กรุงเทพฯ--9 ก.พ.--แพลตตินั่ม มาร์เก็ตติ้ง แอนด์ ดิสทริบิวชั่น
MAMAS GUN: Routes to Riches
Format: CD
Cat. No: PMDCD-1004
Retail Price: 399 Baht
Style: Funky/Acid Jazz/Pop
Release Date: 23 February 2010
TRACKLISTING
1. House On A Hill
2. Rico
3. You Are The Music
4. Finger On It
5. Pots Of Gold
6. Chasing Down Shadows
7. Psycho Territory
8. Bitch
9. Let’s Find A Way
10. Miracle
11. Big Betty
Bonus Tracks Bonus Video
1. Supa Sneakers 1. You Are The Music
2. Never Be Right
3. Sketches
4. Wishing
5. Yesterday’s News
PRODUCT & SALES POINTS
คริส เอแวนส์ ดีเจรายการวิทยุและพรีเซนเตอร์ชื่อดังของอังกฤษ บอกกับผู้ฟังรายการ BBC Radio 2 Drive Time Show ของเขากว่าหกล้านคนว่า…
"สิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดอย่างหนึ่งที่ผมสามารถทำได้ทางวิทยุคือการเปิดเพลงดีๆ แล้ววันนี้ ก็มีคนเอางานชั้นเยี่ยมนี้เข้ามาที่สตูดิโอของเราแล้วก็เปิดมัน ผมคิดเลยว่า มันไม่มีอะไรยอดเยี่ยมไปกว่านี้อีกแล้ว....”
(เปิดเพลง POTS OF GOLD ซิงเกิลแรกของ MAMAS GUN)
"คุณเชื่อมั้ยล่ะว่าเพลงแบบนี้ถูกส่งมาให้เรา? เพลงนี้ยอดเยี่ยมแค่ไหนล่ะ.... มันสุดยอดจริงๆ! มันร่วมสมัยสุดๆ แถมยังอัดแน่นไปด้วยคุณภาพอีกต่างหาก!"
Mamas Gun นั้นเกิดขึ้นจากนักร้อง-นักแต่งเพลงพรสวรรค์ล้นเหลือ ที่เล่นเครื่องดนตรีได้หลากหลายประเภท แถมยังเป็นทั้งโปรดิวเซอร์และนักออแบบ นาม แอนดี แพลตต์ส...
อัลบัมแรกของ Mamas Gun มีชื่อว่า ‘Routes to Riches’ ฝีมือการแต่งเพลงของแอนดีนั้นเป็นที่ยอมรับทั้งสองฟากฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกและทำให้เขาได้รับการเซ็นสัญญาพับลิชชิ่งทั่วโลกกับ Zomba Music ชื่อวงนั้นได้จากชื่ออัลบัมของเอริกา บาดู และพวกเขาก็สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองได้เป็นอย่างดีด้วยการแสดงสดชั้นเยี่ยมกับบทเพลงติดหู แอนดีนั้นได้ร่วมแต่งเพลงกับนักแต่งเพลงและศิลปินชื่อดังในวงการมากมาย และเมื่ออัลบัมแรกของพวกเขาออกวางตลาด แอนดีก็ได้เป็นที่รู้จักในวงกว้างเสียที
แม่ของแอนดีเป็นคนฟิลิปปินส์ ส่วนพ่อเป็นคนอังกฤษ พ่อของเขาสะพายเป้ท่องเที่ยวไปยังฮ่องกง และร่วมมือกับกรมตำรวจในการทลายพวกแก๊งต่างๆ ครอบครัวของแอนดีต้องโยกย้ายไปมากว่า 20 ครั้งก่อนที่เขาจะอายุครบ 18 ปี ดังนั้น สิ่งที่เป็นเสมือนเพื่อนสนิทของเขาคือดนตรี ความทรงจำแรกของเขาคือการเล่นเปียโน และเขาก็แต่งเพลงครั้งแรกตอนอายุเจ็ดขวบเท่านั้น
แอนดีค้นพบตัวตนและเสียงของเขาด้วยการปล่อยตัวเองไปกับดนตรีหลังจากที่เขาได้ค้นพบ Queen, ELO, The Beatles, Stevie Wonder และ Sly and the Family Stone ต่อมา ครอบครัวของแอนดีย้ายกลับมายังอังกฤษ แน่นอนว่าแอนดีนั้นต่างไปจากเด็กคนอื่นๆ ซึ่งทำให้เขาโดนรังแกและเหยียดผิว อย่างไรก็ตาม การเล่นกีตาร์และเปียโนเป็นเสมือนทางออกของเขาและในที่สุดก็ช่วยให้เขาก้าวข้ามอุปสรรคเหล่านั้นมาได้
