กรุงเทพฯ--23 มิ.ย.--บีโอไอ
บีโอไอ ให้การส่งเสริมกิจการโรงแรมและรีสอร์ทที่ได้รับความเสียหายจากคลื่นยักษ์ สึนามิ อีก 6 โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุนกว่า
1,200 ล้านบาท หลังให้ส่งเสริมไปแล้ว 24 ราย ภายหลังการท่องเที่ยวภาคใต้ โดยเฉพาะในจังหวัด ภูเก็ต พังงา เริ่มขยายตัวอย่างคึกคัก
นางหิรัญญา สุจินัย รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะทำงานพิจารณาโครงการ
เมื่อวันอังคารที่ 20 มิถุนายน 2549 ที่ผ่านมาว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ส่งเสริมการลงทุนแก่กิจการโรงแรมที่ได้รับความเสียหายจากคลื่นสึนามิ
จำนวน 6 โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุน 1,200.3 ล้านบาท จะสร้างการจ้างงานรวม 678 คน ดังนี้
บริษัทเขาหลัก ลากูน่า จำกัด เงินลงทุน 300 ล้านบาท จังหวัดพังงา เป็นกิจการโรงแรมขนาด 150 ห้อง
บริษัท ปะการัง พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เงินลงทุน 140 ล้านบาท จังหวัดพังงา เป็นกิจการโรงแรมขนาด 74 ห้อง
บริษัท ปะการังรีสอร์ท จำกัด เงินลงทุน 380 ล้านบาท จังหวัดพังงา กิจการโรงแรมขนาด 150 ห้อง
บริษัท เกาะยาวน้อย ไอร์แลนด์ เรสซิเดนซ์ จำกัด เงินลงทุน 50.3 ล้านบาท จังหวัดพังงา จำนวน 15 ห้อง
บริษัท ตะโกลา บุรี รีสอร์ท จำกัด เงินลงทุน 230 ล้านบาท กิจการโรงแรมขนาด 99 ห้อง ตั้งอยู่ที่แหลมปะการัง จังหวัดพังงา
บริษัท เขาหลัก บันดารี จำกัด เงินลงทุน 100 ล้านบาท กิจการโรงแรมขนาด 77 ห้อง จังหวัดพังงา
ทั้งนี้ คณะ ทำงานพิจารณาแล้วเห็นควรให้การส่งเสริม ในประเภทกิจการโรงแรม โดยให้ได้รับสิทธิประโยชน์ตามนโยบายส่งเสริมการลงทุนเพื่อ
ฟื้นฟูกิจการที่เสียหายจากธรณีพิบัติภัย(คลื่นสึนามิ) ในกรณีกิจการที่เสียหายทั้งหมดและเสียหายบางส่วน ให้ยกเว้นอากรอากรขาเข้าเครื่องจักร
ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี เพราะการท่องเที่ยวภาคใต้ในขณะนี้กำลังฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับการท่องเที่ยวช่วงไฮซีซั่นที่กำลัง
เริ่มขึ้น
ที่ผ่านมา สำนักงานได้มีนโยบายส่งเสริมการลงทุนเพื่อฟื้นฟูกิจการที่เสียหายจากธรณีพิบัติภัย(คลื่นสึนามิ)นั้น จนถึงปัจจุบันมีบริษัท
ได้รับการส่งเสริมแล้ว 30 ราย แบ่งเป็น กิจการในจังหวัดพังงา 19 แห่ง จังหวัดภูเก็ต 7แห่ง และจังหวัดกระบี่ 4 แห่ง
สำหรับการพิจารณาให้การส่งเสริมฯ ในโครงการอื่นในการประชุมคณะทำงานครั้งนี้มีทั้งสิ้น 16โครงการคิดเป็นเงินลงทุนทั้งสิ้น 577.82 ล้าน
บาท จะก่อให้เกิดการจ้างแรงงานไทย 2,326 คน ประกอบด้วย
ผู้ขอ / บริษัท ประเภทกิจการ เงินลงทุน ที่ตั้งโครงการ
1. บริษัท ไทยโอซูก้า จำกัด กิจการผลิตยาชนิดน้ำ 6.36 ล้านบาท จ.สมุทรสาคร
2.Mr.JEFFREY MAXFIELD PO-LUI LAM กิจการผลิตเฟอร์นิเจอร์หรือชื้นส่วนและของแต่งบ้าน 10 ล้านบาท จ.เชียงใหม่
3. บริษัทบุรีรมย์ ฟาร์ม จำกัด กิจการเลี้ยงสัตว์ 38 ล้านบาท จ.บุรีรมย์
4. นายสาโรช วรรณวิเชษฐ์ กิจการผลิตภัณฑ์โลหะ 20.6 ล้านบาท จ.ขอนแก่น
5.บริษัท วิซอาร์ที (ประเทศไทย) จำกัด กิจการซอฟต์แวร์ 3.50 ล้านบาท จ.กรุงเทพ
6. บริษัท ซี๊ดโหมด จำกัด กิจการซอฟต์แวร์ 2.06 ล้านบาท จ.กรุงเทพ
7. บริษัท ทีโอเอ็ม เทรดดิ้ง จำกัด กิจการศูนย์จัดหาจัดซื้อชิ้นส่วนและผลิตภัณฑ์ระหว่างประเทศ 8.8 ล้านบาท จ.ปราจีนบุรี
8. บริษัท เรือเร็ว ลมพระยา จำกัด กิจการเรือเฟอร์รี่ 60 ล้านบาท -
9.บริษัท REN SENG TANG AGROTECH & TRANDING จำกัด กิจการผลิตหรือถนอมอาหาร 20 ล้านบาท จ.นครราชสีมา
10. บริษัท อีสเทอร์น จำกัด กิจการผลิตชิ้นส่วนพลาสติก 68.5 ล้านบาท จ.ระยอง
11.บริษัท โตโยอิ้งค์ (ประเทศไทย) จำกัด กิจการผลิตชิ้นส่วนพลาสติก 25 ล้านบาท จ.กรุงเทพ
12. บริษท เอ แอนด์ แซ็ท วินโดว์ แอนด์ดอรส์ จำกัด กิจการผลิตเครื่องเรือนหรือชิ้นส่วน 29 ล้านบาท จ.นครปฐม
13.บริษัท ซูมิเพ็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กิจการผลิตชิ้นส่วนพลาสติก 111 ล้านบาท จ.สมุทรปราการ
14. บริษัท ชินเซ โคเงียว (ไทยแลนด์) จำกัด กิจการผลิตชิ้นส่วนยานพาหนะ 15 ล้านบาท จ.ชลบุรี
15. บริษัท มิซูโน จำกัด กิจการผลิตชิ้นส่วนพลาสติก 80 ล้านบาท จ.อยุธยา
16. บริษัท อาร์เอ็กซ์ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด กิจการผลิตยา 80 ล้านบาท จ.นครปฐม