กรุงเทพฯ--21 ม.ค.--กองประชาสัมพันธ์ กทม.
คณะอนุกรรมการการโยธาและผังเมือง ชุดที่ 4 สภากทม. ติดตามปัญหาชั้นดินทรุดตัวจากการกัดเซาะของน้ำแนวริมเขื่อนคลองแสนแสบบริเวณวัดใหม่ช่องลมและลานกีฬาสวนสมเด็จสราญราษฎร์มณีรมย์ เขตห้วยขวาง พร้อมจี้สำนักการระบายน้ำจัดสรรงบประมาณเร่งด่วนเพื่อแก้ไขปัญหา หวั่นชั้นดินพังทลายสร้างปัญหาซ้ำ
นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตห้วยขวาง ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการการโยธาและผังเมือง ชุดที่ 4 สภากทม. พร้อมนายวันชัย สูบสร้อยสิน ประธานสภาเขตห้วยขวาง และคณะ ประชุมและลงพื้นที่สำรวจปัญหาผลกระทบจากน้ำกัดเซาะริมเขื่อนคลองแสนแสบบริเวณวัดใหม่ช่องลม และลานกีฬาสวนสมเด็จสราญราษฎร์มณีรมย์ เขตห้วยขวาง โดยมีพระครูอนุรักษ์ ศาสนกิจ เจ้าอาวาสวัดใหม่ช่องลม นางภาวินี อำมาตย์ทัศน์ ผู้อำนวยการเขตห้วยขวาง นายอนันต์ กายพรรณ หัวหน้าฝ่ายโยธา เขตห้วยขวาง พร้อมเจ้าหน้าที่กองระบบคลองสำนักการระบายน้ำ และประชาชนที่เดือดร้อนเข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม โรงเรียนวัดใหม่ช่องลม เขตห้วยขวาง
ประธานคณะอนุกรรมการ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่เพื่อติดตามปัญหาน้ำกัดเซาะริมเขื่อนคลองแสนแสบบริเวณวัดใหม่ช่องลม และลานกีฬาสวนสมเด็จสราญราษฎร์มณีรมย์ เขตห้วยขวาง พบสภาพปัญหาชั้นดินแนวริมเขื่อนพังทลาย ซึ่งเกิดจากน้ำกัดเซาะ รวมทั้งในบริเวณคลองดังกล่าวเป็นเส้นทางเดินเรือเร็วทำให้มีคลื่นกระแทกเข้าทำลายแนวเขื่อนของประชาชนเกือบตลอดแนว ทั้งด้านฝั่งเขตห้วยขวางและเขตวัฒนา ซึ่งบางแห่งมีการพังทลายตัวของชั้นดินค่อนข้างมากทำให้ส่งผลกระทบถึงขอบเขตที่พักอาศัยของประชาชน
หัวหน้าฝ่ายโยธา เขตห้วยขวาง กล่าวว่า บริเวณพื้นที่วัดใหม่ช่องลมยังพบปัญหาน้ำท่วมหากเกิดฝนตกหนักทำให้น้ำในคลองเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ ทั้งพื้นที่ภายในวัดมีสภาพค่อนข้างต่ำทำให้เกิดน้ำท่วมบ่อยครั้ง สร้างความเดือดร้อนให้กับพระและประชาชนที่มาทำบุญ และยังส่งผลกระทบต่อเด็กนักเรียนและผู้ปกครองที่เดินทางเพื่อมาส่งบุตรหลานภายในโรงเรียนวัดใหม่ช่องลม ซึ่งตั้งอยู่ภายในเขตของวัดใหม่ช่องลมอีกด้วย ซึ่งแนวทางการแก้ไขจะต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของที่ดินในการให้หน่วยงานเข้าไปปรับปรุงแก้ไขปัญหาดังกล่าวต่อไป
ทั้งนี้ทางคณะกรรมการฯ ตั้งข้อสังเกตว่า สำนักการระบายน้ำควรแก้ไขเฉพาะหน้าเพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุและป้องกันการพังทลายของชั้นดินเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ประชาชนใช้พักอาศัยและใช้เป็นสถานที่ออกกำลังกายอีกด้วย ทั้งนี้ทางคณะกรรมการได้กำหนดระยะเวลา 15 วัน ให้เจ้าหน้าที่สำรวจปัญหาในภาพรวม นำเสนอต่อที่ประชุมเพื่อให้คณะกรรมการได้พิจารณาและรับทราบปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อนำเสนอเป็นญัตติต่อที่ประชุมสภากรุงเทพมหานครในการขอเงินสนับสนุนงบประมาณเร่งด่วนมาดำเนินการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนต่อไป