รายงานสถานการณ์อุทกภัย สภาวะอากาศ ปริมาณน้ำฝน และสภาพน้ำท่า 2549 วันที่ 16 ตุลาคม 2549 เวลา 06.00 น.

ข่าวทั่วไป Monday October 16, 2006 10:28 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--16 ต.ค.--ปภ.
1. ระหว่างวันที่ 27-31 สิงหาคม 2549 วันที่ 9-12 กันยายน 2549 และวันที่ 18-23 กันยายน 2549 ร่องความกดอากาศต่ำหรือร่องฝนกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง พายุดีเปรสชั่นเคลื่อนตัวผ่าน (24-25 ก.ย.49) และพายุดีเปรสชั่น “ช้างสาร” (1-3 ต.ค.49) ทำให้มีฝนตกหนักมากในพื้นที่ ระดับน้ำในแม่น้ำมีปริมาณน้ำสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมในพื้นที่ลุ่มริมฝั่งของลำน้ำหลายพื้นที่
1.1 พื้นที่ประสบภัย รวม 46 จังหวัด 290 อำเภอ 19 กิ่งอำเภอ 1,729 ตำบล 9,601 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 2,452,563 คน 638,966 ครัวเรือน ได้แก่ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำพูน ลำปาง แพร่ พะเยา อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ พิษณุโลก สุโขทัย ตาก กำแพงเพชร พิจิตร นครสวรรค์ ชัยนาท อุทัยธานี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี ปทุมธานี นนทบุรี นครปฐม นครนายก ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี จันทบุรี ตราด ชัยภูมิ ขอนแก่น อุดรธานี นครราชสีมา ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ สุรินทร์ อุบลราชธานี ยโสธร ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พังงา และกรุงเทพมหานคร
1.2 ความเสียหาย
1) ผู้เสียชีวิต 56 คน จังหวัดเชียงใหม่ 7 คน จังหวัดแม่ฮ่องสอน 2 คน จังหวัดลำปาง 2 คน จังหวัดสุโขทัย 7 คน จังหวัดพิษณุโลก 7 คน จังหวัดนครสวรรค์ 1 คน จังหวัดเพชรบูรณ์ 1 คน สิงห์บุรี 1 คน จังหวัดอ่างทอง 4 คน จังหวัดพิจิตร 1 คน จังหวัดปราจีนบุรี 5 คน จังหวัดจันทบุรี 4 คน จังหวัดปทุมธานี 2 คน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 9 คน จังหวัดชัยภูมิ 1 คน จังหวัดอุบลราชธานี 1 คน และจังหวัดพังงา 1 คน สูญหาย 2 คน (จังหวัดเชียงใหม่ 1 คน จังหวัดแม่ฮ่องสอน 1 คน)
2) ด้านทรัพย์สิน บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 44 หลัง เสียหายบางส่วน 8,005 หลัง ถนน 3,347 สาย สะพาน 263 แห่ง ท่อระบายน้ำ 385 แห่ง ทำนบ/ฝาย/เหมือง 463 แห่ง พื้นที่ทางการเกษตร 1,836,418 ไร่ บ่อปลา/กุ้ง 19,559 บ่อ วัด/โรงเรียน 466 แห่ง ความเสียหายอื่น ๆ อยู่ระหว่างการสำรวจ มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นเท่าที่สำรวจได้ ประมาณ 305,289,193 บาท
สถานการณ์ปัจจุบัน
2. พื้นที่ที่ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 16 จังหวัด เนื่องจากระดับน้ำในแม่น้ำสายหลักที่ไหลผ่านพื้นที่สูงกว่าตลิ่ง ได้แก่จังหวัดพิษณุโลก สุโขทัย พิจิตร นครสวรรค์ ชัยนาท อุทัยธานี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี ปทุมธานี นนทบุรี ปราจีนบุรี และกรุงเทพมหานคร ดังนี้
