กรุงเทพฯ--9 พ.ค.--สหมงคลฟิล์ม
ปี 2001 My Boss, My Hero “สั่งเจ้าพ่อไปเรียนหนังสือ” ถล่มตารางบ็อกซ์ออฟฟิศแดนโสมด้วยมุขฮาลีลาโดนกับเรื่องราวของมาเฟียมาดกวนที่ถูกส่งไปเรียนหนังสือให้จบ มาปี 2006 นี้ My Boss, My Teacher “สั่งเจ้าพ่อไปสอนหนังสือ” ภาคต่อของ My Hero จะจี้เส้นกว่าเดิมด้วยสถานการณ์กระตุกต่อมขำเมื่อมาเฟียคนเดิมเรียนจบหลักสูตร และต้องไปเป็นครูฝึกสอนวิชาจริยธรรม!!
ใน My Boss, My Hero แกดูซิก (จุงจุนโฮ) หัวหน้ามาเฟียรุ่นจูเนียร์และลูกน้อง ได้รับคำสั่งจากเบื้องบนให้กลับไปเรียนมัธยมปลายให้จบและนำประกาศนียบัตรกลับมาชื่นชมให้ได้ ทั้งนี้เนื่องจากหัวหน้าใหญ่เล็งเห็นว่าการจะเป็นเจ้าพ่อผู้ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริงจะต้องมีการศึกษา ไม่ใช่เก่งแต่ตีรันฟันแทงไปวันๆ เมื่ออันธพาลมาดหลุดยกพวกไปเรียนหนังสือ เหตุป่วนชวนหัวจึงอุบัติขึ้นในโรงเรียนอย่างช่วยไม่ได้ ครึ่งแรกของหนังเรียกเสียงหัวเราะจนคนดูเกือบตกเก้าอี้ด้วยการแสดงสุดฮาของนักแสดงนำ ก่อนจะเสียดสีและวิพากษ์วิจารณ์ระบบการศึกษาของเกาหลีด้วยลีลาสนุกสนานในครึ่งหลัง
ยุนเจกึน คือผู้กำกับผู้อยู่เบื้องหลังมุขโดนๆของ My Boss, My Hero เขาเองก็คงคาดไม่ถึงว่าหนังเรื่องนี้จะปล่อยมุขฮากระจายกวาดรายได้ในเกาหลีไปถึง 550 ล้านบาท (โดยประมาณ) แถมยังติดอันดับท็อปเท็นหนังทำเงินสูงสุดประจำปี 2001 ทั้งๆที่ปีนั้นมีหนังตลกมาเฟียออกฉายค่อนข้างคึกคัก ไม่ว่าจะเป็น Hi, Dharma ที่ว่าด้วยเรื่องของมาเฟียกับพระ หรือ My Wife is a Gangster ที่พูดถึงหนุ่มตาดำๆผู้ค้นพบว่าเมียตัวเองเป็นมาเฟีย แต่จะว่าไปความสำเร็จครั้งนั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะ My Boss, My Hero ได้ปฏิวัติวงการหนังแก๊งสเตอร์ด้วยการฉีกภาพมาเฟียที่เราคุ้นเคย จาก “โหด ดิบ เถื่อน” ให้กลายเป็น “กวน หลุด ฮา” แถมยังยกประเด็นปัญหาสถาบันการศึกษามาพูดด้วยลีลาผ่อนคลายเปี่ยมอารมณ์ขัน ที่สำคัญ การแสดงของนักแสดงนำแซ่จุงทั้งสาม (จุงจุนโฮ, จุงวุนเต็ก, จุงวุงอิน) ยังถือว่าฮาก๊ากระดับเซียนเลยทีเดียว
