กรุงเทพฯ--10 ก.พ.--เอ็ม เทอร์ตี้ ไนน์
ห่างเหินจากวงการภาพยนตร์ไทยไปหลายปี ต้อย-เศรษฐา ศิระฉายา นักร้องเสียงดีและนักแสดงฝีมือเยี่ยม ประกาศขอหวนคืนจอเงินอย่างเต็มตัวอีกครั้งกับภาพยนตร์แนว “บีท บัดดี้ ” เรื่อง “บิ๊กบอย” (B-IG BOYS) ภาพยนตร์ลำดับที่ 2 จากค่าย M๓๙ (เอ็ม เทอร์ตี้ ไนน์ ) ผลงานของผู้กำกับฝีมือดี อ๊อฟ-มณฑล อารยางกูร
ต้อย-เศรษฐา กล่าวถึงการมารับบท “ปู่ปุณ” คุณปู่สุดจี๊ด เท่ห์ ซ่า ขาแด๊นซ์ ในหนังเรื่องบิ๊กบอยว่า “ทางค่าย M ๓๙ เขาติดต่อมา ก็ใช้เวลาคุยกันนานพอสมควรเหมือนกันเพราะหนึ่งคืองานค่อนข้างเยอะ แล้วก็ไม่อยากจะไปถ่วงเวลาใครแต่พอได้คุยกับอ๊อฟและทีมงานทั้งหมด เราเห็นความตั้งใจของเขาว่าเขาอยากให้เราไปร่วมงานจริงๆ ผู้กำกับเห็นว่าเรามีศักยภาพพอสำหรับบทนี้ ต้องเป็นตัวหลักของเรื่องบิ๊กบอยด้วย คือปกตินี่ ไม่ค่อยคิดอยากจะเล่นหนังเท่าไหร่ เพราะด้วยเวลาที่มันมีอยู่ เรารู้ว่าหนังเขาจะถ่ายกันอย่างพิถีพิถันมากก็ค่อนข้างใช้เวลา จริงๆ คิดอยู่เสมอว่าตัวเองเป็นคนที่อยู่กับหนังมาก่อน ไม่อยากจะหายไปเลยทีเดียว ที่ผ่านมาก็มีไปแสดงหนังบ้างนิดๆ หน่อยๆ ต่างกับเรื่องนี้ที่เราต้องเล่นเต็มตัวเป็นตัวเดินเรื่องคู่กับหลานเลย พอได้มาทำแล้ว ด้วยความสนุกของการทำงาน และ ทีมงานก็เลยกลายเป็นครึกครื้นไป ไม่รู้สึกว่าเหนื่อยเลย
สำหรับบทของ “ปู่ปุณ” เป็นปู่เพลย์บอย ซึ่งใกล้กับบุคลิกของตัวเองเหมือนกันนะ (หัวเราะ) เป็นคนที่มีความรักให้กับทุกคนที่อยู่รอบ ๆ ตัว โดยเฉพาะหลาน “โป้” (โทนี่ รากแก่น) ซึ่งจริงๆ ก็รักหลานมากนะ อยากให้หลานเป็นคนที่จะต่อสู้กับชีวิตได้ ไม่ว่าจะเจออุปสรรคอะไรจะต้องไม่ย่อท้อ วิธีการของปู่ก็คือพยายามที่จะทำให้เขาโกรธ.. แหย่ให้เขาโมโห เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้เขาสามารถทำสิ่งที่เขาอยากทำ ทำให้เขาฮึด... แต่วิธีการแบบนี้มันเลยเหมือนเป็นคู่กัดกันมาตั้งแต่หลานยังเป็นเด็กๆ คือไม่ยอมกันต้องการเอาชนะกัน..
ที่สำคัญในเรื่องในเรื่อง “บิ๊กบอย” มันจะต้องมีการเต้นด้วยนะ ต้องเต้นแทป กับ พาโซดูเปร อย่างแทปเราต้องอาศัยข้อเท้าสะบัดเร็วมาก แต่ก็ไม่เคยมีอุบัติเหตุนะ แต่ที่ยากสุดก็น่าจะเป็นเต้นพาโซดูเปร ของสเปน นี่แหละยากที่สุด ต้องฝึกซ้อมหัดเต้นกันอยู่หลายเดือน ซึ่งเมื่อก่อนนี้เราเคยแต่ร้องเพลงไม่เคยต้องเต้น แต่คราวนี้ ต้องเต้นแบบมืออาชีพเลย นอกจากนั้น ก็มีแอบแจมบีบอยกับเขาด้วย คือต้อง Battle กับเขาด้วยท่ามาตรฐานง่ายๆ แต่ถ้าเต้นหนักๆ ก็คงไม่ไหวเหมือนกัน” ต้อย-เศรษฐา กล่าวอย่างอารมณ์ดีในตอนท้าย