2.1 จังหวัดในลุ่มน้ำยมและลุ่มน้ำน่าน รวม 4 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ ริมแม่น้ำ และพื้นที่การเกษตรในที่ลุ่มที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี ได้แก่
- จังหวัดพิษณุโลก จำนวน 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบางระกำ 9 ตำบล อำเภอพรหมพิราม 9 ตำบล อำเภอเมือง 1 ตำบล อำเภอวัดโบสถ์ 6 ตำบล
- จังหวัดสุโขทัย ยังคงมีน้ำท่วมขัง จำนวน 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง 6 ตำบล และ อำเภอกงไกรลาศ 11 ตำบล ระดับน้ำเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง
- จังหวัดพิจิตร จำนวน 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง 11 ตำบล 1 เทศบาล (เทศบาลตำบลท่าฬ่อ) อำเภอสามง่าม 4 ตำบล อำเภอวชิรบารมี 4 ตำบล อำเภอโพธิ์ประทับช้าง 7 ตำบล อำเภอโพทะเล 9 ตำบล อำเภอตะพานหิน 10 ตำบล 1 เทศบาล (เทศบาลเมืองตะพานหิน) อำเภอบึงนาราง 5 ตำบล และ อำเภอบางมูลนาก 9 ตำบล
- จังหวัดนครสวรรค์ จำนวน 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง 16 ตำบล 1 เทศบาล (เทศบาลนครนครสวรรค์) อำเภอชุมแสง 11 ตำบล 1 เทศบาล (เทศบาลตำบลทับกฤช) อำเภอเก้าเลี้ยว 5 ตำบล อำเภอโกรกพระ 8 ตำบล 2 เทศบาล (เทศบาลตำบลโกรกพระ และเทศบาลตำบลบางประมุง) อำเภอพยุหะคีรี 7 ตำบล อำเภอบรรพตพิสัย 13 ตำบล 1 เทศบาล (เทศบาลตำบลบรรพตพิสัย) และอำเภอท่าตะโก 10 ตำบล
ส่วนการให้ความช่วยเหลือต่าง ๆ นั้น ทุกหน่วยงานยังคงปฏิบัติงานการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง
๏ ระดับน้ำในแม่น้ำยม ที่ฝายบางบ้า อำเภอบางระกำ เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 16 ต.ค.49 ระดับน้ำสูง 43.00 ม. (ระดับตลิ่ง 40.50 ม.) ระดับน้ำสูงกว่าตลิ่ง 2.50 ม.
๏ ระดับน้ำในแม่น้ำยม เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 16 ต.ค.49 ที่สถานี Y.33 อำเภอศรีสำโรง จังหวัดสุโขทัย ระดับน้ำสูง 7.47 ม. (ระดับตลิ่ง 10.00 ม.) ต่ำกว่าตลิ่ง 2.53 ม. ที่สถานี Y.4 อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย ระดับน้ำสูง 6.84 ม. (ระดับตลิ่ง 7.45 ม.) ต่ำกว่าตลิ่ง 0.61 ม. และที่ฝายยางบ้านกง อำเภอกงไกรลาศ จังหวัดสุโขทัย ระดับน้ำสูง 10.54 ม. (ระดับตลิ่ง 9.00 ม.) สูงกว่าตลิ่ง 1.46 ม.
2.2 จังหวัดลพบุรี มีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีระดับต่ำกว่าน้ำในคลองชัยนาท-ป่าสัก และจากน้ำเหนือเขื่อนป่าสัก ฯ ล้นตลิ่งใน 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอท่าวุ้ง อำเภอ บ้านหมี่ อำเภอเมือง อำเภอชัยบาดาล อำเภอพัฒนานิคม อำเภอท่าหลวง อำเภอลำสนธิ และ อำเภอโคกสำโรง ระดับน้ำสูงประมาณ 0.50-1.00 ม.
2.3 จังหวัดสระบุรี น้ำจากแม่น้ำป่าสักเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง 4 ตำบล อำเภอวิหารแดง 2 ตำบล อำเภอหนองแค 1 ตำบล อำเภอเสาไห้ 4 ตำบล ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10-0.40 ม. และ อำเภอบ้านหมอ 4 ตำบล 1 เทศบาล ระดับน้ำสูงประมาณ 0.80 -1.00 ม.
