กรุงเทพฯ--18 ม.ค.--โฟว์ดี คอมมิวนิเคชั่น
พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ วางกลยุทธ์เป็น Lifestyle Real Estate Agent แห่งแรกในประเทศไทยพร้อมจับมือกาแฟ illy เปิดตัว “Plus Brokerage Cafe” ศูนย์รวม Stock อสังหาริมทรัพย์ 10,000 รายการ
-พลิกโฉมวงการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ไทย เสริมความสะดวกสบายในการให้บริการด้วย www.thaipropertyplus.com-
พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ จับมือกาแฟอิลลี่เปิดฉากรุกตลาดซื้อขายและเช่าอสังหาริมทรัพย์ไทยรับปี 2549 ล่าสุดเปิดตัวแหล่งรวมอสังหาริมทรัพย์ไทยระดับคุณภาพผ่านบริการ “Plus Brokerage Caf” ศูนย์รวม Stock อสังหาริมทรัพย์กว่า 10,000 รายการ ในเขตใจกลางเมืองแห่งแรกในเมืองไทย ได้แก่ สุขุมวิท24 ดอนเมือง ที่พร้อมเป็นผู้ช่วยในการเลือกซื้ออสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบสบายๆ อย่างครบวงจร เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้ายุคใหม่ เสริมความสะดวกในการเลือกหาโครงการคุณภาพผ่านเว็บไซต์ www.thaipropertyplus.com ที่ปรับรูปโฉมใหม่โดยมี Stock โครงการคุณภาพในเขตใจกลางกรุงเทพฯ ปริมณฑล และจังหวัดศูนย์กลางธุรกิจหลักของเมืองไทย
นายเมธา จันทร์แจ่มจรัส ประธานอำนวยการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ จำกัด เปิดเผยว่า จากผลการวิจัยภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้านการซื้อขายเปลี่ยนมือบ้านมือสองในปี 2548 โดยฝ่ายวิจัยพลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ พบว่า มูลค่าตลาดการซื้อ ขายอสังหาริมทรัพย์มือสองในกรุงเทพและปริมณฑล มีอัตราการเติบโต 4 % เมื่อเทียบกับปี 2547 หรือคิดเป็น 29,089 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น บ้านเดี่ยว 8,946 ล้านบาท, ทาวน์เฮ้าส์ 13,580 ล้านบาท, และอาคารชุด 6,563 ล้านบาท จากผลวิจัยนี้ยังพบว่ามูลค่าตลาดของทาวน์เฮ้าส์มือสองเป็นตลาดที่มีการเติบโตมากที่สุดถึง 5% และสำหรับทิศทางธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2549 คาดว่ามูลค่าตลาดการซื้อ ขายอสังหาริมทรัพย์มือสองจะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอีก 6% หรือคิดเป็น 30,716 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 9,303 ล้านบาท, ทาวน์เฮ้าส์ 14,259 ล้านบาท และอาคารชุดเป็นตัวแปรที่จะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นมากที่สุด คือ 9% คิดเป็น 7,154 ล้านบาท จากตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าตลาดที่อยู่อาศัยมือสองมีอัตราการเติบเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดการซื้อขายในตลาดเพิ่มมากขึ้น จึงป็นการผลักดันให้เกิดอุปทานและอุปสงค์ในที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง
สำหรับส่วนธุรกิจซื้อขายสินทรัพย์มือสองของพลัสในปี 2548 มีมูลค่าการซื้อ ขายถึง 4,500 ล้านบาท เติบโตจากปี 2547 ถึง 60% ด้วยอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง บวกกับความพร้อมของพลัส ทั้งในเรื่อง Stock ที่อยู่อาศัยที่มีมากกว่า 10,000 รายการ และทีมงานมืออาชีพ อีกทั้งนโยบายสนับสนุนบ้านมือสองของรัฐบาล ที่ได้มีมาตรการลดหย่อนอัตราค่าธรรมเนียม และภาษีการโอนต่างๆ ซึ่งถือเป็นการกระตุ้นความต้องการซื้อบ้านมือสองของผู้บริโภคให้เพิ่มมากขึ้น ทำให้พลัสมั่นใจที่จะบุกตลาดบ้านมือสองอย่างจริงจัง และตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าการซื้อขายบ้านมือสองในปี 2549 เป็น 7,000 ล้านบาท เติบโตจากปี 2548 ถึง 55%
