อตกลงเขตการค้าต่างๆ ที่เราได้รับ เราเชื่อมั่นว่าตลาดรถยนต์ในประเทศจะเติบโตตามลำดับ คาดว่าจะมียอดขาย 600,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 9% แบ่งเป็นตลาดรถยนต์นั่ง 251,000 คัน รถเพื่อการพาณิชย์ 349,000 คัน โดยจะเป็นรถกระบะขนาด 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 272,000 คัน และจะเป็นเซ็กเม้นท์สำคัญ ที่ส่งผลดีต่อตลาด แม้ว่าในปีที่ผ่านมา ยอดขายรถกระบะหดตัว แต่เชื่อว่าในปีนี้ ตลาดรถกระบะจะเติบโตอีกครั้งหนึ่ง จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ”
ประมาณการยอดขายรถยนต์ ในปี 2553
ปริมาณการขายรวม 600,000 คัน เพิ่มขึ้น 9.4%
รถยนต์นั่ง 251,000 คัน เพิ่มขึ้น 9.2%
รถเพื่อการพาณิชย์ 349,000 คัน เพิ่มขึ้น 9.5%
รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) 302,800 คัน เพิ่มขึ้น 9.8%
รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 272,000 คัน เพิ่มขึ้น 9.7%
มร.ทานาดะ กล่าวเพิ่มเติมว่า “สำหรับโตโยต้า ได้ตั้งเป้าหมายการขายไว้ที่ 257,000 คัน เพิ่มขึ้น 11.5% และคาดว่าจะสามารถครองส่วนแบ่งตลาดได้ในระดับเดียวกันกับปี 2551 ที่ 42.8% แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 111,000 คัน รถเพื่อการพาณิชย์ 146,000 คัน โดยเป็นรถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 114,500 คัน และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการขายของปี 2553 เรายังคงมุ่งมั่นในการพัฒนารถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมต่อไป ทั้งรถยนต์พลังงานทางเลือก และรถยนต์ไฮบริด ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และศึกษาความเป็นไปได้ในการแนะนำรถยนต์ไฮบริดรุ่นอื่นๆ ทั้งนี้เรายินดีที่จะให้ความร่วมมือกับรัฐบาล ในการให้ข้อมูลเพิ่มเติมต่อการกำหนดนโยบายสนับสนุนรถยนต์ไฮบริด เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์และรักษาสิ่งแวดล้อม”
ประมาณการขายรถยนต์ของโตโยต้า ในปี 2553
ปริมาณการขายรวม 257,000 คัน เพิ่มขึ้น 11.5% ส่วนแบ่งตลาด 42.8 %
รถยนต์นั่ง 111,000 คัน เพิ่มขึ้น 10.2% ส่วนแบ่งตลาด 44.2 %
รถเพื่อการพาณิชย์ 146,000 คัน เพิ่มขึ้น 12.4% ส่วนแบ่งตลาด 41.8%
รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) 131,500 คัน เพิ่มขึ้น 12.2% ส่วนแบ่งตลาด 43.4%
รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 114,500 คัน เพิ่มขึ้น 12.2% ส่วนแบ่งตลาด 42.1%
“สำหรับโครงการอีโคคาร์ เรามีความยินดีที่จะให้การสนับสนุนภาครัฐต่อนโยบายอีโคคาร์ และจะดำเนินการตามแผนงานที่วางไว้อย่างแน่นอน แต่ต้องใช้เวลาระยะหนึ่งสำหรับการเตรียมการ เพื่อพิจารณาอย่างรอบคอบ ทั้งในด้านความต้องการของตลาดและความเหมาะสมของผลิตภัณฑ์สำหรับประเทศไทย อย่างไรก็ตาม เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดในขณะนี้ เราจะส่งเสริมการทำตลาดรถยนต์ใช้แล้ว คุณภาพดี ด้วยโครงการ โตโยต้า ชัวร์ เพื่อนำเสนอ รถยนต์ที่มีคุณสมบัติครบถ้วน ในราคาที่คุ้มค่าเงิน