2.4 จังหวัดชัยนาท มีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง 8 ตำบล 1 เทศบาล (เทศบาลเมืองชัยนาท) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.60-0.90 ม. อำเภอสรรพยา 7 ตำบล 2 เทศบาล (เทศบาลตำบลสรรพยา และเทศบาลโพนางดำ) ระดับน้ำสูงประมาณ 1.30-1.80 ม. และ อำเภอหันคา 7 ตำบล 2 เทศบาล ระดับน้ำสูงประมาณ 0.80-1.30 ม.
2.5 จังหวัดอุทัยธานี มีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่
1) อำเภอเมือง น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำสะแกกรังเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ 9 ตำบล 2 เทศบาล (เทศบาลตำบลอุทัยใหม่ และเทศบาลตำบลอุทัยใหม่) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.60-1.20 ม.
2) อำเภอหนองขาหย่าง น้ำจากอ่างเก็บน้ำห้วยขุนแก้วและแม่น้ำสะแกกรัง เอ่อเข้าท่วมในพื้นที่ 6 ตำบล ระดับน้ำสูงประมาณ 0.60-0.80 ม.
2.6 จังหวัดสิงห์บุรี มีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภออินทร์บุรี 6 ตำบล 1 เทศบาล (เทศบาลตำบลอินทร์บุรี) ระดับน้ำสูงประมาณ 1.30-1.70ม. อำเภอพรหมบุรี 6 ตำบล ระดับน้ำสูงประมาณ 1.30-1.80 ม. อำเภอท่าช้าง 4 ตำบล ระดับน้ำสูงประมาณ 0.40-0.70 ม. และอำเภอเมือง ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 4 ตำบล 1 เทศบาล (เทศบาลเมืองสิงห์บุรี) ระดับน้ำสูงประมาณ 1.30-2.20 ม.
2.7 จังหวัดอ่างทอง น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำน้อยมีระดับสูงขึ้น ท่วมบ้านเรือนราษฎร และพื้นที่การเกษตรในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่
1) อำเภอเมือง เกิดน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 10 ตำบล 1 เทศบาล (เทศบาลเมืองอ่างทอง) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.60-1.50 ม. แนวกั้นน้ำในเขตเทศบาลเมืองอ่างทองพังหลายจุดทำให้น้ำในเขตพื้นที่ตำบลศาลาแดงขยายวงกว้าง และมีระดับน้ำสูงเฉลี่ยประมาณ 0.80 ม.
2) อำเภอป่าโมก มีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 7 ตำบล 1 เทศบาล (เทศบาลตำบลป่าโมก ชุมชนที่ 1-2,8-10) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.40-1.20 ม.
3) อำเภอไชโย มีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 7 ตำบล 2 เทศบาล (เทศบาลตำบลจระเข้ร้อง เทศบาลตำบลเกษไชโย) ระดับน้ำสูงประมาณ 1.00-1.50 ม.
4) อำเภอแสวงหา มีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 5 ตำบล ระดับน้ำสูงประมาณ 0.50-0.80 ม.
5) อำเภอวิเศษชัยชาญ มีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 12 ตำบล ระดับน้ำสูงประมาณ 0.80-1.00 ม.
6) อำเภอโพธิ์ทอง น้ำจากแม่น้ำน้อยท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 15 ตำบล ระดับน้ำสูงประมาณ 0.50-1.50 ม. อำเภอ และองค์การบริหารส่วนตำบล ได้อพยพราษฎรที่ประสบภัยตำบล บางระกำ และตำบลอินทร์ประมูล ไปไว้ที่ถนนบางพับ-ชัยโย (สายใน) จำนวน 80 ครอบครัว และได้สร้างเต็นท์ ให้ผู้ประสบภัย จำนวน 30 เต็นท์
7) อำเภอสามโก้ มีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 5 ตำบล ระดับน้ำสูงประมาณ 0.50-0.80 ม.
