ไทยออพติคอล กรุ๊ป แจงการเมืองไม่กระทบธุรกิจ

ข่าวทั่วไป Thursday March 23, 2006 11:43 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--23 มี.ค.--สยาม พีอาร์ คอนซัลแทนท์
ชี้นักลงทุนควรมองระยะยาว มั่นใจพื้นฐานแกร่งผลิตเลนส์คุณภาพสูงส่งออกตลาดทั่วโลก
บริษัท ไทยออพติคอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) 1 ใน 4 ผู้ผลิตเลนส์สายตาอิสระระดับโลกชี้แจงสาเหตุการเมืองที่กำลังเป็นปัญหาและยังไม่มีข้อสรุปที่แน่นอน ได้ส่งผลกระทบถึงภาคเศรษฐกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภคในประเทศขณะนี้ แต่จะไม่กระทบถึงภาคธุรกิจของไทยออพติคอล กรุ๊ป เนื่องจากตลาดหลักคือส่งออกยังต่างประเทศ และแนวโน้มธุรกิจผลิตเลนส์คุณภาพกำลังเติบโตตามความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นทั่วโลก มั่นใจหลังการเมืองสงบเศรษฐกิจมีเสถียรภาพเหมือนเดิม สำหรับการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะเลื่อนไปหลังเลือกตั้ง หรือประมาณต้นไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ จากเดิมที่กำหนดไว้เข้าเทรดในมีนาคม เพราะเข้าใจนักลงทุนอยู่ในช่วงจับตาสถานการณ์ทางการเมือง อาจทำให้มีการชะลอการลงทุนในระยะสั้น
ดร.สว่าง ประจักษ์ธรรม ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยออพติคอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TOG เปิดเผยว่าตามที่มีเหตุการณ์ทางการเมืองอยู่ในขณะนี้ ได้ส่งผลกระทบถึงภาคเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ โดยกำลังซื้อต่างๆ ของผู้บริโภคเริ่มชะลอตัว รวมถึงผลกระทบต่อนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ เพราะถ้าทางออกของปัญหายังไม่ชัดเจน เชื่อว่าส่วนใหญ่จะเลือกถือเงินสดไว้มากว่าจับจ่ายใช้สอย หรือเพื่อการลงทุนใดๆ แต่อย่างไรก็ตามสถานการณ์บ้านเมืองที่มีปัญหาในขณะนี้จะเป็นแค่ช่วงสั้นๆ และกำลังเข้าสู่ระยะสุดท้ายในการคลี่คลายปัญหาทั้งหมด
ดร.สว่าง กล่าวต่อไปว่า “สำหรับธุรกิจของ บริษัท ไทยออพติคอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากเหตุการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ เพราะสินค้าเป็นการส่งออกยังตลาดต่างประเทศโดยคิดเป็นร้อยละ 93 ของผลผลิตทั้งหมด ลักษณะของการส่งสินค้าออกต่างประเทศของบริษัทฯ แบ่งเป็น 2 รูปแบบคือ 1. จำหน่ายภายใต้แบรนด์ของลูกค้า OEM (Original Equipment Manufacturer) และ 2. จำหน่ายภายใต้เครื่องหมายการค้า “Excelite” ซึ่งเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทฯ ส่วนการจำหน่ายในประเทศไทยคิดเป็นร้อยละ 7 ซึ่งคิดเป็นปริมาณร้อยละ 30 ของยอดขายรวมของตลาดในประเทศไทย