ด้านการส่งออก เราคาดว่าจะส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วอันเนื่องมาจาก ภาวะเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว ประกอบกับความต้องการรถจากลูกค้าในทวีปหลัก ๆ มีเพิ่มมากขึ้น คาดว่าการส่งออกรถยนต์ของโตโยต้าในปี 2553 มีประมาณ 287,800 คัน เติบโต 21% คิดเป็นมูลค่าการส่งออก 127,100 ล้านบาท ส่งออกเครื่องยนต์ และชิ้นส่วนอะไหล่ มูลค่า 54,320 ล้านบาท รวมมูลค่าการส่งออกทั้งหมดถึง 181,420 ล้านบาท นับว่ามีส่วนในการกระตุ้นและส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศไทย และที่สำคัญคือการเพิ่มอัตราการใช้ชิ้นส่วนในประเทศที่สูงขึ้น โดยปัจจุบันรถยนต์โตโยต้าเน้นการใช้ชิ้นส่วนในประเทศให้ได้มากที่สุด รวมถึงการสนับสนุนให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศใช้อุปกรณ์และวัสดุในประเทศมากขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ในการลดความเสี่ยงทางด้านของอัตราแลกเปลี่ยน และเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจโดยรวม”
“นอกจากนี้ เราจะดำเนินกิจกรรมทางการตลาดอย่างเข้มข้นให้ตรงกับกลุ่มลูกค้าและในพื้นที่มากขึ้น เพิ่มศักยภาพในการให้บริการแก่ลูกค้าแบบครบวงจร การจัดระบบสินเชื่อรถยนต์ที่เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย สะดวก รวดเร็ว ทั้งหมดนี้เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้า ผมมั่นใจว่าเราจะสามารถรักษาความเป็นผู้นำทั้ง 3 ตลาดให้ได้อีกครั้งหนึ่ง และยังคงมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจอย่างมีสำนึกและรับผิดชอบต่อสังคม และสร้างเครือข่ายความร่วมมือในเรื่องดังกล่าวไปยังผู้แทนจำหน่าย ผู้ผลิตชิ้นส่วน บริษัทในเครือ มุ่งสู่การครบรอบ 50 ปี ของโตโยต้า ในปี พ.ศ2555 ” มร.ทานาดะ กล่าวในที่สุด
หมายเหตุ : ดาวน์โหลดเนื้อข่าว และไฟล์รูปภาพได้ที่
www.toyota.co.th
ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์เดือนธันวาคม 2552
1.) ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 72,085 คัน เพิ่มขึ้น 22.2%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 28,341 คัน เพิ่มขึ้น 9.1% ส่วนแบ่งตลาด 39.3% ส่วนต่าง - คัน
อันดับที่ 2 อีซูซุ 14,113 คัน เพิ่มขึ้น 23.9% ส่วนแบ่งตลาด 19.6% ส่วนต่าง 14,228 คัน
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 11,851 คัน เพิ่มขึ้น 9.7% ส่วนแบ่งตลาด 16.4% ส่วนต่าง 16,490 คัน
2.) ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 30,431 คัน เพิ่มขึ้น 27.7%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 12,207 คัน เพิ่มขึ้น 20.5% ส่วนแบ่งตลาด 40.1% ส่วนต่าง - คัน
อันดับที่ 2 ฮอนด้า 10,792 คัน เพิ่มขึ้น 7.5% ส่วนแบ่งตลาด 35.5% ส่วนต่าง 1,415 คัน
อันดับที่ 3 มาสด้า 2,410 คัน เพิ่มขึ้น 339.8% ส่วนแบ่งตลาด 7.9% ส่วนต่าง 9,797 คัน
3.) ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV) ปริมาณการขาย 35,630 คัน เพิ่มขึ้น 14.2%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 14,382 คัน ลดลง 2.9% ส่วนแบ่งตลาด 40.4% ส่วนต่าง - คัน
อันดับที่ 2 อีซูซุ 13,158 คัน เพิ่มขึ้น 21.4% ส่วนแบ่งตลาด 36.9% ส่วนต่าง 1,224 คัน
อันดับที่ 3 นิสสัน 3,274 คัน เพิ่มขึ้น 56.1% ส่วนแบ่งตลาด 9.2% ส่วนต่าง 9,884 คัน
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน: 3,756 คัน
โตโยต้า 1,641 คัน - มิตซูบิชิ 1,011คัน - อีซูซุ 962 คัน - ฟอร์ด 142 คัน