2.8 จังหวัดพระนครศรีอยุธยา น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำน้อยมีระดับสูงขึ้นท่วมบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 6 อำเภอ ได้แก่
1) อำเภอพระนครศรีอยุธยา น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำป่าสัก ได้ไหลเข้าท่วมในพื้นที่ 18 ตำบล ระดับน้ำสูงประมาณ 1.00-1.40 ม.
2) อำเภอบางบาล น้ำในแม่น้ำน้อยท่วมบ้านเรือนราษฎร และพื้นที่การเกษตร 16 ตำบล ระดับน้ำสูงประมาณ 1.10-1.40 ม.
3) อำเภอบางไทร น้ำในแม่น้ำน้อยท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 23 ตำบล ระดับน้ำสูงประมาณ 0.80-1.35 ม.
4) อำเภอผักไห่ ระดับน้ำในแม่น้ำน้อยท่วมบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 16 ตำบล ระดับน้ำสูงประมาณ 1.10-1.65 ม.
5) อำเภอเสนา มีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 10 ตำบล 1 เทศบาล (เทศบาลเมืองเสนา) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.70-1.25 ม.
6) อำเภอมหาราช มีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 5 ตำบล ระดับน้ำสูงประมาณ 0.70-1.80 ม.
2.9 จังหวัดสุพรรณบุรี มีน้ำท่วมในพื้นที่ลุ่มริมแม่น้ำท่าจีน 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง 16 ตำบล อำเภอบางปลาม้า 14 ตำบล และอำเภอสามชุก 7 ตำบล และอำเภอศรีประจันต์ 9 ตำบล ระดับน้ำสูงประมาณ 0.70-1.80 ม.
2.10 จังหวัดปทุมธานี น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยามีปริมาณสูงขึ้นเนื่องจากน้ำทางเหนือได้ไหลหลาก ลงมาทำให้เอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 6 อำเภอ ได้แก่
1) อำเภอเมือง มีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 8 ตำบล ระดับน้ำสูงประมาณ 0.30-0.50 ม.
2) อำเภอสามโคก มีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 10 ตำบล 1 เทศบาล (เทศบาลตำบลบางเตย) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.50-1.00 ม.
3) อำเภอคลองหลวง มีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 7 ตำบล ระดับน้ำสูงประมาณ 0.50-0.70 ม.
4) อำเภอธัญบุรี มีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 1 ตำบล 2 เทศบาล ได้แก่ เทศบาลเมืองรังสิต บริเวณ หมู่บ้านสร้างบุญ ตลาดสุชาติรังสิต และหมู่บ้านรัตนโกสินทร์สองร้อยปี เทศบาลตำบล ธัญบุรี มีน้ำท่วมขังภายในชุมชนคลองขวาง ชุมชนเคหะรังสิตคลอง 6 และชุมชนคลองหก และตำบลบึงยี่โถ ระดับน้ำ สูงประมาณ 0.10-0.20 ม.
5) อำเภอลำลูกกา มีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 8 ตำบล 3 เทศบาล (เทศบาลเมืองคูคต เทศบาลตำบลลำลูกกา เทศบาลตำบลลำไทร) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-0.40 ม.
6) อำเภอลาดหลุมแก้ว มีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 6 ตำบล 1 เทศบาล (เทศบาลตำบลระแหง) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10-0.30 ม.
2.11 จังหวัดนนทบุรี แม่น้ำเจ้าพระยามีระดับสูงขึ้นประกอบกับมีน้ำทะเลหนุนจึงทำให้น้ำเอ่อล้นไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มและบ้านเรือนราษฎรริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา รวมทั้งลำคลองสาขาของแม่น้ำเจ้าพระยา ในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอปากเกร็ด อำเภอเมือง อำเภอบางบัวทอง อำเภอไทรน้อย อำเภอบางใหญ่ และ อำเภอบางกรวย
2.12 จังหวัดปราจีนบุรี น้ำในแม่น้ำปราจีนบุรี เอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอกบินทร์บุรี 7 ตำบล 1 เทศบาล (เทศบาลตำบลกบินทร์) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.50-0.90 ม. อำเภอศรีมหาโพธิ 5 ตำบล 1 เทศบาล (เทศบาลตำบลศรีมหาโพธิ) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.40-0.70 ม. อำเภอศรีมโหสถ 4 ตำบล ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-0.30 ม. อำเภอเมือง 11 ตำบล ระดับน้ำสูงประมาณ 0.70-1.60 ม. และ อำเภอประจันตคาม 2 ตำบล ระดับน้ำสูงประมาณ 0.30-0.50 ม.
