DSGT ขายเกลี้ยง นักลงทุนสนใจจองหุ้นท่วมท้น

ข่าวทั่วไป Friday July 28, 2006 11:07 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--28 ก.ค.--ดีเอสจี อินเตอร์เนชั่นแนล ลิมิเต็ด
นักลงทุนแห่จองซื้อหุ้นไอพีโอของ DSGT ผู้ผลิตผ้าอ้อมรายใหญ่ในไทยเกลี้ยง นักวิเคราะห์มองหุ้น DSGT พื้นฐานดี เหมาะลงทุนในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว ให้ราคาเหมาะสมช่วง 1 ปีข้างหน้าระหว่าง 4.17-4.50 บาทต่อหุ้น
นายญาณศักดิ์ มโนมัยพิบูลย์ (Yarnsak Manomaiphiboon) กรรมการผู้อำนวยการ (President) บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) (บล.บัวหลวง) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและแกนนำในการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญ บริษัท ดีเอสจี อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (“DSGT”) เปิดเผยว่า หุ้นไอพีโอของ DSGT ที่เสนอขายในราคา 3.20 บาทต่อหุ้น ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างมาก อันเป็นการสะท้อนถึงพื้นฐานของบริษัทที่แข็งแกร่งและมีศักยภาพในการเติบโต
“นักลงทุนทั้งสถาบันและรายย่อยให้ความสนใจจองซื้อหุ้น DSGT เป็นจำนวนมาก ซึ่งหุ้นทั้งหมดได้มีการจัดจำหน่ายหมดแล้ว” นายญาณศักดิ์ กล่าว
บริษัท DSGT ซึ่งเป็นผู้นำตลาดผ้าอ้อมในไทย ได้เสนอขายหุ้นสามัญจำนวน 75.193 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท คิดเป็น 25.06% ของทุนจดทะเบียนภายหลังการเสนอขาย ให้แก่นักลงทุนโดยเปิดให้จองหุ้นเมื่อระหว่างวันที่ 24-26 กรกฎาคม ทั้งนี้ หุ้นไอพีโอของ DSGT จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 9 สิงหาคม โดยอยู่ในกลุ่มของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์
โดยบริษัท DSGT วางแผนที่จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ ไปชำระคืนเงินกู้สถาบันการเงิน ซึ่งได้กู้มาเพื่อซื้อเครื่องจักรและขยายโรงงานการผลิตและส่วนที่เหลือสำรองเป็นเงินทุนหมุนเวียน ซึ่งจะทำให้ภาระดอกเบี้ยจ่ายของบริษัทลดลง โดยหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้จะทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนลดลงเหลือ 0.57 เท่า จากปีก่อน 2.03 เท่า
ในการจำหน่ายหุ้นครั้งนี้ บริษัท DSGT ได้เซ็นสัญญาแต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย และมี บล.ฟินันซ่า บล.เคจีไอ บล.ฟิลลิป และ บล.เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่าย
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์จากหลายค่ายมองว่า หุ้น DSGT มีพื้นฐานดี โดยอัตรากำไรสุทธิมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นค่อนข้างมากในช่วงปี 2549-2550 อันเป็นผลมาจากกำไรขั้นต้นที่ปรับตัวสูงขึ้นจากราคาขายที่เพิ่มขึ้น การขยายตัวอย่างต่อเนื่องของตลาดผ้าอ้อมสำเร็จรูปทั้งสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับ ประโยชน์จากการประหยัดดอกเบี้ยภายหลังที่บริษัทฯ ได้จ่ายคืนเงินกู้ที่ใช้ในการขยายธุรกิจ
จากการคาดการณ์ของบริษัทหลักทรัพย์ 3 แห่ง กำไรสุทธิของ DSGT จะปรับตัวสูงขึ้นโดยเฉลี่ย ปีละประมาณ 30% เป็น 140 ล้านบาทในปี 2549 และเป็น 182 ล้านบาทในปี 2550 สำหรับปี 2548 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 2.27 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 105.98 ล้านบาท
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ 3 แห่ง ประเมินราคาเป้าหมายหุ้น DSGT ที่เหมาะสมในช่วง 1 ปี อยู่ในช่วงระหว่า 4.17-4.50 บาทต่อหุ้น นอกจากนี้ บริษัท DSGT มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลที่ไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ ซึ่งคาดว่าจะมีการจ่ายปันผลได้ระหว่าง 0.35-0.40 บาท/หุ้น ในช่วง 2 ปีข้างหน้า คิดเป็น Yield เฉลี่ย 9% ต่อปี
