MPA นิด้าห่วงรัฐเพิ่มหนี้ แนะหั่นงบขาดดุลปี 54 เหลือ 3.1 แสนลบ. สอดคล้องศก.โลกฟื้น เพิ่มมาตรการจูงใจภาษีดึงนักลงทุนต่างชาติ

ข่าวทั่วไป Wednesday January 27, 2010 09:24 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--27 ม.ค.--มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์ ผู้อำนวยการหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต คณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิต พัฒนบริหารศาสตร์ หรือ MPA NIDA ประเมินงบขาดดุลปี 2554 สูงเกินความจำเป็น แนะรัฐหั่นงบลดเหลือ 3.1 แสนล้านบาท จากที่กำหนดไว้เบื้องต้น 4 แสนล้านบาท สอดคล้องเศรษฐกิจโลกฟื้น ลดความเสี่ยงเพิ่มหนี้สาธารณะ หวั่นถูกลดเกรดความน่าเชื่อถือซ้ำรอยประเทศกรีก และสเปน พร้อมสร้างกลไกเพิ่มศักยภาพส่งออก ท่องเที่ยว พ่วงมาตรการจูงใจลดภาษีดึงนักลงทุนต่างชาติ รศ.ดร.มนตรี โสคติยานุรักษ์ ผู้อำนวยการหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต คณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (MPA NIDA) เปิดเผยว่า ตัวเลขงบประมาณขาดดุลประจำปี 2554 (ก.ย.53-ต.ค.54) ที่เบื้องต้นสำนักงบประมาณกำหนดไว้จำนวน 4 แสนล้านบาท จากกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่าย 2.05 ล้านล้านบาทนั้น ถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงเกินความจำเป็น และไม่สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาที่คาดว่าจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวในช่วงไตรมาส 2/2553 โดยงบประมาณขาดดุลที่เหมาะสมน่าจะอยู่ที่ระดับ 3.1-3.5 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับปีงบประมาณ 2553 “ไม่มีความจำเป็นที่รัฐจะตั้งงบขาดดุลไว้สูงถึง 4 แสนล้าน ซึ่งผมมองว่าสูงเกินความจำเป็น และจะทำให้หนี้สาธารณะของประเทศเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งหนี้สาธารณะที่เพิ่มสูงขึ้นย่อมส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีตัวอย่างให้เห็นแล้ว อย่างประเทศกรีก และสเปน ที่ถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลงเนื่องจากระดับหนี้สาธารณะที่เพิ่มสูงขึ้นมาก และเมื่อพิจารณาจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะสหรัฐฯซึ่งถือเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญของไทยก็มีสัญญาณการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง” รศ.ดร.มนตรี กล่าว ขณะเดียวกันภาครัฐควรใช้กลไกด้านการส่งออกและการท่องเที่ยวเป็นตัวช่วยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในประเทศผ่านการลงทุนของภาคเอกชน โดยภาครัฐต้องให้การสนับสนุนและเพิ่มศักยภาพของผู้ประกอบการ รวมถึงหาช่องทางตลาดส่งออกใหม่ๆ ที่มีศักยภาพสูง เช่น ประเทศจีน อินเดีย รวมถึงประเทศอื่นๆในแถบอาเซียน นอกจากนี้ อาจมีมาตรการจูงใจเพื่อให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุน เช่น การปรับลดการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคล ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยจัดเก็บในอัตรา 30% ขณะที่ประเทศสิงคโปร์จัดเก็บในอัตรา 17% พร้อมเร่งสร้างความเชื่อมั่นและแก้ปัญหากรณีมาบตาพุดโดยด่วน ผู้อำนวยการหลักสูตร MPA NIDA ยังกล่าวถึงสิ่งที่รัฐบาลต้องให้ความสำคัญ นั่นคือ การใช้จ่ายงบประมาณให้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด โดยเฉพาะการก่อสร้างโครงการที่เพิ่มความสามารถการแข่งขันให้กับประเทศในอนาคต เช่น โครงการก่อสร้างรถไฟรางคู่เพื่อลดต้นทุนด้านโลจิสติคส์ สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2553 คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตในระดับ 2.5-3% ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐที่คาดว่าจะมีอัตราการขยายตัวอยู่ในระดับ 2.7% ส่วนปัจจัยทางการเมืองก็คาดว่า จะไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงจากกรณีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงมาเป็นปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด (ในนามหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์) พิภพ ฆ้องวง (ท๊อป) โทร. 02-248-7967-8 ต่อ 118 Email address : c_mastermind@hotmail.com

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