ก.ไอซีที ร่วมมือ สนง.วิจัยแห่งชาติ ระดมความคิดเห็นบูรณาการงานวิจัยอุตสาหกรรมไอซีที

ข่าวเทคโนโลยี Friday January 29, 2010 11:30 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--29 ม.ค.--ก.ไอซีที นายสือ ล้ออุทัย ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยถึงการบูรณาการงานวิจัยด้านอุตสาหกรรมและตลาดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ว่า ภายใต้กรอบแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ฉบับที่ 2) ของประเทศไทย พ.ศ. 2552-2556 ได้ให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมและตลาดไอซีทีเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในยุทธศาสตร์ที่ 5 การยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไอซีที เพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและรายได้เข้าประเทศ ที่ได้กำหนดมาตรการในการดำเนินงานเอาไว้ คือ “ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเพื่อยกระดับมาตรฐานสินค้าและบริการไอซีทีไทยสู่ระดับสากล โดยสนับสนุนงานวิจัยพัฒนาและนวัตกรรมในอุตสาหกรรมไอซีที เพื่อสร้างสรรค์ ต่อยอดการพัฒนาขีดความสามารถทางเทคโนโลยีของผู้ประกอบการไทยให้สามารถผลิตเทคโนโลยีต้นน้ำเพิ่มมากขึ้น “อุตสาหกรรมไอซีทีหลักๆ ที่ควรให้ความสำคัญในการสนับสนุนงานวิจัยพัฒนาก็คือ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์เกี่ยวกับระบบสมองกลฝังตัว การออกแบบขั้นสูง อุตสาหกรรมอุปกรณ์โทรคมนาคม อุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ เป็นต้น โดยส่งเสริมกระบวนการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาที่มีประสิทธิภาพ สามารถบังคับใช้ได้จริง เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการพัฒนาและสร้างนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งสร้างกลไกที่อำนวยความสะดวกให้กับผู้คิดค้นสิ่งประดิษฐ์ หรือนวัตกรรมในการจดสิทธิบัตรทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมกันนี้ยังต้องสร้างความแข็งแกร่งให้กับสถาบันและกลไกในการตรวจสอบ รับรองคุณภาพสินค้าและบริการไอซีทีที่ผลิตในประเทศ ให้สามารถพัฒนา รวมทั้งผลิตสินค้าและบริการที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล โดยอาจพิจารณาตั้งหน่วยงานที่ดูแลมาตรฐานเกี่ยวกับไอซีทีโดยตรงขึ้นมา หรือมีคณะกรรมการระดับชาติที่ดูแลมาตรฐานด้านไอซีที ซึ่งทำงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานกลางที่ดูแลระบบมาตรฐานของไทย ตลอดจนส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นพื้นฐานสำคัญของโครงข่ายและบริการในอนาคต เช่น เทคโนโลยีการสื่อสารยุคหน้า การสื่อสารความเร็วสูงระบบไร้สาย เทคโนโลยีโทรคมนาคมทางเลือกต่างๆ เป็นต้น นอกจากนั้นยังควรจัดให้มีกลไกการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่เหมาะสม เพื่อเป็นแรงจูงใจแก่ผู้ประกอบการโดยเน้นการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนในการวิจัยและพัฒนาด้วย” นายสือ กล่าว ดังนั้น เพื่อให้การวิจัยและพัฒนาด้านอุตสาหกรรมและตลาดไอซีที สัมฤทธิ์ผลตามเป้าหมายของแผนแม่บทไอซีที ฉบับที่ 2 ฯ อย่างเป็นรูปธรรม สำนักส่งเสริมอุตสาหกรรมเทคโนโลนีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร จึงได้ร่วมมือกับประธานกรรมการสภาวิจัยแห่งชาติ สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศและนิเทศศาสตร์ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ จัดการประชุมเพื่อระดมความคิดเห็นจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยพัฒนาและนวัตกรรมด้านอุตสาหกรรมและตลาดไอซีทีรวม 13 หน่วยงาน อาทิ สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ สถาบันวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมโทรคมนาคม สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าไทย เป็นต้น สำหรับการประชุมเพื่อระดมความคิดเห็นดังกล่าว จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อบูรณาการความร่วมมือในการกำหนด แนวทางการวิจัยและพัฒนาด้านอุตสาหกรรมและตลาดไอซีทีของประเทศไทยให้มีศักยภาพ ยกระดับความสามารถในการพัฒนาให้ เท่าทันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการแข่งขันกับนานาประเทศ รวมทั้งเพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกันเกี่ยวกับเป้าหมายการวิจัยตามยุทธศาสตร์การวิจัยของประเทศไทย และยุทธศาสตร์ด้านการวิจัยพัฒนาตามกรอบแผนแม่บทไอซีที ฉบับที่ 2 ฯ และแผนยุทธศาสตร์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนเพื่อพัฒนาเครือข่ายการวิจัยและพัฒนาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เครือข่ายนักวิจัยและพัฒนา รวมถึงเครือข่ายความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลผลงานวิจัยและพัฒนา นอกจากนี้ยังมีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดแนวทางการพัฒนาบุคลากรวิจัยให้มีความสามารถในการปฏิบัติการวิจัยได้ตามเป้าหมายที่กำหนด โดยในที่ประชุมมีความคิดเห็นว่า เป้าหมายหนึ่งของยุทธศาสตร์ที่ 5 ว่าด้วยการเพิ่มค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนาด้าน ICT ของภาครัฐและเอกชนอย่างน้อยร้อยละ 15 ในปี พ.ศ. 2551-2556 นั้น สามารถเป็นไปได้ แต่ปัญหาที่สำคัญคือขาดความเชื่อมโยงระหว่างการสร้างงานวิจัยของภาครัฐกับการใช้ประโยชน์ได้จริงของภาคธุรกิจ ดังนั้น ภาครัฐจึงควรมุ่งเน้นแนวทางสร้างความร่วมมือระหว่างกัน และทำให้ภาคธุรกิจนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์จริง โดยที่ประชุมได้นำเสนอแนวทาง 3 แนวทาง คือ 1.ภาครัฐควรให้ความช่วยเหลือโดยการอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการวิจัยพัฒนาและสร้างนวัตกรรม โดยอยู่ในรูปแบบของ Innovation Coupon ซึ่งภาคเอกชนสามารถใช้เพื่อว่าจ้างให้ภาควิชาการช่วยสร้างนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับกิจการของตน 2. ภาครัฐควร ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างวิสาหกิจต่างชาติ วิสาหกิจคนไทยและห้องทดลองวิจัย 3. ภาครัฐควรจัดสรรงบประมาณ/กำหนด ตัวชี้วัดในการประเมินผลองค์กรและบุคลากรของสถาบันวิจัยและมหาวิทยาลัยของรัฐ โดยให้ขึ้นอยู่กับมูลค่าในการนำผลงาน ไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ เพื่อมุ่งสู่ Demand driven มากขึ้น “จากข้อคิดเห็นในที่ประชุมดังกล่าว จะนำไปศึกษากรอบแนวทางการวิจัยและพัฒนาด้านอุตสาหกรรมและตลาดไอซีทีของประเทศไทยตามเป้าหมายของแผนยุทธศาสตร์ รวมทั้งเกิดความร่วมมือในการผลักดันและส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาด้านอุตสาหกรรมและตลาดไอซีทีอย่างมีประสิทธิภาพ มีความต่อเนื่อง และมีการประสานการปฏิบัติงานวิจัย รวมถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูลผลการวิจัยและพัฒนาเพื่อให้สามารถถ่ายทอดและเผยแพร่ให้เกิดการต่อยอดในทางพาณิชย์ได้อย่างเหมาะสมต่อไป” นายสือ กล่าว สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 021416747 MICT

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