ภาวะตลาดทองคำ ประจำวันที่ 3 ก.พ.53

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday February 3, 2010 12:22 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--3 ก.พ.--เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์ ข้อมูลทองคำวันนี้ ราคาสมาคม เปิดที่ 17,350— 17,450 ราคา Gold Spot เปิดที่ 1,112 อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท 33.09 — 33.11 GFG10 Hi- Low 17,610 - 17,440 ปิดที่ 17,600 Gold Insight สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 13.00 ดอลลาร์ หรือ 1.18% ปิดที่ 1118.00 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1118.2-1110.8 ดอลลาร์ หลังจากสกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ซึ่งกระตุ้นนักลงทุนให้เข้าซื้อสัญญาทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ขณะที่สัญญาโลหะเงินและพลาตินัมปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ พุ่งขึ้น 111.32 จุด หรือ 1.09% ปิดที่ 10,296.85 จุด ดัชนี S&P 500 ดีดขึ้น 14.13 จุด หรือ 1.30% ปิดที่ 1,103.32 จุด หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดทำสัญญาขายบ้านเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับการคาดการณ์ นอกจากนี้ ผลประกอบการอันแข็งแกร่งของบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับผู้บริโภคและอุตสาหกรรม อาทิ เวิร์ลพูล คอร์ป และ คัมมินส์ อิงค์ ทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่าอัตราการอุปโภคบริโภคในสหรัฐจะขยายตัวแข็งแกร่งในระยะใกล้นี้ น้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 2.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 77.23 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 77.23-76.20 ดอลลาร์ เนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าสต็อกน้ำมันกลั่นรายสัปดาห์ของสหรัฐจะปรับตัวลดลง หลังจากภาคการผลิตของสหรัฐขยายตัวเกินคาด ซึ่งทำให้นักลงทุนเชื่อว่าดีมานด์พลังงานจะเพิ่มขึ้นด้วย กองทุน SPDR Gold Trust SPDR กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการเข้าถือ ทองคำถึง ณ.3 ก.พ. ไม่มีการเปลี่ยนแปลงการถือครอง ถือคงที่ที่ระดับ 1,111.92 ตัน USD/EU ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ เนื่องจากรายงานผลประกอบการภาคเอกชนและข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ทำให้นักลงทุนเทขายดอลลาร์ และหันไปถือครองที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงกว่า รวมถึงสกุลเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์และยูโร นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ยังกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อสกุลเงินใน ประเทศที่ส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์เป็นรายได้หลัก รวมถึงดอลลาร์แคนาดา ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.25% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.3962 ยูโรต่อดอลลาร์ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.3927 ยูโรต่อดอลลาร์ โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลยูโรเช้านี้เปิดตลาดยู่ที่ระดับ 1.3966 ดอลลาร์ต่อยูโร USD/JPY ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดิ่งลง 0.28% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 90.370 เยนต่อดอลลาร์ จากระดับ 90.620 เยนต่อดอลลาร์ โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลเยนเช้านี้เปิดอยู่ที่ระดับ 90.86 เยนต่อดอลลาร์ USD/THB ค่าเงินบาทปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 33.10/33.17 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งมีการอ่อนค่ามากขึ้นจากการเปิดตลาดในตอนเช้า โดยค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาดที่ระดับ 33.04/33.12 บาทต่อดอลลาร์ ข่าวเศรษฐกิจโลก รายงานสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ที่กระทรวงพลังงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันพุธ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบอาจลดลง 200,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นอาจลดลง 900,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินอาจเพิ่มขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจทรงตัวที่ 78.5% รายงานตัวเลขจ้างงานเดือนม.ค.ของสหรัฐซึ่งกระทรวงแรงงานจะเปิดเผยในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payroll) ประจำเดือนม.ค.ของสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 13,000 คน เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัวในปี 2553 แต่คาดว่าอัตราว่างงานจะยังคงยืนอยู่ที่ระดับ 10% ในเดือนม.ค. ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ของสหรัฐประจำเดือนธ.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.0% แตะที่ระดับ 96.6 จุด หลังจากรัฐบาลขยายระยะเวลาการใช้นโยบายลดหย่อนภาษีเงินกู้ให้กับผู้ซื้อบ้านหลังแรก สมาคมนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยดัชนี้การทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเดือนธ.ค.