กรุงเทพฯ--25 ม.ค.--คต.
นายวิจักร วิเศษน้อย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2552 รัสเซีย คาซัคสถาน และเบลารุส ได้ลงนามความตกลงเพื่อจัดตั้งสหภาพศุลกากรระหว่างกัน ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 เป็นต้นไป โดยการริเริ่มของรัสเซียและเชื่อว่าจะทำให้แต่ละประเทศมี GDP เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 ภายในปี 2558 โดยปัจจุบันการค้าระหว่างทั้งสามประเทศมีมูลค่าประมาณปีละ 9 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ การจัดตั้งสหภาพศุลกากรทำให้มีการกำหนดอัตราภาษีศุลกากรร่วมกันสำหรับสินค้ามากกว่า 11,000 รายการที่ค้าขายกับประเทศนอกกลุ่ม และมีกฎระเบียบร่วมกันสำหรับการค้าในระหว่างกลุ่มประเทศดังกล่าว โดยตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2553 จะยกเลิกด่านศุลกากรชายแดนรัสเซีย-เบลารุส และวันที่ 1 กรกฎาคม 2554 จะยกเลิกด่านศุลกากรชายแดนรัสเซีย-คาซัคสถาน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศกล่าวเพิ่มเติมว่าโดยเฉลี่ย (2549-2551)ไทยส่งออกสินค้าไปประเทศเบลารุส คาซัคสถาน และรัสเซีย มูลค่าปีละ 343 ล้านบาท, 1,181 ล้านบาท และ 22,470 ล้านบาท ตามลำดับ ดังนั้น จะเห็นว่าประเทศไทยทำการค้ากับรัสเซียเป็นหลัก คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 94 ของมูลค่าการส่งออกรวมทั้งสามประเทศ โดยในปี 2552 (มค.-พย.) ส่งออกไปรัสเซียมูลค่า 12,527 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2551 คิดเป็นร้อยละ 58 ประเทศไทยจึงไม่น่าจะได้รับผลกระทบจากการจัดตั้งสหภาพศุลกากรดังกล่าว เนื่องจากอัตราภาษีสำหรับสินค้าส่วนใหญ่ยังเป็นอัตราเดิม
ที่มา : http://www.mfa.go.th