เอ็มเอฟซีก้าวสู่ปีที่ 35 เน้นกลยุทธ์หลัก Customer Centric รอบด้าน สร้างความมั่งคั่งสูงสุดแก่ลูกค้า พร้อมสนับสนุนภาครัฐ และตอบแทนสังคม

ข่าวเศรษฐกิจ Monday February 8, 2010 17:42 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--8 ก.พ.--เวิรฟ ตั้งเป้า NAV โตเป็น 300,000 ล้านบาทในปี 2553 บลจ. เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) ฉลองครบรอบ 35 ปี เน้นกลยุทธ์หลัก “Customer Centric” คำนึงถึงลูกค้าเป็นหลัก หวังครองความเป็นที่ 1 ในใจลูกค้าทั้งผลงานกองทุนและบริการที่เป็นเลิศ เตรียมขยายฐานกลุ่มลูกค้าไปสู่กลุ่ม Young Generation และวัยเกษียณมากขึ้น พร้อมสนับสนุนการดำเนินงานของภาครัฐด้วยการเป็นที่ปรึกษาแบบมืออาชีพ ตอกย้ำเป็นมันสมองทางการลงทุนให้นักลงทุนทุกกลุ่ม และมุ่งเน้นทำประโยชน์คืนกำไรสู่สังคมอย่างต่อเนื่อง ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ปี 2553 เป็น 300,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 27.79 จากปี 2552 ซึ่งมี NAV 234,742 ล้านบาท ดร.พิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าในโอกาสที่บริษัทได้ก้าวเข้าสู่ปีที่ 35 ในปีนี้ บริษัทจะเน้นกลยุทธ์หลักคือ “Customer Centric” หรือการคำนึงถึงความต้องการของลูกค้าเป็นหลักในการดำเนินงาน เพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงิน พร้อมกับการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข โดยจะมีการทำวิจัยการตลาดและความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เข้าใจและตอบสนองได้ตรงใจลูกค้าด้วยความเป็นมืออาชีพของทีมที่ปรึกษาการลงทุนและผู้จัดการกองทุนที่มีคุณภาพ โดยการสร้างสรรค์กองทุนใหม่ที่จะสามารถให้ผลตอบแทนและผลประโยชน์ที่น่าพอใจ และการบริการระดับ 5 ดาวแก่ลูกค้า ได้แก่ การอำนวยความสะดวกด้านการซื้อขายหน่วยลงทุนผ่านระบบ “MFC Smart Services” ซึ่งประกอบด้วย MFC Smart Track, MFC Smart Tele และ MFC Smart Trade ที่ทันสมัยขึ้น การจัดกิจกรรมการตลาดและกิจกรรมส่งเสริมการขายที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม เช่น การจัด Mileage Program สำหรับลูกค้า ดร. พิชิตกล่าวว่า สิ้นปี 2552 บริษัทมีทรัพย์สินสุทธิของกองทุนทุกประเภทภายใต้การจัดการเท่ากับ 234,742.28 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18,267.91 ล้านบาท หรือ 8.44% เมื่อเทียบกับเดือนธันวาคมปี 2551 ซึ่งมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 216,474.37 ล้านบาท โดยกองทุนรวมในปี 2552 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.17 เป็น 150,423 ล้านบาท จาก 135,309 ล้านบาทในปี 2551 โดยบริษัทได้ออกกองทุนใหม่ทั้งหมด 32 กองทุนรวมมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ณ วันจดทะเบียนกองทุน 13,547.12 ล้านบาท และได้จ่ายเงินปันผลจำนวน 13 กองทุน รวมเป็นเงิน 423.76 ล้านบาท สำหรับลูกค้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ บริษัทบริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ จำนวน 44 กองทุน เป็นบริษัทนายจ้าง 546 แห่ง มูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวม 60,816.49 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 8.74 หรือเท่ากับ 4,886 ล้านบาท จากปี 2551 ซึ่งมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวม 55,930 ล้านบาท โดยมีบริการสำหรับลูกค้า ได้แก่ บริการข้อมูลพอร์ตการลงทุนผ่านเวบไซด์ การจัดบรรยายให้ความรู้ด้านการลงทุน ณ สำนักงานของลูกค้า และการจัดสัมมนาพิเศษ เป็นต้น ในขณะที่กองทุนส่วนบุคคลมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวม 23,502 ล้านบาท ลูกค้ารายใหญ่ได้แก่ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ สภากาชาดไทย เป็นต้น สำหรับลูกค้าที่เป็นองค์กรของภาครัฐบาลนั้น บริษัทมีความพร้อมที่จะสนับสนุนโครงการของภาครัฐอย่างเต็มที่โดยการเป็นที่ปรึกษามืออาชีพทั้งการบริหารจัดการกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund) กองทุนส่วนบุคคล (Private Equity) และเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน (Financial Advisory) โดยในปี 2552 บริษัทได้เป็นที่ปรึกษาการจัดตั้งกองทุน Thailand Carbon Credit ในประเทศไทย และที่ปรึกษาโครงการวางระบบการลงทุนของกองทุนบริหารเงินกู้ เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ ให้แก่สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ในปี 2553 บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิเป็น 300,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 27.79 และมีรายได้เพิ่มเป็น 700 ล้านบาท ดร. ศุภกร สุนทรกิจ รองกรรมการผู้จัดการกล่าวว่า ในปีที่ผ่านมา บริษัทได้เน้นการจัดกิจกรรมเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า เช่น กิจกรรม MFC Fund Family ซึ่งเป็นกิจกรรมด้าน Lifestyle เช่น การทำอาหาร การวาดภาพ ลีลาศ เป็นต้น กิจกรรมสปา และการชมภาพยนตร์ เป็นต้น นอกเหนือจากการจัดสัมมนาให้ความรู้ที่จัดขึ้นเป็นประจำซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมากจากลูกค้า โดยในปีนี้ก็จะมีการทำกิจกรรมดังกล่าวอย่างต่อเนื่องและหลากหลายมากขึ้น รวมทั้งเน้นเรื่องบริการระดับ 5 ดาวให้ลูกค้าได้รับบริการที่เหนือกว่าเดิม และประทับใจในบริการของเอ็มเอฟซีมากขึ้น ดร. ศุภกรกล่าวว่าปีนี้ กิจกรรมต่างๆ จะเน้นที่ประโยชน์ และการขอบคุณลูกค้าเนื่องในโอกาสครบรอบ 35 ปีของบริษัทตลอดปี เพื่อให้ลูกค้าได้รับความสุข และความมั่งคั่งจากผลตอบแทน และบริการที่พึงพอใจ โดยเฉพาะปีนี้จะเน้นการบริการด้านการบริหารความมั่งคั่งแก่ลูกค้าอย่างเต็มรูปแบบ โดยบริษัทจะมีทีมงานทั้งด้าน Wealth Committee, Wealth Services และ Wealth Analyzer Program แก่ลูกค้า เพื่อให้คำปรึกษาวางแผน และติดตามแผนการลงทุนของลูกค้าอย่างทันต่อสภาวะเศรษฐกิจการลงทุน เพื่อรักษาประโยชน์สูงสุดของลูกค้า ดร. ศุภกรเปิดเผยว่า ในปีนี้ บริษัทมีแผนออกกองทุนใหม่ 30 กองทุน แบ่งเป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ 12 กองทุน กองทุนตราสารทุน 1 กองทุน กองทุนผสม 5 กองทุน กองทุนต่างประเทศ 7 กองทุน และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ 5 กองทุน โดยปีนี้จะเน้นขยายกลุ่มลูกค้า Young Generation และวัยเกษียณ ไปพร้อมๆ กัน และตั้งเป้ารายได้จากการแสวงหาตลาดใหม่ทั้งในและต่างประเทศร้อยละ 30 ของรายได้รวม สำหรับ Private Equity ในปีนี้ กองทุน MFC Energy Fund จะเน้นเรื่องพลังงานชีวมวล (Biomass) และพลังงานแสงอาทิตย์ เป็นหลัก รวมทั้งการระดมทุนสำหรับกองทุน Thailand Creativity Fund การศึกษาเรื่องการพัฒนาพลังงานทดแทน ฯลฯ ด้านการจัดกิจกรรมเพื่อตอบแทนสังคมที่ผ่าน ในปี 2552 บริษัทได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้เข้าชิงรางวัลบริษัทที่ให้ความสำคัญกิจกรรมเพื่อสังคมในงาน SET Awards 2009 โดยในปีเดียวกันนี้ บริษัทได้จัดทำโครงการ MFC Talent Award อย่างต่อเนื่องจนมาถึงปีที่ 6 และได้จัดทำโครงการปรับปรุงห้องสมุดและอุปกรณ์การศึกษาให้กับโรงเรียนบ้านท่าฉาง จังหวัดระนอง โดยเป็นการร่วมบริจาคจากส่วนหนึ่งของรายได้ค่าธรรมเนียมการบริหารกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อิสลามิก ฟันด์ และผู้ถือหน่วยลงทุน การสนับสนุนทุนวิชาการ “ศาสตรเมธาจารย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน)” เป็นต้น และในปี 2553 บริษัทยังคงยึดถือแนวคิด “สร้างสรรค์มันสมองไทย” โดยมุ่งพัฒนาคุณภาพด้านการศึกษา และพัฒนาองค์ความรู้ด้านต่างๆ เพื่อประโยชน์ต่อสังคมไทยโดยส่วนรวม โดยจะมีการจัดกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่องตลอดปี ข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ: คุณสุทรรศิกา คูรัตน์, คุณสุวรรณา ชีวนันทชัย คุณพรทิภา อยู่แสง, คุณนิธิดา อัศวนิพนธ์ บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เวิรฟ โทร.0-2649-2230, 0-2649-2232 โทร. 0-2204-8078, 0-2204-8226 โทรสาร 0-2259-9246

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