ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เพื่อรายย่อย มีผลประกอบการแข็งแกร่ง กำไรสุทธิเหนือความคาดหมาย สามารถล้างขาดทุนสะสมจนหมดแล้ว

ข่าวเศรษฐกิจ Monday February 1, 2010 10:19 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--1 ก.พ.--ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เพื่อรายย่อย นางศศิธร พงศธร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) หรือ LH Bank กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในช่วง 12 เดือน ของปี 2552 มีกำไรก่อนหักภาษี (pre-tax profit) จำนวน 394 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 64 เมื่อเทียบกับปี 2551 ที่มีกำไรก่อนหักภาษีจำนวน 240 ล้านบาท ทำให้ธนาคารสามารถล้างขาดทุนสะสมได้หมดในเดือนกันยายน 2552 และเริ่ม เสียภาษีตั้งแต่เดือนตุลาคม 2552 ธนาคารจึงมีกำไรสุทธิ (หลังหักภาษี) 365 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน ร้อยละ 52 โดยที่กำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นหลักๆ มาจากการขยายตัวของสินเชื่อตั้งแต่ไตรมาส 2 ทั้งสินเชื่อ ที่อยู่อาศัยและสินเชื่อธุรกิจ SMEs ซึ่งเติบโตอย่างต่อเนื่องจากฐานลูกค้ารายเก่าและรายใหม่ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้รายได้จากดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิ (Net Interest Income) ของธนาคารสิ้นสุดปี 2552 มีจำนวน 1,259 ล้านบาทเทียบกับปีที่แล้วที่มีรายได้ 952 ล้านบาท คิดเป็นเติบโตถึงร้อยละ 32 นอกจากนี้ ธนาคารยังมีรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยรวม 165 ล้านบาท เทียบกับปีที่แล้วที่มีรายได้ 77 ล้านบาท ขยายตัวถึงร้อยละ 114 ธนาคารมีอัตราส่วนกำไรสุทธิต่อสินทรัพย์รวมร้อยละ 0.88 ซึ่งเติบโต เข้าใกล้กับค่าเฉลี่ยของระบบที่ร้อยละ 1.07 และมีอัตราส่วนกำไรสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นร้อยละ 13 ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของระบบที่ร้อยละ 11 ณ 31 ธันวาคม 2552 ธนาคารมีสินทรัพย์รวม 49,660 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2551 จำนวน 5,444 ล้านบาท หรือเติบโตร้อยละ 12 ซึ่งเป็นการเติบโตอย่างต่อเนื่อง สินทรัพย์หลักๆ ที่เพิ่มขึ้นมาจากเงินให้สินเชื่อ ณ สิ้นปี 2552 มีจำนวนติบโตต่อเนื่องมากว่า 35,604 ล้านบาท (สินเชื่อไม่รวมรายการระหว่างธนาคารและตลาดเงิน) ที่เติบโตถึงร้อยละ 11.2 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงครึ่งปีหลังที่เศรษฐกิจเริ่มทยอยฟื้นตัว ส่งผลให้ธนาคารมีการขยายตัวสินเชื่อสูงกว่าค่าเฉลี่ยของระบบที่เติบโตค่อนข้างต่ำเพียงร้อยละ 0.8 และเฉลี่ยระบบธนาคารขนาดเล็กที่เติบโตเพียงร้อยละ 9.5 เท่านั้น และธนาคารมีสัดส่วนสินเชื่อรวมต่อพนักงาน 59 ล้านบาทต่อคน สูงกว่าค่าเฉลี่ยของระบบที่มี 54 ล้านบาทต่อคน เงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ (Gross NPL) ณ 31 ธันวาคม 2552 มีจำนวน 435 ล้านบาท หรือเท่ากับร้อยละ 1.22 