กรุงเทพฯ--24 เม.ย.--ปตท.
สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (สร.ปตท.) และพนักงาน ปตท.ได้รวมตัวกันเพื่อเดินหน้าทำความเข้าใจกับทุกภาคส่วน ยืนยันความถูกต้องในขั้นตอนการแปรรูป และ ปตท.ยังคงบทบาทหน้าที่ดูแลความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ เนื่องจาก สร.ปตท. มีส่วนร่วมมาตั้งแต่การเตรียมการจัดตั้ง พร้อมเปิดปราศรัยเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องจากกรณีที่มีการนำข้อมูลที่บิดเบือนมาโจมตี ปตท. โดยมีเพื่อนพนักงานเข้าร่วมกิจกรรมกันอย่างคับคั่ง พร้อมยืนยันพนักงานจะร่วมดูแลให้ ปตท. เป็นองค์กรที่สร้างผลประโยชน์ให้ประเทศและประชาชนตลอดไป
นายณฐกร แก้วดี ประธาน สร.ปตท. กล่าวในการปราศรัยในวันที่ 21 เมษายน 2549 ณ บริเวณลานหน้าอาคารสำนักงานใหญ่ ปตท. ว่า การรวมตัวและชี้แจงข้อมูลในวันนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงจุดยืนและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของพนักงานและผู้บริหาร ปตท. ในการเดินหน้ารักษาความถูกต้อง และปกป้องประโยชน์สูงสุดให้ดำรงอยู่กับคนไทยทั่วประเทศอย่างแท้จริง อีกทั้งต้องการแสดงให้เห็นว่า พนักงาน ปตท. ไม่ได้ร่วมกันขายชาติ หรือโกงประชาชน หากแต่เป็นการต่อสู้เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนด้านพลังงานต่อไป
นายณฐกร เปิดเผยว่า สร.ปตท. ในฐานะที่เป็นกรรมการเตรียมการจัดตั้งคนหนึ่ง ได้ทำหน้าที่ตรวจสอบโดยเข้าไปเกี่ยวข้องและรับรู้ทุกขั้นตอนของกระบวนการแปรรูปของ ปตท. พร้อมร่วมให้ข้อเสนอแนะ เพื่อรักษาสิทธิและประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนคนไทย ดังนั้น จึงยืนยันได้ว่า การแปรรูป ปตท. ได้ดำเนินการไปด้วยความโปร่งใส และถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมายโดยยึดมั่นในประโยชน์ของชาติเป็นหลัก ไม่ใช่ดำเนินการเพื่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งอย่างที่ได้มีการกล่าวอ้างโดยบุคคลภายนอก ซึ่งอาจยังไม่เข้าใจ หรืออาจแกล้งไม่เข้าใจ สำหรับบางคนที่ได้ประโยชน์จากการโจมตี ปตท. และนำไปเผยแพร่ต่อสาธารณชนจนส่งผลให้ ปตท. และประเทศชาติเกิดความเสียหาย
ประธาน สร.ปตท. กล่าวว่า มีการพยายามบิดเบือนข้อมูลในหลายประเด็น โดยเฉพาะประเด็นสำคัญ เช่น การกล่าวอ้างว่า ปตท. ขูดรีดค่าไฟฟ้าจากผู้บริโภคด้วยการขายก๊าซฯ ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าในราคาแพง การมุ่งหากำไรบนความทุกข์ยากของประชาชนโดยใช้สิทธิของรัฐ เช่น สิทธิในการผูกขาดกิจการท่อก๊าซฯ สิทธิในการเวนคืน และสิทธิในการยกเว้นภาษีต่างๆ ซึ่งในข้อเท็จจริงนั้น ปตท. ไม่มีสิทธิใดๆ ในการผูกขาดกิจการท่อก๊าซฯ เลย ซึ่งรัฐไม่มีข้อห้ามให้เอกชนรายอื่นเข้ามาลงทุน
