กรุงเทพฯ--1 ก.พ.--กองประชาสัมพันธ์ กทม.
1 ก.พ. 53 กรุงเทพมหานครตั้งกรงดักเตรียมเคลื่อนย้ายนกพิราบให้ออกจากสนามหลวงกลับไปอยู่ในธรรมชาติ พร้อมห้ามจอดรถและเตรียมปรับภูมิทัศน์สภาพแวดล้อมและแก้ปัญหาสังคม เพื่อลดจำนวนนกพิราบ และความเป็นระเบียบเรียบร้อยของพื้นที่สนามหลวงและปริมณฑล
1 ก.พ. 53 เวลา 10.30 น. คณะผู้บริหารกทม. นำโดยนายพรเทพ เตชะไพบูลย์ ดร.ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ตรวจความเรียบร้อยการติดตั้งกรงดักนกพิราบเพื่อเตรียมเคลื่อนย้ายออกจากสนามหลวงให้ไปอยู่ในธรรมชาติ
วางกรงล่อนกพร้อมแจ้งห้ามขายและให้อาหาร จากนั้นจะย้ายไปตรวจโรคและนำไปปล่อยตามธรรมชาติ
สำหรับการลดจำนวนนกพิราบจะมีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบถึงความผิดกฎหมายกรณีที่มีการซื้อขายหรือให้อาหารนก รวมถึงผลกระทบที่เกิดจากนกพิราบจรจัด จากนั้นจะสำรวจจุดและกำหนดจุดพร้อมแนวเขตที่จะวางกรงนก เมื่อวางกรงนกตามจุดที่กำหนดจะให้เจ้าหน้าที่ให้อาหารล่อนกเข้ากรงและให้อาหารเลี้ยงนกตามเวลาที่กำหนดประมาณ 10-14 วัน และจัดเจ้าหน้าที่ดูแลกรงนกตลอด 24 ชั่วโมง นอกนั้นยังจัดเจ้าหน้าที่กวดขันควบคุมการขายและให้อาหารนก โดยจับปรับสูงสุด 2,000 บาท เมื่อได้นกในกรงแล้วจะเคลื่อนย้ายนกพิราบทั้งหมดไปยังจุดอนุบาลและกักกันโรคเพื่อตรวจหาเชื้อไข้หวัดนก ซึ่งใช้เวลา 10 วัน และระหว่างนั้นจะถ่ายพยาธิและให้ยาควบคุมโรคทางเดินหายใจและทางเดินอาหารแก่นกพิราบทุกตัว เมื่อแน่ใจว่าปลอดโรคแล้วจึงย้ายไปยังปลายทางที่กำหนด ซึ่งจะย้ายนกพิราบไปกรงกักกันโรคโดยสมาคมมิตรภาพกีฬาแข่งนกที่ลาดพร้าว 87 และเคลื่อนย้ายไปยังพื้นที่ทหารหลังปลอดโรคแล้ว ซึ่งอาจจะเป็นในพื้นที่ จ.ราชบุรี จ.ปราจีนบุรี หรือ จ.ฉะเชิงเทรา ทั้งนี้กำหนดระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ 1 ก.พ. - 30 ก.ย. 53 คาดว่าจะสามารถลดจำนวนนกพิราบได้มากกว่า 50%
ตั้งแต่ 1 ก.พ. เป็นต้นไป ห้ามนำรถทุกชนิดจอดในสนามหลวง รถนักท่องเที่ยวจอดรับ-ส่งเท่านั้น
ส่วนการจัดระเบียบในบริเวณสนามหลวงนั้น ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการปรับปรุงภูมิทัศน์ สภาพแวดล้อมและปัญหาทางสังคมในพื้นที่ เมื่อ 18 ม.ค. ที่ผ่านมา กำหนดให้ห้ามการจอดรถทุกชนิดในบริเวณสนามหลวงตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 53 เป็นต้นไป โดยจะปิดกั้นทางเข้า-ออกสนามหลวงห้ามรถทุกชนิดเข้ามาจอด เจ้าหน้าที่เทศกิจร่วมกับตำรวจจราจร สน.