ที่ปรับตัวสูงขึ้นตามความคาดหมาย ซึ่งบ่งชี้ว่า ตลาดที่อยู่อาศัยจะเริ่มมีสัญญาณบ่งชี้ในแง่บวก โดยดัชนีสามารถดีดตัวขึ้นหลังจากที่ร่วงลงอย่างหนักในเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา บิสิเนส ราวด์เทเบิล (Business Roundtable) ซึ่งเป็นสมาคมผู้บริหารระดับสูงภาคเอกชนในสหรัฐ คาดการณ์ว่า แบงก์ ออฟ อเมริกา, เอ็กซอนโมบิล และไมโครซอฟท์ จะเป็นหนึ่งในหลายบริษัทที่ต้องจ่ายเงินภาษีเพิ่ม 4 แสนล้านดอลลาร์ตามร่างงบประมาณมูลค่า 3.8 ล้านล้านดอลลาร์ที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามายื่นต่อสภาคองเกรสในวันนี้ ธนาคารกลางออสเตรเลียมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 3.75% ในการประชุมวันนี้ หลังจากปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยติดต่อกัน 3 ครั้งในการประชุมตั้งแต่เดือนต.ค.ปี 2552 ซึ่งการตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยในวันนี้สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าธนาคารกลางจะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นสู่ระดับ 4% ออสเตรเลียเป็นประเทศแรกในกลุ่มประเทศ G20 ที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันในการประชุม 3 ครั้ง โดยเมื่อวันที่ 6 ต.ค.2552 ธนาคารกลางปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เป็น 3.25% จากเดิม 3.0% ต่อมาในวันที่ 3 พ.ย.2552 ธนาคารปรับดอกเบี้ยขึ้นอีก 0.25% เป็น 3.5% และในการประชุมวันที่ 1 ธ.ค.ธนาคารประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% เป็น 3.75% ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าจับตา อาทิตย์ที่ ข้อมูลที่น่าจับตา ตัวเลขเดิม ตัวเลข คาดการณ์ ตัวเลขจริง 1 — 5 กุมภาพันธ์ 2553 วันอังคาร ? ดัชนีการทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขายpending home sales -16.0% 0.0% 1.0% ? ยอดการขายรถยนต์ของสหรัฐ หรือMotor Vehicle Sales 11.3M 11.4M 10.8M วันพุธ ? ปริมาณสำรองน้ำมันโดยEIA -3.9M - ? ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร หรือ Non-Farm Employment Change หรือ Nonfarm Payroll -84K -36K ? ดัชนีกิจกรรมภาคโรงงานอุตสาหกรรม โดยสถาบันจัดการอุปทาน (ISM) หรือ Instituteof Supply ManagementManufacturing PMI 49.8 51.2 คำแนะนำการลงทุน Gold Futures DAY TRADER GFG10 ซื้อในช่วงราคา 17380 - 17490 ขายในช่วงราคา 17660 - 17710 GFJ10 ซื้อในช่วงราคา 17480 - 17590 ขายในช่วงราคา 17770 — 17850 SWING TRADER ทิศทางราคาทองคำกลับทิศทางเป็นขาขึ้น ซึ่งถ้าหลุดแนวต้านที่1120-1125ขึ้นไป ทิศทางราคาทองคำจะเป็นขาขึ้นอย่างชัดเจนมากขึ้น แนะนำปิดสถานะShort และทยอยเปิดสถานะ Long อย่างฃ้าๆ GFG10 รอเข้าซื้อที่ระดับ 17650 รอขายที่ระดับ 17800 GFJ10 รอเข้าซื้อที่ระดับ 17730 รอขายที่ระดับ 17880 ปัจจัยสำคัญ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (2 ก.พ.) เนื่องจากรายงานผลประกอบการภาคเอกชนและข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐทำให้นักลงทุนเทขายดอลลาร์ และหันไปถือครองที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงกว่า รวมถึงสกุลเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์และยูโร นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ยังกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อสกุลเงินในประเทศที่ส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์เป็นรายได้หลัก รวมถึงดอลลาร์แคนาดา ธ.กลางยุโรปจะจัดประชุมนโยบายในวันพฤหัสบดี โดยนักวิเคราะห์คาดว่าธนาคารกลางจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 1% นักลงทุนติดตามรายงานตัวเลขจ้างงานเดือนม.ค.ของสหรัฐซึ่งกระทรวงแรงงานจะเปิดเผยในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payroll) ประจำเดือนม.ค.ของสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 13,000 คน เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัวในปี 2553 แต่คาดว่าอัตราว่างงานจะยังคงยืนอยู่ที่ระดับ 10% ในเดือนม.ค. MORNING RECAP : ราคาทองคำต่างประเทศเปิดที่ระดับ 1,105 $ ส่วน Gold Future G10 เปิดที่ 17,480 สมาคมค้าทองแท่งเปิดที่ 17,350 ปรับขึ้นมา 250 บาทจากวันทำการก่อน ตลาดทองคำมีทิศทางปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 1100 $ ราคาทองคำต่างประเทศระหว่างวันเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 1,098 — 1,112 $ โดยในช่วงบ่ายราคาทองคำต่างประเทศมีทิศทาง Side way Up โดยปิดตลาด Gold Future G10 ปิดตลาดที่ 17,600 ในขณะที่ราคาทองคำแท่งของสมาคมค้าทองคำปรับขึ้น 50 บาท อยู่ที่ราคา 17,400 บาท นักลงทุนเข้าซื้อขายอย่างหนาแน่น เนื่องจากGold spot เริ่มปรับตัวตัวเป็นขาขึ้น NIGHT RECAP: ราคาทองคำเปิดตลาดในประเทศไทยที่ระดับ 1104 เหรียญ โดยราคาเคลื่อนตัวอยู่ระหว่าง 1099 - 1108 เหรียญ ก่อนกลับมาปิดตลาดที่ 1107 เหรียญ ในเวลาประเทศไทย ต่อมาในตลาดลอนดอนและนิวยอร์ก ราคาทองคำมีการเคลื่อนตัวไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1118 เหรียญ และมาปิดตลาดที่ 1115 เหรียญ สนใจลงทุนใน Gold Futures กับ MTS Gold Futures สามารถติดต่อที่เบอร์ 02-222-5959

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