แอนดีคว้าทุนการศึกษาที่สถาบัน LIPA McCartney อันทรงเกียรติในลิเวอร์พูลมาได้หลังจากที่เขาทดลองแต่งเพลงสำหรับวง 10 ชิ้น ความสามารถของแอนดีนั้นสะดุดตาเจ้าหน้าที่ฝ่าย A&R ระหว่างที่เขาเล่นอยู่ในวงกับสเตฟฟาน ฮัลเพอริน (ตอนนี้เป็นมือกลองของ Klaxons) และร่วมเล่นในอัลบัมชุดแรกที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงของ Corinne Bailey Rae สัญญาพับบลิชชิ่งกับ Zomba Music ตามมาอย่างรวดเร็ว แล้วแอนดีก็โดนดึงตัวจากการตระเวนแสดงไปทั่วอังกฤษให้มาแสดงฝีมือในการแต่งเพลงร่วมกับนักแต่งเพลงและศิลปินชั้นแนวหน้า อาทิ ร็อด เท็มเพอร์ตัน (ที่แต่งเพลงในอัลบัม Off The Wall และ Thriller ของไมเคิล แจ๊กสัน), จอห์น โอ๊ตส์ (หนึ่งในคู่ดูโอระดับตำนาน Hall & Oates), ดีเจและนักแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์ระดับโลก King Britt และโทบี สมิธ แห่งวง Jamiroquai เขายังมีโอกาสได้พบกับเจฟฟ์ แบร์รี ผู้แต่งเพลง ‘River Deep Mountain High’ และไบรอัน แจ๊กสัน ที่เป็นผู้ร่วมงานของ จิล สก็อตต์-เฮอรอน รายชื่อของตำนานที่เห็นคามพิเศษในตัวของแอนดีนั้นดูจะเพิ่มขึ้นทุกขณะ แม้แต่ The Average White Band ยังขอให้เขาบันทึกเสียงเวอร์ชันคัฟเวอร์เพลงหนึ่งของพวกเขาเลยด้วย
ช่วงที่ไปยังอเมริกา แอนดีไปที่ The Sunset Marquee ในแอลเอ ที่บรรดาร็อคสตาร์มักจะไปชุมนุมกัน ซึ่งทำให้เขาได้กระทบไหล่กับ Aerosmith, Madonna และ Led Zeppelin เขายังได้รับเลือกจาก Adidas, Budweiser และ Jack Daniel’s ให้ออกทัวร์รอบโลก ยี่ห้อที่มีชื่อเสียงระดับโลกเหล่านี้ล้วนแต่ต้องการจะมีส่วนสนับสนุนหนึ่งในวงหน้าใหม่ที่น่าตื่นเต้นที่สุดของอังกฤษ ‘Routes to Riches’ ร่วมโปรดิวซ์โดยจูเลียน ซิมมอนส์ (The Guillemotts) นอกเหนือจากการแต่งเพลงและร่วมโปรดิวซ์อัลบัมแล้ว แอนดียังเป็นศิลปินที่ควบคุมทุกๆ รายละเอียดของงานด้วยตนเองอีกด้วย
‘Routes to Riches’ นั้นพูดถึงธีมสากลที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ทั้งเรื่องของความรัก, การไล่ตามความฝัน และการหาสถานที่ของตนเองบนโลกใบนี้ มันผูกร้อยเข้ากับดนตรีที่แสดความคารวะต่อฟังกีสุดเร่าร้อนและโซลยุค 1970’s ที่เพิ่มความสดและความฉูดฉาดแปลกใหม่เข้ามา จนทำให้อัลบัมนี้ชวนติดตามตั้งแต่ต้นจนจบ แอนดีกล่าวไว้ว่า “ผมเขื่อว่าคนเราไม่สามารถสร้างอนาคตได้โดยไม่ย้อนไปมองอดีต แต่นั่นไม่ได้แปลว่ามันเป็นการ ‘เอาของเก่ามาทำใหม่’ ผมถือว่าเพลงที่ผมแต่งขึ้นมานั้นเป็นเพลงป๊อปดีๆ เท่านั้นเอง แม้ว่าหลายๆ คนจะกลัวคำว่า ‘ป๊อป’ แต่ผมไม่กลัว และผมก็มุ่งมั่นที่จะทิ้งรอยเท้าทางดนตรีของผมไว้บนโลกนี้ด้วย” ติดตามข่าวสารและฟังเพลงได้ที่นี่ http://www.you2play.com/mamasgun