กรุงเทพฯ--21 ม.ค.--กรมทรัพย์สินทางปัญญา
เป็นความภูมิใจที่ข้าวหอมมะลิไทยได้รับความนิยมเป็นอย่างมากและต่อเนื่องจากตลาดการค้าโลก ข้าวหอมมะลิไทยถูกจัดเป็นอันดับหนึ่งในตลาดทั้งในและต่างประเทศเนื่องจากมีความโดดเด่นเฉพาะตัวทั้งในด้านสายพันธุ์และภูมิประเทศที่เพาะปลูกซึ่งไม่สามารถลอกเลียนแบบได้โดยง่าย ดังที่มีกระแสข่าวว่าสหรัฐฯ ประสบความสำเร็จในการปรับปรุงพันธุ์ข้าวและได้จดใช้ชื่อว่า “JAZZMEN RICE LLC” สหรัฐฯ เร่งเพิ่มผลผลิตเพื่อลดอัตราการนำเข้าข้าวหอมมะลิจากประเทศไทยนั้น เป็นความพยายามที่จะพัฒนาข้าวพื้นเมืองให้มีคุณภาพเทียบเคียง เพื่อลดการบริโภคข้าวหอมมะลิไทยให้น้อยลง ซึ่งได้รับการยืนยันจากสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยมาแล้วว่า การที่ “JAZZMEN RICE LLC” จะมาเป็นคู่แข่งที่สำคัญของข้าวหอมมะลิไทยนั้น เป็นการยาก ไม่ว่าจะเป็นคุณสมบัติของพันธุ์ข้าวในเรื่องความหอม ความนุ่ม ความสวยงามของเมล็ดข้าวที่เรียวยาว เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว รวมทั้งสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์หรือ GI (GEOGRAPHICAL INDICATION) ของแหล่งเพาะปลูกในประเทศไทยที่มีคุณลักษณะพิเศษแตกต่างจากข้าวที่ปลูกในพื้นที่อื่นเนื่องจากองค์ประกอบทางธรรมชาติ และวิธีการเพาะปลูกของเกษตรกรไทย โดยภูมิประเทศตามธรรมชาตินั้นสร้างสิ่งแวดล้อมหรือวัตถุดิบให้แก่การผลิต ส่วนมนุษย์นั้นใช้ทักษะ ความชำนาญภูมิปัญญาในการผลิตประกอบกัน จึงก่อให้เกิดสินค้าที่มีคุณภาพหรือคุณลักษณะพิเศษเฉพาะตัว ทำให้ข้าวหอมมะลิไทยมีอัตลักษณ์โดดเด่น ลอกเลียนแบบได้ยาก
กรมทรัพย์สินทางปัญญา ได้ให้บริการรับขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์กับสินค้าไทยมาตั้งแต่งปี 2547 และสำหรับข้าวไทยขณะนี้ กรมฯ ได้รับขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ไว้ 5 สายพันธุ์ ได้แก่ ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้, ข้าวเจ็กเชยเสาไห้, ข้าวเหลืองประทิวชุมพร, ข้าวฮางหอมทองสกลทวาปี, และข้าวหอมมะลิสุรินทร์ ที่โดดเด่นที่สุดคือ ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ ซึ่งขณะนี้ กรมทรัพย์สินทางปัญญาได้นำเสนอขอรับการคุ้มครองสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์จากประชาคมยุโรป หรือ อียู ภายในปี 2554 ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ของไทย จะได้รับการคุ้มครองในประชาคมยุโรปอย่างเป็นทางการ นั่นหมายความว่า ข้าวหอมมะลิไทยที่มีอัตลักษณ์เฉพาะตัวโดดเด่น จะสามารถขยายความนิยมไปยังตลาดใหม่ โดยที่มีเรื่องราวความสำเร็จสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ไม่ใช่เพียงเสียงเล่าอ้างถึงคุณภาพเท่านั้น เราจะมีเครื่องหมายรับรองคุณภาพที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติพกติดตัวไปในทุกตลาดการค้า
ขณะนี้ตลาดการส่งออกข้าวไทยอันดับหนึ่งนั้นยังคงเป็น สหรัฐอเมริกา รองลงมาคือฮ่องกง ยุโรป สิงคโปร์ และจีน ตามลำดับ ข้าวหอมมะลิของไทยถือเป็นสินค้าคุณภาพเกรดเอ ซึ่งตลาดที่สามารถบริโภคสินค้าของเราได้ก็จะเป็นตลาดบน หากพิจารณาในเรื่องการแข่งขัน เราย่อมเสียเปรียบในเรื่องราคาเพราะราคาที่สูงตามมาตรฐานสินค้าอาจจะเป็นจุดอ่อนสำคัญ แต่กรมทรัพย์สินทางปัญญาเอง พยายามผลักดันให้คำว่า สินค้าเกรดเอนี้ จับต้องได้และเป็นรูปธรรม ด้วยการนำเสนอสินค้า GI ไทยไปยังตลาดโลก การเพิ่มปริมาณการบริโภคในตลาดเดิมอาจจะไม่ใช่กลยุทธ์ที่เราจะใช้ต่อสู้ทางการค้าเพียงอย่างเดียว การสร้างตลาดใหม่ด้วย แบรนด์นิวของข้าวไทยที่มีดีกรีสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์หรือ GI ห้อยท้ายไปด้วยนั้น จะเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่กรมทรัพย์สินทางปัญญาพยายามผลักดันให้เกิดผลสัมฤทธิ์เป็นรูปธรรมในเร็ววัน และจะขยายไปยังสินค้า GI ของไทยชนิดอื่นๆ อีกด้วย
รายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อ
กลุ่มงานประชาสัมพันธ์ฯ กรมทรัพย์สินทางปัญญา
ติดต่อ คุณสุจิรา
โทรศัพท์ 0-2547- 4696