กรุงเทพฯ--4 ก.พ.--กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง
บสย. พร้อมเดินหน้าหลังผลประชุมร่วม แบงค์ชาติ ธ.พาณิชย์ และ ก.คลัง ประสานเสียงเรียกร้องรัฐบาลสานต่อโครงการ Portfolio ระยะ 2 ฟรีค่าธรรมเนียมปีแรก เป้าหมาย 30,000 ล้านบาท แบบไม่มีรอยต่อ ทั้งดึงสาขาธนาคารต่างประเทศร่วมโครงการเพิ่มจากเดิม 20 ธนาคารไทย ทั้งนี้ เพื่อสนองตอบนโยบายไทยเข้มแข็งที่ต้องการสนับสนุนเงินลงทุนให้ผู้ประกอบการ SMEs อีกทั้งตอบรับกับความต้องการสินเชื่อเพื่อธุรกิจที่ยังมีมากกว่า 4 ล้านล้านบาท เผยเตรียมชง ก.คลังเสนอ ครม.อนุมัติเร็วๆ นี้
ดร.พิชิต อัคราทิตย์ ประธานกรรมการ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม หรือ บสย. เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินเฉพาะกิจ รวมถึงสาขาธนาคารต่างประเทศ และกระทรวงการคลังว่า ที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับโครงการ Portfolio Guarantee Scheme ยกเว้นค่าธรรมเนียมปีแรก ระยะที่ 2 ของ บสย.
โดยในที่ประชุมทางสถาบันการเงินมีความเห็นร่วมกันว่าควรจะเดินหน้าโครงการนี้ต่อเนื่องทันที เมื่อจบระยะที่ 1 ในวันที่ 6 มีนาคม 2553 นี้ โดยให้คงไว้ซึ่งการยกเลิกค่าธรรมเนียมปีแรกและเงื่อนไขค้ำประกันเช่นเดิม เพราะเห็นว่าโครงการสามารถสนับสนุนและสนองตอบกับโครงการไทยเข้มแข็งของรัฐบาลที่ต้องการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ให้มีเงินลงทุนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมได้ อีกทั้งการยกเว้นค่าธรรมเนียมยังเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระให้กับผู้ประกอบการ SMEs ที่มีต้นทุนการกู้ยืมสูงกว่าลูกค้ารายใหญ่ได้เป็นอย่างดี
สำหรับโครงการ Portfolio Guarantee Scheme ระยะที่ 1 เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนมีนาคม 2552 ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยเป็นผลมาจากการสนับสนุนของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทยที่สนับสนุนให้ธนาคารพาณิชย์เห็นคุณค่าของโครงการ กอรปกับการทำงานอย่างหนักของ บสย. ที่ได้ปรับเปลี่ยนการดำเนินงานเป็นเชิงรุกอย่างเต็มที่เพื่อช่วยขยายฐานลูกค้า ส่งผลให้ปี 2552 บสย.มียอดค้ำประกันสินเชื่อสูงกว่า 22,000 ล้านบาท
จากความสำเร็จดังกล่าว ส่งผลให้ SMEs จำนวนมากอยู่รอด ถือเป็นประโยชน์เป็นอย่างมาก ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 5 มกราคม 2553 จึงเห็นชอบให้ บสย.ขยายเวลาการยกเว้นค่าธรรมเนียมปีแรกต่อไปอีกถึง 6 มีนาคม 2553 จากเดิมซึ่งหมดเขตตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2552 ทั้งนี้ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ต่อไป
สำหรับปี 2553 ทาง บสย. จะขยายบทบาทในการดำเนินงานเพื่อทำหน้าที่สนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs อย่างต่อเนื่อง เป็นตามเป้าหมายโครงการ Portfolio Guarantee Scheme ระยะที่ 2 ประมาณ 30,000 ล้านบาท โดยการประสานความร่วมมือกับสาขาธนาคารต่างประเทศ บริษัทเงินทุน และบริษัทเครดิต ฟอง ซิเอร์ เพิ่มเติม จากเดิมที่ร่วมมือกับธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินเฉพาะกิจของไทย 20 สถาบัน ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ SMEs เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้เพิ่มขึ้น และเพื่อให้ บสย. มุ่งสู่เป้าหมายการเป็นองค์กรระดับแสนล้าน
ดร.พิชิต กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ความต้องการสินเชื่อเพื่อธุรกิจยังมีมากกว่า 4 ล้านล้านบาท โดยส่วนหนึ่งเป็นความต้องการของผู้ประกอบการ SMEs ซึ่งถือเป็นรากฐานที่สำคัญทำให้สินเชื่อในระบบของประเทศเติบโตอย่างยั่งยืน ทางสถาบันการเงินรวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างต้องการเห็นความต่อเนื่องของนโยบายรัฐที่สนับสนุนสถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อให้ SMEs ผ่านโครงการ Portfolio Guarantee Scheme ระยะ 2 โดยยกเว้นค่าธรรมเนียมปีแรก เพื่อช่วยเหลือเศรษฐกิจ อีกทั้งหลายสถาบันการเงินยังประสานเสียงให้ภาครัฐให้การสนับสนุน บสย. ซึ่งถือเป็นหน่วยงานรับผิดชอบมากกว่านี้
อย่างไรก็ตาม จากความเห็นของที่ประชุมครั้งนี้ ทาง บสย. เตรียมประสานและหารือในข้อสรุปกับกระทรวงการคลัง เพื่อเสนอเรื่องดังกล่าวให้ ครม. อนุมัติในเร็วๆ นี้
เผยแพร่โดย สำนักประชาสัมพันธ์
โทร.0-2308-2741 ต่อ 361 , 162
สุภาพร / จักรภพ