กรุงเทพฯ--29 ม.ค.--สหวิริยาสตีลอินดัสตรี
เอสเอสไอฝ่ามรสุมอุตสาหกรรมเหล็ก-วิกฤติเศรษฐกิจสำเร็จ รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส4/2552 กำไร 1,151 ล้านบาท เผย 4 กลยุทธ์หลัก โปร่งใสมีธรรมาภิบาล - เน้นขายเหล็กแผ่นชั้นคุณภาพพิเศษ — เพิ่มส่วนแบ่งตลาดจากการมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์และบริการ — เดินหน้าลดต้นทุนดำเนินงาน ครองแชมป์ยอดขายสูงสุดของประเทศ ด้านการผลิตสามารถทุบสถิติสูงสุด 11, 201 ตันต่อวัน
นายวิน วิริยประไพกิจ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ เอสเอสไอ เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 4 ปี 2552 ว่า บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้รวม จำนวน 9,563 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขายเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนจำนวน 9,441 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7,786 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 470 จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีผลกำไรสุทธิ จำนวน 1,151 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.09 บาทต่อหุ้น
สำหรับผลการดำเนินงานงวด 1 ปี2552 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวม 33,188 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากการขายเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนจำนวน 32,888 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,922 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 22 จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีผลกำไรสุทธิ จำนวน 1,272 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.10 บาทต่อหุ้น
“ในปี 2552 นับเป็นปีที่บริษัทประสบความสำเร็จมาก เนื่องจากสามารถทำให้ผลการดำเนินงานกลับมามีกำไรดี ท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจตั้งแต่ระดับประเทศจนถึงระดับโลก รวมถึงต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น ประการสำคัญคือ ภาวะอุตสาหกรรมเหล็กที่ยังคงซบเซา แต่บริษัทสามารถพลิกสถานการณ์จากผลการดำเนินงานที่ขาดทุนในไตรมาสที่1/2552 จำนวน 1,875 ล้านบาท มาเป็นผลกำไร 684 ล้านบาท 1,313 ล้านบาท และ 1,151 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 2,3 และ 4/2552 ตามลำดับ โดยมีกลยุทธหลักคือ 1.การดำเนินการโปร่งใสภายใต้หลักธรรมาภิบาลที่ดี 2. มุ่งเน้นการขายสินค้าประเภทเหล็กแผ่นชั้นคุณภาพพิเศษ (High Grade Product) ซึ่งมีราคาขายที่ดี ประจวบกับการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ซึ่งเป็นผู้ใช้สำคัญ 3. การเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดโดยการมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์และบริการให้ดียิ่งขึ้น ทำให้บริษัทมียอดขายเหล็กที่สูงสุดในประเทศไทย และ 4. โครงการประหยัด 300 ล้านที่ประสบความสำเร็จเกินเป้าหมาย ช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานได้ทั้งสิ้น 423 ล้านบาทนับตั้งแต่เริ่มดำเนินกิจกรรมในเดือนตุลาคม 2551 จนถึงสิ้นปี 2552 นอกจากนี้ โรงงานผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนของบริษัทที่อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สามารถทำสถิติผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนได้สูงสุด11,201 ตันต่อวัน เมื่อวันที่ 14 ธันวาคมที่ผ่านมา ” กรรมการผู้จัดการใหญ่กล่าว และเพิ่มเติมว่า
“บริษัทไม่เพียงแต่สร้างผลตอบแทนแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในด้านธุรกิจเท่านั้น แต่ ยังคงมุ่งมั่นสร้างผลตอบแทนแก่ชุมชน สังคม สิ่งแวดล้อม อย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ โดยจัดทำโครงการพัฒนาชุมชนและสังคมที่มุ่งไปสู่ความยั่งยืน ทั้งทางด้านการพัฒนาการศึกษา การพัฒนารายได้สู่ชุมชน การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม การดูแลคุณภาพชีวิต วัฒนธรรม และสาธารณสุข รวมถึงกิจกรรมเพื่อสังคมสำหรับผู้ด้อยโอกาส นอกจากนี้บริษัทยังได้รับรางวัลต่างๆ ในระดับประเทศที่สำคัญ คือรางวัล Thailand Energy Award 2009 ประเภท ผู้บริหารด้านอนุรักษ์พลังงานในโรงงานควบคุมดีเด่น รางวัลอุตสาหกรรมดีเด่นประจำปี 2552 ประเภทการเพิ่มผลผลิต รางวัลเชิดชูเกียรติสถานประกอบกิจการดีเด่น ด้านแรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการแรงงาน 5 ปี ติดต่อกัน (พ.ศ. 2548 — 2552) ประเภทไม่มีสหภาพแรงงาน เกียรติบัตรผู้ประกอบการที่ผ่านเกณฑ์ธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อม และเกียรติบัตรการปฏิบัติตามมาตรฐานความรับผิดชอบของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมต่อสังคม (CSR-DIW)”
บริษัทคาดการณ์ว่าในปี 2553 เศรษฐกิจโลกจะเริ่มฟื้นตัวจากการปฏิบัติตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ทั้งนี้สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทยประเมินความต้องการใช้เหล็กของประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.3 ในขณะที่บริษัทประมาณการว่า ปริมาณการบริโภคเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนของประเทศจะยังคงขยายตัวอยู่ที่ 4.97 ล้านตัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนชั้นคุณภาพพิเศษซึ่งคาดว่าจะเติบโตร้อยละ 21 เนื่องจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมต่อเนื่อง อาทิ อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมพลังงาน อุตสาหกรรมการก่อสร้าง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02 2383063 สำนักประชาสัมพันธ์