กรุงเทพฯ--14 มี.ค.--กันตนา กรุ๊ป
"ช้างไทย" เป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองที่ใกล้ชิดผูกผันกับคนไทยมายาวนาน และได้รับเกียรติยิ่งใหญ่ให้เป็นสัตว์คู่พระบารมีของพระมหากษัตริย์ไทย ซึ่งมีส่วนสำคัญในการปกป้องเอกราชและความเป็นชาติให้แผ่นดินไทยหลายยุคหลายสมัย อีกทั้งยังเป็นสัตว์สัญลักษณ์ประจำชาติไทย และได้รับการยกย่องให้อยู่ในสถานะที่เหนือกว่าสัตว์ทั้งมวล
บริษัท กันตนา กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และ องค์การสวนสัตว์ดุสิต ได้เล็งเห็นความสำคัญของการเผยแพร่และปลูกฝังให้เด็กและเยาวชนไทยเห็นความสำคัญ รัก และหวงแหน "ช้างไทย" ในฐานะที่เป็นสัตว์ประจำชาติไทย จึงร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนและส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศแก่เยาวชนไทย ด้วยการจัดกิจกรรมเนื่องในวันช้างไทยซึ่งตรงกับวันที่ 13 มีนาคมของทุกปี ภายใต้ชื่องาน "สนุก...สร้างสรรค์ วันช้างไทย" โดยจัดขึ้นวันที่ 12 มีนาคม 2548 ที่ผ่านมา ณ ลานอเนกประสงค์ องค์การสวนสัตว์ดุสิต
นายสุรเชษฐ์ แก้วธนกาญจน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท กันตนา กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงวัตถุประสงค์ในการจัดงานครั้งนี้ว่า "ตามที่รัฐบาลได้มีมติเห็นชอบกำหนดให้สัตว์สัญลักษณืประจำชาติไทย คือ "ช้างไทย" และได้สถาปนา "วันช้างไทย" ขึ้นโดยกำหนดให้ตรงกับวันที่ 13 มีนาคมของทุกปีนั้น แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของช้างที่มีต่อประเทศไทยเรามายาวนาน และด้วยความรักความผูกพันระหว่างช้างกับคนไทยที่มีตั้งแต่สมัยโบราณกาล ผนวกกับวีรกรรมของช้างไทยที่มีส่วนช่วยกอบกู้แผ่นดินไทยสู่อิสรภาพจนทุกวันนี้ กันตนา กรุ๊ป ในฐานะบริษัทของคนไทย เราจึงเล็งเห็นความสำคัญของการเผยแพร่และการปลูกฝังให้เด็กและเยาวชนไทย ให้ความสำคัญกับช้าง ได้เรียนรู้ได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดโดยมุ่งหวังให้เด็กๆ เกิดความรัก ความผูกพัน และความหวงแหนช้างไทย โดยเป็นตัวแทนภาคเอกชนจัดกิจกรรมเนื่องในวันช้างไทย เพื่อรำลึกถึงวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ของช้างไทย ซึ่งเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า งาน "สนุก...สร้างสรรค์ วันช้างไทย" นี้ จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นจิตสำนึกให้เยาวชนไทยเกิดความรู้สึกรักใคร่ ผูกพัน เมตตา และปกป้องพิทักษ์ช้างไม่ให้สูญพันธ์ ให้คงอยู่คู่แผ่นดินไทยตลอดไป"