นักวิเคราะห์มองว่าตลาดผ้าอ้อมสำเร็จรูปมีแนวโน้มในการขยายตัวอีกมาก เนื่องจากปริมาณการใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ในประเทศแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังอยู่ในระดับต่ำ เมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยมีอัตราเติบโตสูงถึง 4 เท่า และ 7 เท่า จากระดับปัจจุบัน ซึ่งเป็นการอ้างอิงจากฐานประชากรศาสตร์และอัตราการใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปในปัจจุบัน
“หุ้น DSGT เหมาะแก่การลงทุนในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว เพราะผ้าอ้อมถือเป็นสินค้าจำเป็น ดังนั้นน่าจะได้รับผลจากพิษเศรษฐกิจในสัดส่วนที่ต่ำกว่าอุตสาหกรรมอื่น นอกจากนี้การอุปโภคผ้าอ้อมในประเทศกำลังพัฒนายังต่ำเทียบกับประเทศพัฒนาแล้วซึ่งอยู่ที่ 5-6 ชิ้น/คน/วัน ดังนั้นศักยภาพการเติบโตของบริษัทยังมีอีกมาก” นักวิเคราะห์กล่าว
ทั้งนี้ DSGT มีแผนที่จะขยายเข้าไปในตลาดต่างจังหวัด ที่ยังคงมีอัตราการใช้อยู่ในระดับต่ำ และเพิ่มการขายสินค้าโดยตรงให้กับทางโรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชน และร้านขายยามากยิ่งขึ้น เพื่อจะช่วยรักษาปริมาณยอดขายให้อยู่ในระดับสูงได้ในระยะยาว
ปัจจุบันบริษัท DSGT เป็นผู้นำตลาดในด้านผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับผู้ใหญ่ทั้งในประเทศไทยและอินโดนีเซีย สำหรับตลาดผ้าอ้อมสำหรับเด็กเป็นผู้ครองตลาดลำดับที่สองในประเทศไทย และ ลำดับ 3 ในประเทศอินโดนีเซียและมาเลเซีย ทั้งนี้ บริษัทฯ มีการผลิตสินค้าและทำการตลาดครอบคลุมทุกกลุ่ม โดยผลิตภัณฑ์ผ้าอ้อมเด็กในกลุ่มพรีเมี่ยม ได้แก่ แบรนด์ “Fitti Soft Comfort” กลุ่มระดับกลาง ได้แก่ แบรนด์ “BabyLove” และกลุ่มราคาประหยัด “Fitti Basic” ส่วนผลิตภัณฑ์ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ในกลุ่มพรีเมี่ยม ได้แก่ แบรนด์ “Dispo123” กลุ่มระดับกลาง ได้แก่ แบรนด์ “Certainty Guard” และกลุ่มราคาประหยัดได้แก่ แบรนด์ “Certainty”
บริษัท DSGT มีโรงงานผลิตตั้งอยู่ที่เขตประกอบการอุตสาหกรรม เอสไอแอล จังหวัดสระบุรี ซึ่งได้รับสิทธิประโยชน์จากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ ดำเนินการผลิตผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับเด็กเพื่อจำหน่ายภายในประเทศ และยังเป็นฐานการผลิตผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับผู้ใหญ่ เพื่อจำหน่ายภายในประเทศและส่งออกไปยังมาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกง ญี่ปุ่น จีน อินเดีย บังคลาเทศและปากีสถาน เป็นต้น
บริษัท DSGT เป็นบริษัทในเครือของบริษัท ดีเอสจี อินเตอร์เนชั่นแนล ลิมิเต็ด มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ฮ่องกง และมีบริษัทในเครืออยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา ฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีน มาเลเซีย อินโดนีเซีย ไทย และสิงคโปร์ โดยดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับเด็กและผู้ใหญ่
โดยภายหลังเสนอขายหุ้นในครั้งนี้แล้ว จะทำให้โครงสร้างผู้ถือหุ้นรายใหญ่ประกอบด้วย บริษัท ดีเอสจี อินเตอร์เนชั่นแนล ลิมิเต็ด (DSGIF) ถือหุ้นเหลือร้อยละ 65.74 จากเดิมร้อยละ 82.17 นายประพันธ์ อนุวงศ์นุเคราะห์และภรรยา ถือหุ้นร้อยละ 9.20 จากเดิมร้อยละ 11.50 และส่วนสุดท้ายประชาชนทั่วไปคิดเป็น ร้อยละ 25.06
สื่อมวลชนสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
คุณปิยวรรณ อนันต์เวทยานนท์
ที่ปรึกษางานประชาสัมพันธ์
โทร. 0-1944-1972

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