กรุงเทพฯ--11 ก.พ.--ซีพีเอฟ
นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ขณะนี้ใกล้เวลาที่จะสรุปผลประกอบการปี 2552 ของซีพีเอฟแล้ว เชื่อว่าน่าจะเป็นไปตามเป้าหมาย และคาดว่าในปี 2553 บริษัทจะมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากอุตสาหกรรมอาหารยังคงเติบโตได้ดี
นายอดิเรก ยังกล่าวอีกว่า สถานการณ์การเมืองของประเทศไทยที่หลายฝ่ายต่างก็เป็นห่วงความไม่สงบเรียบร้อยของบ้านเมือง มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายและเกิดความไม่เข้าใจกันในสังคม ทำให้รัฐบาลทำการบริหารบ้านเมืองได้ค่อนข้างยาก ส่งผลให้นักลงทุนกังวลใจ อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าประเทศไทยเคยผ่านประสบการณ์ทางการเมืองหลายเหตุการณ์ แต่ก็สามารถผ่านพ้นวิกฤตต่างๆมาได้ทุกครั้ง
สำหรับซีพีเอฟซึ่งดำเนินธุรกิจด้านอาหาร ที่นับเป็นปัจจัยพื้นฐานประจำวันในการดำรงชีวิตของมนุษย์ ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ใดก็ตาม อาหารยังคงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้บริโภคทั่วโลก จนอาจกล่าวได้ว่า ธุรกิจอาหารเป็นธุรกิจที่ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะวิกฤต ดังเช่น เหตุการณ์วิกฤตต้มยำกุ้ง ในปี 2540 หรือวิกฤตซัพไพร์ม ในปี 2551 ต่อเนื่องปี 2552 ผลประกอบการของซีพีเอฟก็ยังคงดำเนินไปได้ด้วยดี หรือในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ทางการเมืองเมื่อปีที่ผ่านมา ซีพีเอฟก็สามารถทำกำไรในไตรมาส 3 ได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์
ผลการดำเนินงานดังกล่าว เกิดจากการมุ่งเน้นในด้านพัฒนาประสิทธิภาพทั้งการผลิต การขาย กระบวนการทำงาน รวมถึง การบริหารการเงิน ตลอดจนการสร้างแบรนด์ และขยายช่องทางจัดจำหน่าย เช่น ซีพีเฟรชมาร์ท ซึ่งในปี 2553 นี้ ซีพีเอฟจะยังคงใช้กลยุทธ์การดำเนินงานดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนการเติบโตของบริษัทให้เป็นไปตามเป้าหมายต่อไป
ทั้งนี้ ในวันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2553 บริษัทจะมีการประชุมคณะกรรมการบริษัทเพื่อสรุปผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 4 ปี 2552 และผลการดำเนินงานทั้งปี 2552 พร้อมกับพิจารณาการจ่ายเงินปันผลช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นผลดีต่อผู้ถือหุ้น...นายอดิเรกกล่าว
สำนักสื่อสารและประชาสัมพันธ์
โทร. 02-625-7344-5, 02-631-0641, 02-638-2713
e-mail : pr@cpf.co.th