4.) ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 31,874 คัน เพิ่มขึ้น 11.4%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 12,741 คัน ลดลง 5.8% ส่วนแบ่งตลาด 40.0% ส่วนต่าง - คัน
อันดับที่ 2 อีซูซุ 12,196 คัน เพิ่มขึ้น 21.1% ส่วนแบ่งตลาด 38.3% ส่วนต่าง 545 คัน
อันดับที่ 3 นิสสัน 3,274 คัน เพิ่มขึ้น 56.1% ส่วนแบ่งตลาด 10.3% ส่วนต่าง 9,467 คัน
5.) ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 41,654 คัน เพิ่มขึ้น 18.4%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 16,134 คัน เพิ่มขึ้น 1.8% ส่วนแบ่งตลาด 38.7% ส่วนต่าง - คัน
อันดับที่ 2 อีซูซุ 14,113 คัน เพิ่มขึ้น 23.9% ส่วนแบ่งตลาด 33.9% ส่วนต่าง 2,021 คัน
อันดับที่ 3 นิสสัน 3,282 คัน เพิ่มขึ้น 55.0% ส่วนแบ่งตลาด 7.9% ส่วนต่าง 12,852 คัน
สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม — ธันวาคม 2552
1) ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 548,871 คัน ลดลง 10.8%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 230,585 คัน ลดลง 12.1% ส่วนแบ่งตลาด 42.0% ส่วนต่าง - คัน
อันดับที่ 2 อีซูซุ 110,969 คัน ลดลง 16.8% ส่วนแบ่งตลาด 20.2% ส่วนต่าง 119,616 คัน
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 93,409 คัน เพิ่มขึ้น 2.9% ส่วนแบ่งตลาด 17.0% ส่วนต่าง 137,176 คัน
2) ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 230,037 คัน เพิ่มขึ้น 1.4%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 100,747 คัน ลดลง 5.7% ส่วนแบ่งตลาด 43.8% ส่วนต่าง - คัน
อันดับที่ 2 ฮอนด้า 88,125 คัน เพิ่มขึ้น 7.6% ส่วนแบ่งตลาด 38.3% ส่วนต่าง 12,622 คัน
อันดับที่ 3 นิสสัน 9,539 คัน เพิ่มขึ้น 24.8% ส่วนแบ่งตลาด 4.1% ส่วนต่าง 91,208 คัน
3) ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV) ปริมาณการขาย 275,892 คัน ลดลง 17.5%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 117,252 คัน ลดลง 17.0% ส่วนแบ่งตลาด 42.5% ส่วนต่าง - คัน
อันดับที่ 2 อีซูซุ 103,483 คัน ลดลง 17.8% ส่วนแบ่งตลาด 37.5% ส่วนต่าง 13,769 คัน
อันดับที่ 3 นิสสัน 20,541 คัน ลดลง 12.8% ส่วนแบ่งตลาด 7.4% ส่วนต่าง 96,711 คัน
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน: 28,005คัน
โตโยต้า 15,226 คัน - อีซูซุ 6,052 คัน - มิตซูบิชิ 5,957 คัน - ฟอร์ด 770 คัน
4) ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 247,887 คัน ลดลง 20.4%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 102,026 คัน ลดลง 19.8% ส่วนแบ่งตลาด 41.2% ส่วนต่าง - คัน
อันดับที่ 2 อีซูซุ 97,431 คัน ลดลง 18.5% ส่วนแบ่งตลาด 39.3% ส่วนต่าง 4,595 คัน
อันดับที่ 3 นิสสัน 20,541 คัน ลดลง 12.8% ส่วนแบ่งตลาด 8.3% ส่วนต่าง 81,485 คัน
5) ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 318,834 คัน ลดลง 17.9%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 129,838 คัน ลดลง 16.4% ส่วนแบ่งตลาด 40.7% ส่วนต่าง - คัน
อันดับที่ 2 อีซูซุ 110,969 คัน ลดลง 16.8% ส่วนแบ่งตลาด 34.8% ส่วนต่าง 18,869 คัน
อันดับที่ 3 นิสสัน 20,862 คัน ลดลง 13.4% ส่วนแบ่งตลาด 6.5% ส่วนต่าง 108,976 คัน