ชนะสงคราม รวมประมาณ 100 นาย ออกประชาสัมพันธ์และตรวจตราความเรียบร้อยและดำเนินการกับผู้ฝ่าฝืนด้วยการใช้การบังคับล้อและรถยกเพื่อดำเนินตามกฎหมาย นอกจากนั้นเทศกิจและตำรวจยังจะมีการอำนวยความสะดวกจราจรรอบบริเวณสนามหลวงและพื้นที่ใกล้เคียง และอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวในการส่งคนลงและนำรถไปจอดบริเวณอื่น เช่น ถนนเจ้าฟ้า ถนนท้ายวัง ขนส่งสายใต้
ดร.ธีระชน กล่าวด้วยว่า ภายหลังการปิดสนามหลวงไม่ให้นำรถเข้ามาจอดแล้วจะจัดกำลังเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังและตรึงกำลังบริเวณทางเข้า-ออก และจุดที่อาจมีรถฝ่าฝืนเข้ามาในสนามหลวงตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมอำนวยความสะดวกในการจราจรร่วมกันระหว่างเทศกิจและตำรวจทุกวัน เนื่องจากอาจจะมีปัญหาการจราจรติดขัดบริเวณโดยรอบในการจอดรถรับ-ส่งนักท่องเที่ยว จากนั้นกทม. จะทำความสะอาดสนามหลวงในเวลาเช้าทุกวัน
จัดระเบียบผู้ค้าให้ขายชั่วคราวริมคลองหลอด พร้อมหาที่ค้าขายแหล่งใหม่ให้
ด้านการจัดระเบียบผู้ค้ารอบสนามหลวง นายทวีศักดิ์ เดชเดโช รองปลัดกรุงเทพมหานครได้รายงานการสำรวจจำนวนผู้ค้า หาบเร่แผงลอย บริเวณสนามหลวง และริมคลองหลอด โดยมีจำนวนกว่า 700 ราย ส่วนผู้ค้ารอบพระบรมมหาราชวังมีจำนวน 301 ราย กรุงเทพมหานครเตรียมจัดพื้นที่ริมคลองหลอดช่วงจากสนามหลวง จนถึงปากคลองตลาด ซึ่งจะสามารถรองรับผู้ค้าได้ทั้งหมดกว่า 1,500 แผง หลังจากกำหนดพื้นที่สำหรับทำการค้าแล้ว จะเปิดให้ลงทะเบียนผู้ค้าเพื่อจัดแผงค้าให้ โดยพื้นที่ดังกล่าวจะเป็นการอนุญาตให้ขายชั่วคราวเท่านั้นจนกว่าการปรับปรุงสนามหลวงแล้วเสร็จ
สำหรับการแก้ไขปัญหาในระยะยาวได้มอบให้สำนักงานตลาดกรุงเทพมหานครจัดหาพื้นที่ทำการค้าในจุดอื่นให้ ส่วนกรณีที่ผู้ค้าไม่เห็นด้วยกับการจัดระเบียบดังกล่าว กทม. ยืนยันว่าหากไม่ให้ความร่วมมือก็ไม่สามารถช่วยเหลือได้ ซึ่งทุกฝ่ายต้องปฏิบัติตามระเบียบกฎเกณฑ์บ้านเมือง โดยกทม. มีพื้นที่ค้าขายให้สำหรับผู้ต้องการย้าย คือ สนามหลวงสอง หรือตลาดมีนบุรี แต่ทั้งนี้ผู้ค้ายังมีเวลาอีก 1 เดือนที่สามารถขายของบริเวณสนามหลวงได้ เนื่องจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแจ้งว่าต้องการใช้พื้นที่สนามหลวงจัดงานสัปดาห์พระพุทธศาสนา เนื่องในวันมาฆบูชา วันที่ 28 ก.พ. 53