จากแนวโน้มของธุรกิจซื้อ ขาย สินทรัพย์มือสองที่เป็นไปได้ด้วยดี พลัสจึงพร้อมบุกตลาดบ้านมือสองอย่างจริงจังโดยเปิดตัว “Plus Brokerage Cafe” ซึ่งเป็น Lifestyle Real Estate Agent แห่งแรกในประเทศไทย ที่เป็นศูนย์รวมอสังหาริมทรัพย์ระดับคุณภาพในเขตใจกลางเมือง ทั้งในส่วนของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนและเพื่อการอยู่อาศัย ประกอบด้วย คอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ ที่ดิน อาคารพาณิชย์ ซึ่งพลัสใช้ประสบการณ์กว่า 10 ปีในการรวบรวม Stock โครงการคุณภาพกว่า 10,000 รายการ ไว้เพื่อเสนอเป็นทางเลือกแก่กลุ่มลูกค้า โดยเรามุ่งที่จะเจาะตลาดในระดับที่มีกำลังซื้อระดับกลางขึ้นไป ซึ่งได้เริ่มเปิดให้บริการแล้วที่สาขาท่าอากาศยานดอนเมือง อาคารระหว่างประเทศผู้โดยสารขาออก 1 , สุขุมวิท 24 อาซ่า การ์เด้นท์ คอนโดมิเนียม และห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ชิดลม เมื่อต้นเดือนมกราคม 2549 เป็นต้นมา
“พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ ถือเป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่ให้บริการแบบครบวงจรอย่างชัดเจนไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาโครงการ การเป็นตัวแทนด้านบริหารการตลาดและการขายโครงการ ธุรกิจการรับบริหารอาคารและโครงการที่พักอาศัย รวมถึงการเป็นผู้ช่วยในการเฟ้นหาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยและการลงทุน มากว่า 10 ปี ซึ่งประสบการณ์ดังกล่าวทำให้เราก้าวสู่ความเป็นผู้นำในทุกๆ บริการที่มีอยู่ และเราเองก็อยากจะรวมนำประสบการณ์ดังกล่าวนั้นมาเป็นเครื่องมือในการช่วยลูกค้าในการเฟ้นหาโครงการคุณภาพเพื่อการอยู่อาศัยและการลงทุนผ่าน“Plus Brokerage Cafe” แหล่งรวม Stock คุณภาพในเขตใจกลางกรุงเทพฯ และปริมณฑลรวมถึงจังหวัดหัวเมืองใหญ่ๆ ทั่วประเทศ เพื่อไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ ที่ต้องการความชัดเจนในการลงทุนหรือเลือกซื้อโครงการเพื่ออยู่อาศัยโดยพลัสมีรายการบ้าน คอนโด ที่ดินในมือกว่า 10,000 รายการ โดยแบ่งเป็นที่อยู่อาศัยเพื่อการเช่า จำนวน 8,370 รายการ ที่อยู่อาศัยเพื่อการซื้อ ขาย จำนวน 1,380 รายการ และพื้นที่ให้เช่าเพื่อการพาณิชย์จำนวน 140 รายการ พร้อมทั้งตั้งเป้าภายในสิ้นปี 2549 ต้องมีจำนวนสต็อกมากถึง 20,000 รายการ ทั้งนี้ได้เปิดให้บริการแล้วที่สาขาท่าอากาศยานดอนเมือง อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ1, สาขาสุขุมวิท 24 อาซ่า การ์เด้น คอนโดมิเนียม และสาขาห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ชิดลม ตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นมา โดยได้รับการตอบรับอย่างดีจากกลุ่มลูกค้า และคาดว่าในปีนี้จะสามารถเปิดให้บริการได้อีก 3-6 สาขา ได้แก่ อาคารสิริภิญโญ, หัวหิน และโครงการคอนโดมิเนียมสุขุมวิท พลัส” นายเมธา กล่าว