ส่วนความต้องการของการใช้เลนส์สายตาในแต่ละปีจะมีจำนวน 850 ล้านชิ้นทั่วโลก โดยมีผู้ผลิตเลนส์สายตาสำหรับตลาดเลนส์ของโลกมีผู้ผลิตรายใหญ่สุด 4 ราย คือ Essilor, Hoya, Sola, และ Rodenstock ซึ่งมีส่วนแบ่งในตลาดโลกรวมประมาณร้อยละ 80 ของปริมาณความต้องการเลนส์สายตาทั้งหมด แต่ผู้ผลิตรายใหญ่เหล่านี้ผลิตและจำหน่ายสินค้าภายใต้เครื่องหมายการค้าของตนเอง ส่วนปริมาณความต้องการอีกร้อยละ 20 ของตลาดโลกเป็นของผู้จำหน่ายกลุ่มที่ไม่มีโรงงานผลิต ผู้จำหน่ายเหล่านี้ต้องการผู้ผลิตอิสระที่สามารถผลิตสินค้าทำตลาดสินค้าภายใต้เครื่องหมายการค้าของผู้จำหน่ายแต่ละราย ซึ่งบริษัท ไทยออพติคอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) จัดเป็น 1 ใน 4 ของผู้ผลิตอิสระรายใหญ่ของโลก ที่มีการผลิตและขายสินค้าภายใต้เครื่องหมายการค้าของผู้ซื้อ OEM ที่มีช่องทางในการทำตลาดสูง
ดร.สว่างกล่าวเพิ่มเติมว่า “สำหรับการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นั้น จากเดิมที่จะเข้าภายในเดือนมีนาคมนี้ จะมีการเลื่อนออกไปก่อน เนื่องจากสถานการณ์ปัญหาการเมืองต่างๆ และนักลงทุนมีการชะลอการตัดสินใจในช่วงนี้ ส่วนตนมั่นใจว่าถ้าเป็นนักลงทุนมืออาชีพไม่น่าจะมองสถานการณ์ในระยะสั้น แต่ควรมองถึงเสถียรภาพที่จะมีขึ้นหลังจากเหตุการณ์นี้ผ่านพ้นไป ซึ่งการตัดสินใจลงทุนในตลาดหุ้นจะมีปัจจัยต่างๆ อีกมาก โดยเฉพาะพื้นฐานของบริษัทที่แข็งแกร่งและเน้นการส่งออกยังตลาดต่างประเทศ ย่อมจะเป็นโอกาสในนักลงทุนได้สนใจจับตามองเพิ่มมากขึ้น เพราะจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ”
การอนุมัติให้ขายหุ้นของ บริษัท ไทยออพติคอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้รับการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ กลต. โดยบริษัทเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 68 ล้านหุ้น หรือร้อยละ 17 ของทุนจดทะเบียนต่อบุคคลทั่วไป เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และคาดว่าจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ภายในต้นไตรมาสที่ 2 ของปี หรือประมาณเดือนเมษายนนี้ โดยขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปในเรื่องราคาเสนอขายครั้งแรก โดยจะแจ้งข้อมูลวันเข้าตลาดหลักทรัพย์ที่แน่นอนพร้อมทั้งราคาเสนอขายให้ทราบในวันแต่งตั้งผู้จัดการการจัดจำหน่าย ในโอกาสต่อไป
เกี่ยวกับไทยออพติคอล กรุ๊ป
บริษัท ไทยออพติคอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2534 โดยกลุ่มตระกูลประจักษ์ธรรม มีวัตถุประสงค์เพื่อขยายสายงานการผลิตเลนส์สายตาพลาสติก โดยปัจจุบันได้แบ่งสินค้าเป็น 4 กลุ่มหลัก คือ 1. เลนส์สายตาพลาสติก (CR39า, Photochromic Lens, Hi-Index Lens, High Impact Resistance Lens) 2. เลนส์สายตากระจก (Mineral Lens) 3. เลนส์สั่งฝนพิเศษ (Prescription Lens หรือ Rx Lens) และ 4. สินค้าบริการอื่นๆ เช่น แม่แบบแก้ว (Glass Mould) เป็นต้น โดยบริษัทฯ มีนโยบายที่จะพัฒนาสินค้าใหม่ๆ เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดโลก และเพื่อสร้างผลกำไรให้กับบริษัทฯ ยิ่งขึ้น
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ
เกศสิรินทร์ กุหลาบสวัสดิ์
บริษัท สยาม พีอาร์ คอนซัลแทนท์ จำกัด
โทร. 0-2693-7835-8 ต่อ 40

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