กรุงเทพฯ--1 ก.พ.--ก.ล.ต.
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ ก.ล.ต. เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ ประจำไตรมาสแรกของปี 2553 ดังนี้
1. การเตรียมความพร้อมของสมาคมเพื่อไปสู่ SRO
ก.ล.ต. ได้ซักซ้อมความเข้าใจกับสมาคมว่า วัตถุประสงค์หลักของ SRO ควรเน้นทำหน้าที่กำหนดมาตรฐานและจรรยาบรรณในการประกอบธุรกิจและการให้บริการของสมาชิก และกำกับดูแลสมาชิกและบุคลากรของสมาชิกตามมาตรฐานวิชาชีพที่กำหนด แต่ต้องมิใช่การใช้ SRO เพื่อเป็นเครื่องมือรักษาประโยชน์ของสมาชิกหรือเพื่อสำหรับกีดกันการแข่งขันทางการค้า ทั้งนี้ สมาคมจะต้องจัดทำแผนงานมาเสนอให้ ก.ล.ต. พิจารณาเห็นชอบก่อนที่จะดำเนินการ
2. ผลกระทบของการเปิดเสรีค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์แบบเป็นขั้นตอน
ที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับปัญหาการแข่งขันที่ไม่เสมอภาคที่เกิดขึ้นจากการที่ บล. บางแห่งนำรายได้จากลูกค้ารายย่อยที่ซื้อขายไม่ถึง 20 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันยังมีการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์แบบขั้นบันได มาชดเชยส่วนที่เป็นต้นทุนการให้บริการลูกค้ารายใหญ่หรือลูกค้าสถาบัน ทำให้มีการเสนออัตราค่าธรรมเนียมการซื้อขายจากลูกค้ารายใหญ่หรือลูกค้าสถาบันในอัตราที่ต่ำกว่าต้นทุน ซึ่งเป็นการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมต่อ บล. ที่ทำธุรกิจเน้นเฉพาะลูกค้าสถาบันเป็นหลัก และมีข้อเสนอให้เร่งยกเลิกการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมขั้นต่ำทั้งหมดไม่ว่าลูกค้ารายใหญ่หรือรายเล็กเพื่อแก้ไขปัญหานี้ อย่างไรก็ดี ทางสมาคมแจ้งว่าจะมีการจัดตั้งชมรมบริษัทหลักทรัพย์ที่เน้นลูกค้าสถาบัน จึงขอเสนอที่จะนำเรื่องนี้เข้าหารือแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวก่อน
นอกจากนี้ ทั้ง ก.ล.ต. และสมาคมมีความเป็นห่วงว่า ในสถานการณ์ที่มีการแข่งขันรุนแรงอาจส่งผลให้จำนวนและคุณภาพของบทวิเคราะห์ลดลง ที่ประชุมจึงได้หารือและเห็นพ้องว่า เนื่องจากบทวิเคราะห์เป็นข้อมูลที่สำคัญในการประกอบการให้คำแนะนำแก่ลูกค้า บล. จึงควรต้องจัดให้มีบทวิเคราะห์ของตนเองในหุ้นทุกตัวที่เจ้าหน้าที่การตลาดของ บล. แนะนำให้แก่ลูกค้า รวมทั้งหุ้นที่ลูกค้าส่งคำสั่งซื้อขายผ่าน บล. นั้นๆ เป็นหลัก ซึ่งสมาคมรับที่จะไปหารือกับสมาชิกและรายงานความคืบหน้าต่อไป สำหรับหุ้นของบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก ก.ล.ต. จะหารือกับตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อให้กองทุนพัฒนาตลาดทุนให้การสนับสนุนเงินทุนในการจัดทำบทวิเคราะห์ให้ครบถ้วนและมีความต่อเนื่อง
3. แผนปฏิบัติการสู่ความเชื่อมโยงตลาดทุนอาเซียน
สมาคมได้ศึกษาถึงผลกระทบของแผนปฏิบัติการดังกล่าวที่จะนำไปสู่การทำธุรกิจแบบไร้พรมแดนในกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งจากการวิเคราะห์แล้วเห็นว่าจะเกิดผลดีต่อตลาดทุนไทยโดยจะมีสินค้าและผู้ลงทุนเข้ามามากขึ้น และจะช่วยผลักดันให้ตลาดทุนไทยต้องปรับปรุงประสิทธิภาพและมีมาตรฐานที่ดีขึ้น ซึ่งในลำดับต่อไป สมาคมจะทำการศึกษาเปรียบเทียบปัจจัยต่างๆ ของตลาดทุนไทยกับตลาดของประเทศอื่นในอาเซียนเพื่อวิเคราะห์จุดแข็งและจุดอ่อน เพื่อจะนำมาวางแผนปรับปรุงศักยภาพของผู้ที่เกี่ยวข้องในตลาดและกฎเกณฑ์ต่างๆ ต่อไป พร้อมทั้งจะจัดทำ roadmap สำหรับการปรับตัวของ บล. ให้ชัดเจน โดย ก.ล.ต. จะแจ้งความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินการของแผนปฏิบัติการดังกล่าวให้สมาคมทราบเป็นระยะๆ ”
นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวว่า “สมาคมมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตนเองไปเป็นองค์กรกำกับดูแลตนเองตามหลักเกณฑ์ SRO ของ IOSCO โดยจะพยายามเตรียมความพร้อมทั้งในแง่บุคลากรและระบบงานรองรับ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อ บล. สมาชิกและตลาดทุนโดยรวม อันจะช่วยยกระดับมาตรฐานการประกอบธุรกิจของบริษัทหลักทรัพย์ให้พร้อมสำหรับการแข่งขันในอนาคต
พร้อมกันนี้ สมาคมได้นำเสนอมาตรฐานการปฏิบัติงานด้านการเป็นผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ในกรณีการเสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) ว่า สมาคมโดยชมรมวาณิชธนกิจจะไปดำเนินการกำหนดกรอบแนวทางการกำหนดราคาหลักทรัพย์ที่เป็นธรรมเพื่อให้สมาชิกปฏิบัติต่อไป และกรณีการขายหลักทรัพย์ที่เหลือจากการจำหน่ายในวันแรกที่หลักทรัพย์นั้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ นั้น สมาคมเห็นว่าเป็นเรื่องที่ผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์จะต้องพิจารณาความเหมาะสมและสภาวะตลาด นอกจากนี้ จะขอความร่วมมือผู้จัดจำหน่ายฯ ที่เป็น lead underwriter ให้จัดทำบทวิเคราะห์หลักทรัพย์หลังจาก IPO เป็นรายไตรมาสอย่างน้อยในช่วงระยะเวลา 1 ปี หลังจากการเสนอขาย เพื่อให้ผู้ลงทุนมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุน ซึ่งชมรมจะเวียนแจ้งแนวทางให้สมาชิกทราบต่อไป”
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
โทรศัพท์ 0-2695-9502-5
โทรสาร 0-2256-7755
E-mail: press@sec.or.th
"ก.ล.ต. เกื้อหนุนธุรกิจ ปกป้องสิทธิ์ผู้ลงทุน นำตลาดทุนสู่สากล"