2.13 กรุงเทพมหานคร ปริมาณน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาที่ระบายเข้าทุ่งฝั่งตะวันออกมีปริมาณมาก ทำให้เกิดน้ำท่วมขังในพื้นที่ ดังนี้
- เขตลาดกระบัง มีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 37 ชุมชน ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-0.50 ม.
- เขตมีนบุรี มีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 13 ชุมชน ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10-0.50 ม.
- เขตหนองจอก มีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 21 ชุมชน ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-0.50 ม.
- เขตสายไหม มีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 3 ชุมชน ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10 ม.
- เขตคลองสามวา มีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 24 ชุมชน ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10-0.30 ม.
- เขตสะพานสูง มีน้ำท่วมขังในพื้นที่ถนน 3 สาย ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10-0.15 ม.
และท่วมในชุมชนริมมีแม่น้ำเจ้าพระยา คลองบางกอกน้อย คลองมหาสวัสดิ์ นอกแนวคันกั้นน้ำใน 11 เขต 33 ชุมชน 2,111 ครัวเรือน
3. กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ ประจำวันที่ 15 ตุลาคม 2549 เวลา 17.00 น.
ความกดอากาศสูงจากประเทศจีนแผ่ปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็นและมีหมอกในตอนเช้า สำหรับร่องความกดอากาศต่ำยังคงพาดผ่านภาคใต้ตอนกลาง และอ่าวไทย ทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองกระจายในระยะนี้ ส่วนภาคอื่นๆมีฝนตก ร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ส่วนมากในตอนเย็นถึงค่ำ
4. ปริมาณน้ำฝน ตั้งแต่ 07.00 น วันที่ 15 ต.ค.49 ถึง 07.00 น วันที่ 16 ต.ค.49 วัดได้ ดังนี้
จังหวัดกาญจนบุรี (อ.ทองผาภูมิ) 38.0 มม.
จังหวัดฉะเชิงเทรา (อ.สนามชัยเขต) 8.8 มม.
จังหวัดสุราษฎร์ธานี (อ.กาญจนดิษฐ์) 27.6 มม.
จังหวัดตาก (อ.อุ้มผาง) 7.7 มม.
จังหวัดภูเก็ต (อ.เมือง) 10.6 มม.
จังหวัดอุบลราชธานี (อ.เมือง) 2.5 มม.
กรุงเทพมหานคร (เขตประเวศ) 16.5 มม.
5. สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำ (ข้อมูลวันที่ 15 ต.ค.49)
- เขื่อนภูมิพล ปริมาตรน้ำในอ่าง ฯ 13,313 ล้าน ลบ.ม. (รับได้อีก 149 ล้าน ลบ.ม.) คิดเป็น ร้อยละ 99 ของความจุอ่าง ฯ ทั้งหมด
- เขื่อนสิริกิติ์ ปริมาตรน้ำในอ่าง 9,425 ล้าน ลบ.ม. (รับได้อีก 85 ล้าน ลบ.ม.) คิดเป็น ร้อยละ 99 ของความจุอ่าง ฯ ทั้งหมด
- อ่างเก็บน้ำแก่งกระจาน ปริมาตรน้ำ 581.82 ล้าน ลบ.ม. (รับน้ำได้อีก 128 ล้าน ลบ.ม.) คิดเป็นร้อยละ 81.94 ของความจุ มีการระบายน้ำ จำนวน 104.00 ลบ.ม./วินาที และระบายน้ำโดยวิธีกาลักน้ำได้ 3.30 ลบ.ม./วินาที (วางท่อ 10 แถว) รวมระบายน้ำทั้งหมด 107.30 ลบ.ม./วินาที เพื่อพร่องน้ำในอ่างฯไว้รอรับน้ำหลากในช่วงฝนชุก
6. สภาพน้ำเจ้าพระยา
6.1 วันนี้ (16 ต.ค.49) มีปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่าน จ.นครสวรรค์ จำนวน 5,850 ลบ.ม./วินาที ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท จำนวน 4,030 ลบ.ม./วินาที และมีปริมาณน้ำระบายจากเขื่อนพระรามหก จำนวน 758.52 ลบ.ม./วินาที ทำให้ปริมาณน้ำที่ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา มีจำนวน 4788.52 ลบ.ม./วินาที ทำให้เกิดผลกระทบในพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นบริเวณกว้างในหลายพื้นที่ (กรณีปริมาณน้ำเจ้าพระยาไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเกิน 2,500 ลบ.ม./วินาที จะทำให้น้ำท่วม อ.สรรพยา จ.ชัยนาท สองฝั่งเจ้าพระยาของ จ.สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล)
๐สถิติการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาจังหวัดชัยนาท เมื่อคราวเกิดอุทกภัยเมือปี 2538 และปี 2545
5 ต.ค.2538 ระบายน้ำสูงสุด 4,557 ลบ.ม./วินาที
10 ต.ค.2545 ระบายน้ำสูงสุด 3,950 ลบ.ม./วินาที
6.2 ในพื้นที่ทุ่งเจ้าพระยาฝั่งตะวันออกตอนล่างได้มีการระบายน้ำและสูบน้ำลงแม่น้ำนครนายก วันละ 1.32 ล้าน ลบ.ม. ระบายและสูบน้ำลงแม่น้ำบางปะกง วันละ 6.24 ล้าน ลบ.ม. ระบายและสูบออกทะเล วันละ 22.91 ล้าน ลบ.ม. และในพื้นที่ทุ่งฝั่งตะวันตกมีการระบายน้ำและสูบน้ำออกสู่แม่น้ำท่าจีนวันละ 11.83 ล้าน ลบ.ม.ระบายน้ำและสูบผ่านคลองมหาชัย 0.29 ล้าน ลบ.ม. ส่วนในแม่น้ำเจ้าพระยามีโครงการคลองลัดโพธิ์ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ได้มีการเปิด-ปิดบานโดยการระบายน้ำออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยาได้เร็วขึ้น ซึ่งจะเปิดบานระบายน้ำในช่วงน้ำทะเลลง และปิดบานระบายน้ำในช่วงน้ำทะเลขึ้น โดยวันนี้ (14 ต.ค.49) สามารถระบายน้ำผ่านประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ลงแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง จำนวน 14.50 ชั่วโมง โดยมีปริมาณน้ำผ่านสูงสุด ประมาณ 26.10 ล้าน ลบ.ม.
7. สำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้แจ้งเตือนให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 4,11,12 และรวมทั้งจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ ที่คาดว่าจะเกิดภัยให้เตรียมพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย ดินถล่ม และคลื่นลมแรง ที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่ โดยจัดเจ้าหน้าที่อยู่เวรเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานงานกับ อำเภอ กิ่งอำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หากเกิดสถานการณ์รุนแรงขึ้นในจังหวัดใด ให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต ฯ ที่รับผิดชอบพื้นที่จังหวัดนั้นจัดเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องจักรกลเข้าสนับสนุนทันที
8. ศูนย์อำนวยการบรรเทาสาธารณภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ หากมีสถานการณ์คืบหน้าประการใด จักได้ติดตามและรายงานให้ทราบต่อไป
รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
Disasterthailand@yahoo.com หรือ โทรสาร 0-2241-7450-6 (กลุ่มงานปฏิบัติการ ศูนย์อำนวยการบรรเทาสาธารณภัย)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