4 ปีผ่านไป ภาคต่อของ My Boss, My Hero “สั่งเจ้าพ่อไปเรียนหนังสือ” ก็ถึงกำหนดลงโรงในแดนโสมเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2005 ท่ามกลางกระแสฮือฮาของแฟนๆ โดยภาคต่อนี้ใช้ชื่อตอนว่า My Boss, My Teacher “สั่งเจ้าพ่อไปสอนหนังสือ” หนังเป็นที่จับตาของนักวิจารณ์และชาวเกาหลีในทันที เพราะมันคือหนังภาคต่อเรื่องแรกของเกาหลีที่รวมดาราจากภาคเก่าได้ครบถ้วน แถมยังผสานอารมณ์ขันเข้ากับประเด็นปัญหาสังคมเครียดๆอย่างการคอรัปชั่นและความเสื่อมศีลธรรมของครูบาอาจารย์ได้อย่างน่าชื่นชม
ภาคนี้ จุงจุนโฮ กลับมารับบท แกดูซิก เช่นเดิม ทว่าตัวละครของเขาตอนนี้เรียนจบวิทยาลัยแล้ว และจะต้องเข้าไปฝึกสอนในโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง โดยวิชาที่เขาต้องรับผิดชอบคือ “จริยธรรม” งานนี้แกดูซิกต้องเผชิญความท้าทายใหญ่หลวง เพราะสอนหนังสือวางมาดอาจารย์ก็ยากเย็นอยู่แล้ว อยู่ๆ หัวหน้าใหญ่ยังกลายมาเป็นนักเรียนในปกครอง แถมลูกน้องตัวดีอย่างดัมการ์ล (จุงวุนเต็ก) กับ ซางดู (จุงวุงอิน) ยังไม่เอาอ่าวขยันสร้างเรื่องมาให้ไม่หยุดหย่อน ที่ร้ายกว่านั้น แกดูซิกยังค้นพบการคอรัปชั่นและความสกปรกในโรงเรียนที่เขาทนไม่ได้ต้องขอออกโรงจัดการอีกด้วย บอกให้เลยว่าดีกรีความฮาภาคนี้ไม่แพ้ภาคที่แล้ว บางมุขขำกระจายไม่ยั้งชนิดตลกคาเฟ่บ้านเรายังอาย
มีการเปลี่ยนตัวผู้กำกับก็จริง แต่ คิมดองวอน ผู้กำกับหน้าใหม่ใสกิ๊กของวงการก็สอบผ่านฉลุยกับ My Boss, My Teacher หลังจากตัดสินใจคงเอกลักษณ์ของหนังเอาไว้ “หนังภาคแรกได้รับการยกย่องมากในแง่ที่มันไม่ได้เป็นแค่หนังตลกธรรมดา ตอนเตรียมงาน เราจึงพยายามเน้นไปที่จุดนั้น ผมไม่ได้คิดว่ามันเป็นหนังตลกมาเฟียนะ ผมว่ามันเป็นแฟนตาซีมากกว่า เหมือนเราจินตนาการถึงคนที่จะมาช่วยเวลาโดนรังแกตอนเป็นนักเรียน ผมแทรกเรื่องของการฉ้อโกงกับความเสื่อมศีลธรรมในโรงเรียนเข้าไปด้วย แต่รับรองว่าอารมณ์ขันของภาคนี้ไม่แพ้ภาคเก่าแน่นอน เพราะเราตั้งใจให้มันตลกสุดๆครับ” ความพยายามของเขาและทีมงานเป็นผล เมื่อ My Boss, My Teacher ทะยานขึ้นสู่อันดับ 1 หนังทำเงินในสัปดาห์แรกที่เข้าฉาย โดยจำนวนตั๋วที่จำหน่ายได้ในวันแรกสูงถึง 306,963 ทำลายสถิติที่ Simildo เคยทำไว้ 301,000 ใบ แบบขาดลอย ส่งผลให้ My Teacher กลายเป็นหนังฮิตเรื่องแรกประจำปี 2005 ของเกาหลี
มาเฟียไทยเตรียมสังเกตการณ์ความฮาจากอันธพาลกิมจิได้ใน My Boss, My Teacher “สั่งเจ้าพ่อไปสอนหนังสือ” ป่วนโรงเรียนกระเจิง ปั่นมุขกระจาย วันที่ 8 มิถุนายนนี้ ทุกโรงภาพยนตร์
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net