สำหรับกิจกรรมในงานนั้น มีการเสริมสร้างความรู้ต่างๆ มากมาย อาทิ กิจกรรมตามรอยช้างที่จะได้รู้สึกถึงเกร็ดความรู้ที่น่าสนใจเกี่ยวกับช้าง ไม่ว่าจะเป็นความเป็นมาของวันช้างไทย วิธีการดูลักษณะนิสัยของช้าง ชีวิตความเป็นอยู่ของช้าง และวีรกรรมของช้างไทยในประวัติศาสตร์ที่มีส่วนสำคัญในการช่วยกอบกู้แผ่นดินไทยสู่อิสรภาพจนทุกวันนี้ โดยคุณอลงกต ชูแก้ว นักอนุรักษ์ช้าง จาก กองทุนวิจัยช้างป่า และคุณคึกฤทธิ์ ขาวละมัย ผู้เชี่ยวชาญเรื่องช้าง จาก วังช้างอยุธยา และ เพนียด รวมทั้งมีการแสดงนิทรรศการเรื่องราวเกี่ยวกับช้างไทย และนิทรรศการภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชั่น 3 มิติอิงประวัติศาสตร์เรื่อง "ก้านกล้วย" ผลงานที่ถ่ายทอดเรื่องราวการผจญภัย ความน่ารักและวีรกรรมอันน่ายกย่องเชิดชูของช้างในสมเด็จพระนเรศวร นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมสร้างสรรค์จินตนาการและความสนุกสนานของเด็กๆ ในรูปแบบต่างๆ อาทิ การสอนวาดภาพระบายสีช้างไทยโดยทีมงานสร้างภาพยนตร์แอนิเมชั่น "ก้านกล้วย" พร้อมการเล่นเกมแจกของรางวัลมากมาย
และหนึ่งในผู้ที่ร่วมสนับสนุนให้เกิดงานนี้ขึ้น นายสัตวแพทย์วิศิษฏ์ วิชาศิลป์ ผู้อำนวยการสวนสัตว์ดุสิต ฝากถ้อยคำไปถึงคนไทยทุกคนว่า "ไม่ว่าทรัพยากรใดๆ ของแผ่นดิน ย่อมเป็นของมีค่าควรแก่การหวงแหนรักษา และ "ช้างไทย" ก็เป็นหนึ่งในทรัพยากรสำคัญของประเทศ ในอดีตช้างไทยเคยได้รับเกียรติที่ยิ่งใหญ่ และได้รับการยกย่องให้อยู่ในสถานะที่เหนือกว่าสัตว์ทั้งมวล แต่ในปัจจุบันนี้ สถานภาพของช้างไทยในวันนี้เป็นที่น่าวิตก ถ้าหากเราไม่เร่งลงมือแก้ไข ช้างไทยอาจเหลือเพียงตำนาน เพราะฉะนั้น ทุกฝ่าย ทุกองค์กร ต้องร่วมมือกันตั้งแต่วันนี้ ซึ่งผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่บริษัท กันตนา กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ตัวแทนของภาคเอกชน ได้เล็งเห็นความสำคัญของช้างไทย และช่วยเผยแพร่ปลูกฝังให้เด็กและเยาวชนไทยเห็นความสำคัญในการอนุรักษ์ช้างไทย ทำนุบำรุง บริบาลให้การดูแล "ช้างไทย" ให้สมกับเป็นสัตว์สัญลักษณ์ประจำชาติไทย"
การกำหนดวันช้างไทยนี้ นับเป็นการยกย่องให้เกียรติว่าช้างเป็นสัตว์ที่มีความสำคัญอย่างมาก นอกเหนือจากเกียรติที่ช้างเคยได้รับในอดีต ไม่ว่าจะเป็นช้างเผือกในธงชาติ หรือช้างเผือกที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศ หรือสัตว์คู่พระบารมีของพระมหากษัตริย์ เราในฐานะคนไทยทุกคนก็สามารถร่วมเป็นแรงสำคัญแรงหนึ่งได้ ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม อย่างน้อยที่สุดในวันนี้ เราก็ควรมาร่วมรำลึกถึงวีรกรรมอันน่ายกย่องของช้างไทย ให้สมกับที่เป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมือง และเป็นสัตว์สัญลักษณ์ประจำชาติไทย เพื่อเป็นการจุดประกายพลังแห่งการอนุรักษ์ช้างไทยให้ดำรงสืบไป
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ นิลธรา มะเดชา, วีรยา หมื่นเหล็ก
โทรศัพท์ 0 2691 6302-4, 0 2274 4782
สามารถคลิกดูภาพได้ที่ www.thaipr.net--จบ--