กรุงเทพฯ--29 ก.ย.--ธนาคารนครหลวงไทย
ธนาคารนครหลวงไทยคัดทรัพย์สินรอการขายที่มีศักยภาพกว่า 600 รายการ มูลค่า 2,300 ล้านบาท อาทิ คอนโดมิเนียมย่านสนามบินสุวรรณภูมิราคาเริ่มต้นที่ 245,000 บาท หรืออาคารสำนักงานทำเลเยี่ยม เป็นต้น พร้อมทั้งมอบเงื่อนไขพิเศษให้สำหรับผู้ซื้อทรัพย์ภายในงาน “มหกรรมบ้านและคอนโดครั้งที่ 15” มั่นใจแผนเชิงรุกออกบูธด้วยรถโมบายตามแหล่งชุมชน-ส่งทีมขายถึงบ้านดันยอดขายเข้าเป้าส่งท้ายปี
นางทัศนา รัชตโพธิ์ รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารเตรียมนำทรัพย์สินรอการขาย (เอ็นพีเอ) คุณภาพดีบนทำเลที่มีศักยภาพเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล และต่างจังหวัดทั่วประเทศ จำนวนกว่า 600 รายการ มูลค่ารวมประมาณ 2,300 ล้านบาท เข้าร่วมจำหน่ายในงาน “มหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 15” ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28-30 ก.ย. และวันที่ 1 ต.ค. 2549 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยได้จัดรายการส่งเสริมการขายพร้อมเงื่อนไขพิเศษมอบให้กับผู้ซื้อเอ็นพีเอของธนาคารทุกรายใน 3 ทางเลือก ได้แก่ การยกเว้นค่าธรรมเนียมในการโอนกรรมสิทธิ์ทั้งหมด เมื่อชำระเงินสดภายใน 60 วัน หรือเงื่อนไขการยกเว้นคิดอัตราดอกเบี้ย เมื่อผ่อนชำระภายใน6 เดือน หรือเลือกใช้บริการ “สินเชื่อทวีโชค” ซึ่งเป็นสินเชื่อเพื่อซื้อทรัพย์สินรอการขายของธนาคาร ผู้กู้จะได้รับวงเงินกู้สูงสุดถึง 90% โดยในปีที่ 1 คิดอัตราดอกเบี้ย 4% ปีที่ 2 คิดอัตราดอกเบี้ย 5.5% ส่วนปีที่ 3 เป็นต้นไป คิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ประเภทลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี (เอ็มแอลอาร์) ลบ 0.50% ระยะเวลากู้นานสูงสุด 20 ปี และยังได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมในการจัดหาเงินกู้ และค่าธรรมเนียมในการประเมินราคาหลักประกันอีกด้วย
“ธนาคารได้คัดเลือกทรัพย์ที่เป็นที่ต้องการของตลาดออกจำหน่ายหลายรายการด้วยกัน เช่น คอนโดมิเนียมที่มีทำเลใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ จำนวน 1,145 ห้อง ราคาเริ่มต้นที่ 245,000 บาท ที่ดินเปล่าย่านนิมิตใหม่ ราคาเริ่มต้นที่ 570,000 บาท หรืออาคารสำนักงานที่อยู่ในย่านชุมชน เป็นต้น โดยในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ส.ค.) สามารถจำหน่ายเอ็นพีเอได้แล้วกว่า 1,600 ล้านบาท นอกจากนี้ ธนาคารยังจะเร่งประชาสัมพันธ์การขายเอ็นพีเออย่างต่อเนื่อง เช่น การออกบูธรายย่อยโดยใช้รถโมบายเป็นสำนักงานขายเคลื่อนที่ไปแนะนำทรัพย์ตามเขตชุมชน หรือการจัดทีมขายเคาะประตู (KNOCK DOOR SALE) ถึงลูกค้าโดยตรง พร้อมสร้างความสัมพันธ์ และความรู้สึกที่ดีกับลูกค้า เป็นต้น” นางทัศนา กล่าว