กรุงเทพฯ--20 ม.ค.--ธนาคารธนชาต
พร้อมดันสินทรัพย์ของธนาคารธนชาต (TBANK) โตขึ้นเป็นอันดับ 7 ในระบบธนาคาร
กลุ่มธนชาต โชว์ศักยภาพโตฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจ เผยผลกำไรปี 2552 ทุนธนชาต (TCAP) ทำได้ 5,109 ล้านบาท ขณะที่กำไรจากงบการเงินรวมของธนาคารธนชาต (TBANK) ทำได้ 4,056 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 117% พร้อมโชว์สินทรัพย์รวมของธนาคารธนชาต 4.33 แสนล้านบาท โตขึ้นเป็นอันดับ 7 ในระบบธนาคาร เผยแผนปี 2553 ใช้ธนาคารเป็นแกนหลักในการทำธุรกิจด้วยความแข็งแกร่งต่อไป โดยรุกธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์เพื่อรักษาความเป็นผู้นำให้ได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมขยายฐานสินเชื่อธุรกิจ ขณะที่แผนการเข้าซื้อธนาคารนครหลวงไทยอยู่ระหว่างการทำ Due Diligence น่าจะทราบผลภายในไตรมาส 1 ปีนี้
นายศุภเดช พูนพิพัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TCAP เปิดเผยว่า การดำเนินธุรกิจของกลุ่มธนชาตในปี 2552 ถือว่าประสบผลสำเร็จเป็นอย่างสูง เนื่องมาจากการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจทั่วโลกมีความผันผวนและกระทบมาถึงประเทศไทย โดยบริษัท ทุนธนชาต และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิในปี 2552 จำนวน 5,109 ล้านบาท อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นในปี 2552 ได้เท่ากับ 17.1% และอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ในปี 2552 เท่ากับ 1.2%
ในส่วนของงบการเงินรวมของธนาคารธนชาต หรือ TBANK ในปี 2552 มีกำไรสุทธิจำนวน 4,056 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 2,187 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นถึง 117% จากปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการขับเคลื่อนการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพภายใต้กลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนชาต ที่ประกอบด้วย ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจจัดการกองทุน ธุรกิจประกันภัยและประกันชีวิต รวมถึงธุรกิจสนับสนุนอื่น ตลอดจนการร่วมมือกับพันธมิตรสโกเทียแบงก์จากแคนาดา ส่งผลให้ผลประกอบการในปี 2552 ของธนาคาร ธนชาตเติบโตขึ้นมากอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ ณ ปัจจุบันธนาคารธนชาตและบริษัทย่อย มีสินทรัพย์รวม 4.33 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.4% โตขึ้นเป็นอันดับ 7 ในระบบธนาคารพาณิชย์ จากก่อนหน้านี้ที่อยู่ในอันดับ 8 โดยผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นในปี 2552 เท่ากับ 17.0% และผลตอบแทนต่อสินทรัพย์เท่ากับ 1.1%
นายศุภเดช กล่าวว่า สำหรับในปี 2553 นี้ จะใช้ธนาคารธนชาตเป็นแกนหลักในการทำธุรกิจด้วยความแข็งแกร่งต่อไป ทั้งนี้จะยังคงให้ความสำคัญกับธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ซึ่งเป็นธุรกิจที่ธนาคารฯ มีความถนัดและเป็นผู้นำในธุรกิจนี้ โดยจะรักษาความเป็นผู้นำและส่วนแบ่งทางการตลาดที่ประมาณ 20% ให้ได้อย่างต่อเนื่องและในปีนี้มีแผนในการขยายสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ หรือ “รถแลกเงิน” มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีนโยบายที่จะเพิ่มสัดส่วนเงินให้สินเชื่อในประเภทอื่นๆ ในกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ทั้งสินเชื่อธุรกิจ (Corporate Loan) สินเชื่อ SMEs สินเชื่อส่วนบุคคล ขณะที่แผนการเข้าซื้อธนาคารนครหลวงไทยอยู่ระหว่างการทำ Due Diligence น่าจะทราบผลภายในไตรมาส 1 ปีนี้