อย่างไรก็ดี ได้มีการเลี่ยงประเด็นโดยพยายามโต้แย้งไปว่า การที่ไม่มีผู้ใดยอมเข้ามาลงทุน เนื่องจากไม่ต้องการรับความเสี่ยงจากธุรกิจท่อก๊าซฯ นั้น ส่งผลให้ ปตท. ผูกขาดโดยธรรมชาติ ซึ่งเป็นคำกล่าวอ้างที่ไม่อยู่บนหลักการและเหตุผลที่เพียงพอ เนื่องจากตามข้อเท็จจริงแล้ว ปตท. ต้องการปกป้องผลประโยชน์ของชาติ จึงตัดสินใจที่จะเข้ามารับความเสี่ยงโดยการลงทุนธุรกิจท่อก๊าซฯ เมื่อกว่า 20 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงที่ทุกบริษัทปฏิเสธที่จะเข้ามาลงทุน นอกจากนั้น การที่ ปตท. คงอัตราค่าผ่านท่อฯ เท่าเดิมมาตั้งแต่ก่อนแปรรูปจนกระทั่งแปรรูปแล้วในปัจจุบัน ก็ได้พิสูจน์โดยข้อเท็จจริงแล้วว่า ปตท. มิได้หาประโยชน์บนความลำบากของคนไทยหรือผูกขาดธุรกิจ แต่ในทางกลับกัน การแปรรูป ปตท. เป็นการเพิ่มศักยภาพให้ ปตท. ดำเนินธุรกิจได้คล่องตัว โดยสามารถเจรจาต่อรองลดราคาก๊าซฯ จากกลุ่มผู้ผลิต และนำส่วนลดทั้งหมดมาเป็นส่วนลดค่าไฟฟ้าให้ประชาชน ซึ่งในปี 2548 ปตท. สามารถนำส่วนลดมาช่วยพยุงค่าไฟฟ้าแทนผู้บริโภคไปแล้ว 5,400 ล้านบาท
นายณฐกร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับข้อกล่าวว่า ปตท. ใช้สิทธิเวนคืนที่ดินของรัฐมาแสวงกำไรในคราบเอกชนนั้นก็ไม่เป็นความจริง เพราะ ปตท. ไม่มีสิทธิในการเวนคืนที่ดิน โดย ปตท. ได้จ่ายค่าใช้สิทธิเขตระบบท่อทั้งที่ดินของรัฐและเอกชน ตามที่กำหนดในบันทึกความเข้าใจระหว่างกรมธนารักษ์ กับ ปตท. อีกทั้ง กรณีที่กล่าวหาว่า ปตท. ได้สิทธิในการยกเว้นภาษีก็ไม่เป็นความจริงอีกเช่นกัน เนื่องจาก ปตท. ยังคงจ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่รัฐเช่นเดียวกับบริษัทอื่นๆ และที่สำคัญ ภายหลังแปรรูป ปตท. มีเงินนำส่งรัฐทั้งในรูปภาษีและเงินปันผลมากขึ้นหลายเท่าตัว โดยในปี 2544 (ก่อนแปรรูป) ปตท. และบริษัทในกลุ่ม มีเงินนำส่งรัฐและภาษีเงินได้นิติบุคคลจำนวน 11,210 ล้านบาท ในขณะที่ในปัจจุบันหรือปี 2549 นำส่งเงินเข้ารัฐในรูปภาษีเงินได้นิติบุคคลและเงินปันผลจำนวน 51,400 ล้านบาท รวม 5 ปี หลังการแปรรูป ปตท. และบริษัทในกลุ่ม ส่งเงินเข้ารัฐ รวม 140,000 ล้านบาท
นายณฐกร กล่าวสรุปว่า พนักงาน ปตท. ทุกคนต้องการแสดงจุดยืนเพื่อให้เห็นว่าการแปรรูป ปตท. นั้นโปร่งใส ถูกต้องตามกฎหมาย และ พร้อมทุ่มเททำงานหนัก เพื่อให้/เกิดประสิทธิภาพและรักษาผลประโยชน์บริสุทธิ์อย่างแท้จริงของรัฐวิสาหกิจ ซึ่งเป็นผลประโยชน์ของชาติ และประชาชนคนไทยทุกคน
น.ส. อัปสร กฤษณะสมิต
รองประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ด้านประชาสัมพันธ์และสวัสดิการ
โทร. 0-2537-2116 โทรสาร 0-2537-2117