กรุงเทพฯ--20 ม.ค.--ฟิทช์ เรทติ้งส์
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS ระยะยาวที่ระดับ ‘A-(tha)’ (A ลบ (tha)) และระยะสั้นที่ระดับ ‘F2(tha)’ และปรับแนวโน้มเครดิตเป็นบวก
การปรับแนวโน้มเครดิตเป็นบวกของ BAFS สะท้อนถึงการที่ฟิทช์คาดการณ์ว่าความสามารถในการทำกำไรและกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ รวมถึงค่าใช้จ่ายการลงทุนที่ลดลงจะทำให้อัตราส่วนหนี้สิน (เมื่อเทียบกับกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน) ของ BAFS ลดลงอย่างต่อเนื่องจนต่ำกว่า 2.0 เท่าภายใน 12 เดือนข้างหน้า ท่ามกลางสัญญาณการฟื้นตัวของธุรกิจการบินแม้ว่าภาวะแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจจะยังคงอ่อนแออยู่ก็ตาม
อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ BAFS อาจได้รับการปรับเพิ่มหากอัตราส่วนหนี้สินของบริษัทฯ ยังคงลดลงและสามารถอยู่ในระดับต่ำกว่า 2 เท่าอย่างต่อเนื่อง ในทางกลับกัน แนวโน้มเครดิตอาจได้รับการปรับสู่แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพเช่นเดิม หากภาวะถดถอยของธุรกิจและเศรษฐกิจมีการยืดเยื้อและส่งผลต่อความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดของ BAFS รวมถึงการลงทุนจำนวนมากโดยใช้เงินกู้ และการจ่ายเงินปันผลในอัตราที่สูง อันมีผลทำให้ชะลอการลดลงของอัตราส่วนหนี้สินของบริษัทฯ
แม้ว่าในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2552 รายได้และกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่ายและค่าเช่า (EBITDAR) ของ BAFS ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องในอัตราร้อยละ 8.6 และ 7.9 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนตามลำดับ ซึ่งสอดคล้องกับปริมาณการใช้บริการเติมน้ำมันอากาศยานที่ลดลงร้อยละ 10.4 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนเช่นกัน แต่ด้วยมาตรการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่เข้มงวดขึ้น ทำให้อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่ายและค่าเช่าต่อรายได้ (EBITDAR margin) ยังคงตัวอยู่ในระดับร้อยละ 63.8 ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2552 เมื่อเทียบกับร้อยละ 63.4 ในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2551 อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบผลประกอบการรายไตรมาส รายได้และกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่ายและค่าเช่า (EBITDAR) เติบโตในอัตราร้อยละ 3.3 และ 6.2 ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2552 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยปริมาณการใช้บริการเติมน้ำมันอากาศยานก็เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 3.7 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าเช่นกัน
นอกจากนี้ ด้วยค่าใช้จ่ายการลงทุนที่น้อยมากในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2552 ทำให้กระแสเงินสดสุทธิ (Free Cash Flow) ของ BAFS ในช่วงเวลาดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 90 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ระดับหนี้สินสุทธิของ BAFS ลดลงเหลือ 2.6 พันล้าน ณ สิ้นไตรมาส 3 ของปี 2552 จาก 3.2 พันล้าน ณ สิ้นปี 2551 โดยอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่ายและค่าเช่า 12 เดือนล่าสุด (Net Adjusted Debt/last 12 months (LTM) EBITDAR) ลดลงมาอยู่ในระดับ 2.4 เท่า ณ สิ้นไตรมาส 3 ของปี 2552 จาก 2.8 เท่า ณ สิ้นปี 2551
อันดับเครดิตของ BAFS สะท้อนถึงสถานะความเป็นผู้นำในการให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานในประเทศไทย โดย BAFS เป็นผู้ให้บริการคลังเก็บน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน (Depot Service) และเครือข่ายท่อจ่ายน้ำมันอากาศยาน (Hydrant Pipeline Network) แต่เพียงรายเดียว ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และเป็นผู้ให้บริการหลักในส่วนของบริการเติมน้ำมันอากาศยาน (Into-Plane Service) ณ ท่าอากาศยานดังกล่าว โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดในการเติมน้ำมันอากาศยานเกือบร้อยละ 90 นอกจากนี้ อุปสรรคในการเข้าสู่ธุรกิจการให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานยังค่อนข้างสูง เนื่องจากผู้ให้บริการต้องได้รับการอนุญาตจากผู้บริหารท่าอากาศยานนั้นๆ เท่านั้น
อันดับเครดิตยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการที่ผู้ถือหุ้นหลักของ BAFS เป็นผู้ใช้บริการหลักในการเติมน้ำมันอากาศยาน อันได้แก่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือของบริษัทน้ำมันรายใหญ่จากต่างประเทศหลายแห่ง เช่น Shell, Exxon Mobil และ Chevron เป็นต้น นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงโครงสร้างการดำเนินธุรกิจที่อยู่ในรูปแบบของการให้บริการเติมน้ำมันอากาศยาน BAFS จึงมีรายได้เป็นค่าบริการเท่านั้น ซึ่งทำให้ BAFS ไม่มีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาน้ำมัน รวมถึงการมีทีมบริหารระดับสูงของบริษัทที่มีประสบการณ์อีกด้วย นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังได้พิจารณาถึงความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดของ BAFS ที่ยังคงแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง แม้กระทั่งในภาวะแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจที่อ่อนแอลง โดยเฉพาะในช่วง 12-18 เดือนที่ผ่านมา
อันดับเครดิตยังได้คำนึงถึงภาวะแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจขนส่งโดยสารทางอากาศยานที่คาดว่าจะยังคงอ่อนแออย่างต่อเนื่องในอีก 6-12 เดือนข้างหน้า แม้ว่าจะเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวในไตรมาสที่สี่ของปี 2552 รวมถึงความวิตกเกี่ยวกับความไม่สงบทางการเมืองภายในประเทศและการกลับมาระบาดของไข้หวัดใหญ่ 2009 แม้จะมีมาตรการและแผนรองรับเตรียมไว้บางส่วนแล้วก็ตาม
หลักเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตหาได้ที่ www.fitchratings.com ในการจัดอันดับเครดิตของบริษัทฯ นี้ ฟิทช์ได้ใช้หลักเกณฑ์ตาม Corporate Rating Methodology ลงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2552
ติดต่อ: สมฤดี ไชยวรรัตน์, โอบบุญ ถิรจิต, Vincent Milton, +662 655 4755
หมายเหตุ: การจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) เป็นการวัดระดับความน่าเชื่อถือในเชิงเปรียบเทียบกันระหว่างองค์กรในประเทศนั้นๆ โดยจะใช้ในประเทศที่อันดับเครดิตแบบสากลของรัฐบาลในประเทศนั้นอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ อันดับเครดิตขององค์กรที่ดีที่สุดของประเทศได้จัดไว้ที่ระดับ “AAA” และการจัดอันดับเครดิตอื่นในประเทศ จะเป็นการเปรียบเทียบความเสี่ยงกับองค์กรที่ดีที่สุดนี้เท่านั้น อันดับเครดิตภายในประเทศได้ถูกจัดทำขึ้นเพื่อใช้ในตลาดในประเทศเป็นหลักและจะมีสัญลักษณ์ที่กำหนดไว้ต่อท้ายจากอันดับเครดิตสำหรับประเทศนั้นๆ เช่น “AAA(tha)” ในกรณีของประเทศไทย ดังนั้นอันดับเครดิตภายในประเทศจึงไม่สามารถใช้เปรียบเทียบระหว่างประเทศได้
ข้อมูลเพิ่มเติมหาได้ที่ www.fitchratings.com
การใช้อันดับเครดิตที่จัดทำโดยฟิทช์เรทติ้งส์มีข้อจำกัดและขอบเขตการใช้ ซึ่งข้อจำกัดและขอบเขตของการใช้อันดับเครดิตดังกล่าวสามารถหาได้จาก HTTP://FITCHRATINGS.COM/UNDERSTANDINGCREDITRATINGS นอกจากนี้คำจำกัดความของอันดับเครดิตและการใช้อันดับเครดิตของ ฟิทช์ เรทติ้งส์ สามารถหาได้จาก www.fitchratings.com อันดับเครดิตที่ประกาศ หลักเกณฑ์และวิธีการจัดอันดับเครดิต ได้แสดงไว้ในเว็บไซต์ดังกล่าวตลอดเวลา หลักจรรยาบรรณ การรักษาข้อมูลภายใน ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้น แนวทางการเปิดเผยข้อมูลระหว่างบริษัทในเครือ กฎข้อบังคับรวมทั้งนโยบายและกระบวนการที่เกี่ยวข้องอื่นๆของฟิทช์ ได้แสดงไว้ในส่วน ‘หลักจรรยาบรรณ’ ในเว็บไซต์ดังกล่าวเช่นกัน ผู้ออกตราสารไม่ได้มีส่วนร่วมในกระบวนการจัดอันดับเครดิต นอกเหนือจากการเปิดเผยข้อมูลสาธารณะของบริษัทเท่านั้น