กรุงเทพฯ--11 ก.พ.--กทม.
จัดกิจกรรมรณรงค์ป้องกันการติดเชื้อเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์รับวาเลนไทน์ ชวนคนรุ่นใหม่มีรักอย่างปลอดภัย ใช้ถุงยางอนามัย มีเพศสัมพันธ์ในวัยอันควร สาเหตุการติดเชื้อจากเพศสัมพันธ์ยังครองอันดับ 1 สูงเกือบ 80%
พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดงานรณรงค์รวมใจต้านภัยเอดส์ เนื่องในวันแห่งความรัก ประจำปี 2553 ณ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว ซึ่งจัดโดยกองควบคุมโรคเอดส์ วัณโรคและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร ภายใต้ Theme งาน Love Safety Day, Get Away of AIDS คนรุ่นใหม่มีรักอย่างปลอดภัย ห่างไกลเอดส์ บรรยากาศของวันแห่งความรัก ที่ทุกคนมอบความรัก ความห่วงใย ความปลอดภัยแก่บุคคลต่างๆ พร้อมสอดแทรกสาระและกิจกรรมเพื่อความเข้าใจ ตระหนักและนำไปสู่พฤติกรรมการป้องกันตัวจากโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยมีบู๊ทกิจกรรม 3 บู๊ท ประกอบด้วย Love Safety Card เป็นมุม DTY เปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานสร้างสรรค์การ์ดวันวาเลนไทน์ในรูปแบบของตนเอง โดยประดิษฐ์จากถุงยางอนามัยสื่อถึงความรักที่ปลอดภัย Love Safety Game จัดเกมส์ กิจกรรมต่างๆ สร้างความบันเทิง สอดแทรกสาระ ความรู้ ความเข้าใจเรื่องโรคเอดส์ AIDS Exhibition จัดนิทรรศการ แจกเอกสาร แผ่นพับให้ข้อมูล ความรู้แก่เยาวชน และประชาชนทั่วไป นอกจากนี้ชมการโต้วาทีในญัตติ “มีเพศสัมพันธ์ได้แต่ต้องป้องกัน หรือ ไม่มีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร” โดยตัวแทนนักเรียนจากโรงเรียนหอวังและโรงเรียนบางกะปิ Talk Show หัวข้อ “มีรักอย่างปลอดภัยห่างไกลเอดส์” พร้อมร่วมสนุกกับ Mini Concert จากศิลปินนักร้องที่มีชื่อเสียง ที่มาสร้างความสุข พร้อมเผยแพร่ความรู้ ข้อมูล ข่าวสาร สถานการณ์โรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ส่งเสริมให้เกิดทัศนคติเชิงบวกต่อการชะลอการมีเพศสัมพันธ์ การใช้ถุงยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์เพื่อป้องกันการติดเชื้อโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แก่เยาวชนและประชาชนทั่วไป มุ่งลดจำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากโรคเอดส์และโรคติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์
ทั้งนี้ สำนักอนามัย ได้สรุปยอดผู้ป่วยเอดส์ในกรุงเทพมหานครประจำปี 2552 จากการรายงานด้วยบัตรรายงานของสถานพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ พบผู้ป่วยเอดส์เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 1,531 คน เสียชีวิต 170 คน ซึ่งปัจจัยเสี่ยงของการติดเชื้อเอดส์ที่พบมากที่สุดยังคงเป็นการติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ ร้อยละ 79.32 รองลงมาจากยาเสพติดชนิดฉีดเข้าเส้นร้อยละ 10.31 สำหรับยอดผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์ที่มีชีวิตอยู่ถึงสิ้นปี 2552 ทั่วประเทศ คาดว่ามีประมาณ 516,632 คน