ของเงินให้สินเชื่อซึ่งลดลงเมื่อเทียบสินเชื่อไม่ก่อให้เกิดรายได้ ณ สิ้นปี 2551 ถึง ร้อยละ 2.42 เป็นผลมาจากธนาคารได้เพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อและมีกระบวนการติดตามอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ ธนาคารยังมีนโยบายรักษาระดับเงินสำรองหนี้สูญต่อสำรองพึงกันตามเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทยในระดับสูงเพื่อความมั่นคงและความแข็งแกร่งของธนาคาร จากนโยบายนี้ทำให้ ธนาคารมีอัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ร้อยละ 140 ากนโยบายนี้ทำให้อัตราส่วนอยู่ที่ร้อยละและสำรองหนี้สูญต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ อยู่ที่ร้อยละ 71 ซึ่งอยู่ในระดับสูงและแข็งแกร่ง และตัวเลขเงินสำรองดังกล่าว มีจำนวนที่สูงทัดเทียมกับธนาคารขนาดใหญ่ และปัจจุบันธนาคารมีเงินกองทุนชั้นที่ 1 เท่ากับร้อยละ 11.3 แหล่งเงินฝากและเงินกู้ยืมส่วนใหญ่มาจากกลุ่มลูกค้าบุคคลธรรมดา ณ สิ้นปี 2552 มีจำนวนเงินรวม 42,038 ล้านบาท เป็นเงินฝากจำนวน 31,822 ล้านบาท และเงินกู้ยืมประเภท ตั๋วแลกเงินจำนวน 10,216 ล้านบาท โดยมีอัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากและเงินกู้ยืมเฉลี่ย อยู่ที่ 103 และจำนวนลูกค้าเงินฝากของธนาคารเพิ่มขึ้นจากปี 2551 กว่าร้อยละ 30 เพิ่มขึ้นในส่วนลูกค้ารายย่อยวงเงินต่ำกว่า 1 ล้านบาทถึง 10,000 กว่าราย ทำให้สิ้นปี 2552 มีจำนวนผู้ฝากเงินเฉพาะกลุ่มนี้ถึง 41,993 ราย คิดเป็นร้อยละ 92 ของจำนวนผู้ฝากเงินทั้งหมด โดยลูกค้าเงินฝากที่เพิ่มขึ้นมาจากความสำเร็จในการทำแคมเปญที่ตรงใจลูกค้า ปัจจุบัน ธนาคารมีสาขาให้บริการจำนวนทั้งสิ้น 23 สาขา (รวมสำนักงานใหญ่) แบ่งเป็นกรุงเทพและปริมณฑลจำนวน 18 แห่ง และ ต่างจังหวัดตามหัวเมืองใหญ่อีก 5 แห่ง (เชียงใหม่, หางดง, ภูเก็ต, ชลบุรี, ศรีราชา) เงินฝากจากสาขาทั้งหมดคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 48 ของเงินฝากรวม แผนปี 2553 ธนาคารมีแผนที่จะเพิ่มทุนเพื่อให้ธนาคารมีเงินกองทุนที่แข็งแกร่งและเอื้ออำนวยต่อการขยายฐานสินเชื่อ และขยายสาขาได้มากขึ้น ซึ่งการเพิ่มทุนดังกล่าวจะทำให้ธนาคารสามารถเพิ่มศักยภาพในการขยายตัวของสินเชื่อได้ตามแผนงานปี 2553 ในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 20 แต่หากภาวะเศรษฐกิจดีกว่าที่คาดการณ์และปัจจัยการเมืองลดความร้อนแรงลง การขยายตัวของสินเชื่อใหม่ในปี 2553 นี้ มีโอกาสจะขยายตัวได้ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยการเติบโตสินเชื่อของธนาคารใน 4 ปีที่ผ่านมาที่มีอัตราเติบโตสินเชื่อเฉลี่ยประมาณร้อยละ 40 — 60 ในปี 2553 ธนาคารมีแผนเตรียมการเปิดสาขาใหม่ในทำเลที่มีศักยภาพไม่น้อยกว่า 6-8 สาขา เพื่อรองรับลูกค้าที่ปัจจุบันยอมรับในชื่อเสียงและความมั่นคงของธนาคารเพิ่มมากขึ้น สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ ส่วนโฆษณาและประชาสัมพันธ์ คุณศจิกา เจนคิด (แหม่ม) โทรศัพท์. 02-359-0283 E-mail: sajikaj@lhbank.co.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