ด้านนายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ รองกรรมการผู้จัดการสายงานบริหารสินทรัพย์ ได้กล่าวแสดงความคิดเห็นว่า “ปัจจุบันนอกเหนือจากการซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยแล้ว กลุ่มลูกค้าที่ต้องการซื้อเพื่อการลงทุนก็มีปริมาณเพิ่มขึ้น เพราะลูกค้ามองว่าการลงทุนดังกล่าวถือเป็นอีกหนึ่งวิธีในการออมที่ให้ผลคุ้มค่า ซึ่งเราเชื่อว่าทันทีที่ลูกค้าทราบข่าวการเปิดตัว “Plus Brokerage Cafe” จะมีผู้ให้ความสนใจมาใช้บริการไม่ต่ำกว่า 3,000 ราย ต่อเดือน โดยเราได้ทำการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อในรูปแบบต่างๆทั้ง Billboard ทั่วกรุงเทพ สื่อวิทยุ และสื่อสิ่งพิมพ์ รวมทั้งการเข้ามาทำความรู้จักและสัมผัสความพิเศษของ Stock คุณภาพของเรา พร้อมรูป ผ่านทางเว็บไซต์ www.thaipropertyplus.com เพื่อสร้างให้กลุ่มเป้าหมายทราบถึงบริการของเรา พร้อมกันนี้ได้จัดโปรโมชั่น “ได้ขาย ได้ซื้อ ได้เช่า แถมได้โชค” จูงใจให้มีการใช้บริการกับทาง Plus มากยิ่งขึ้น โดยเมื่อซื้อ/ ขาย/ เช่า อสังหาริมทรัพย์ ผ่านตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ของพลัส รับโชค 2 ชั้น โดยชั้นที่ 1 รับฟรี DVD Philips มูลค่า 2,990 บาท ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย และโชคชั้นที่ 2 ลุ้นรับรางวัลใหญ่ ชิงทองคำหนัก 30 บาท มูลค่ากว่า 300,000 บาท
“พลัสเป็น Lifestyle Real Estate Agent แห่งแรกในประเทศไทย โดยใช้ Plus Brokerage Caf ถือเป็นช่องทางในการให้บริการซื้อ-ขาย เช่าอสังหาริมทรัพย์รูปแบบใหม่ในตลาด ที่เน้นการให้บริการที่เข้าถึงไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมาย ทั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างความแตกต่างจากตัวแทนรายอื่นๆ ด้วยรูปแบบที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย และขยายกลุ่มเป้าหมายให้ครอบคลุมและเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ด้วยการมี Shop และ Kiosk ตามสถานที่ต่างๆ คอยให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย-ให้เช่าทุกประเภท พร้อมให้คำปรึกษาจากทีมงานมืออาชีพที่มีความรู้และชำนาญเป็นอย่างดี อีกทั้งยังสามารถให้บริการได้ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ นอกจากนั้นยังสร้างความแตกต่างจากตัวแทนอื่นๆ ด้วยบรรยากาศแบบสบายๆ มีบริการกาแฟให้แก่ลูกค้าที่มาใช้บริการอีกด้วย โดยได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรทางธุรกิจรายใหม่ของเรา คือ บริษัทผู้ผลิตกาแฟอิลลี่”
“เรามั่นใจว่าธุรกิจด้านบริการซื้อ ขาย เช่าอสังหาริมทรัพย์มือสองจะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่พลัสประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน เพราะนอกจากเรามี Plus Brokerage Cafe ที่สร้างความแตกต่างด้วย Lifestyle และเป็นการเพิ่มช่องทางในการให้บริการแก่ลูกค้าแล้ว ที่สำคัญเรามีทีมบริหารระดับมืออาชีพ ที่มีความเชี่ยวชาญด้าน Brokerage เป็นอย่างดี โดยทีม Brokerage แบ่งการบริหารออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ 1) ส่วนงาน Re-sales การบริการซื้อขายบ้าน, คอนโดมิเนียมและที่ดินมือสอง, 2) ส่วนงานด้าน Commercial ดูแลอสังหาฯ ด้านการให้พื้นที่เช่าอาคารสำนักงานและพื้นที่เพื่อการพาณิชย์ และ 3) ส่วนงาน Leasing ให้บริการด้านรับและฝากเช่าที่อยู่อาศัย ซึ่งทั้ง 3 ส่วนนี้มีผู้บริหารที่มีความสามารถและมีประสบการณ์ในแต่ละด้านมาเป็นเวลานานหลายปี คอยควบคุมดูแลการบริหารอย่างใกล้ชิด นอกจากนั้น เรายังมีฝ่ายวิจัยของพลัสขึ้น เพื่อคอยสนับสนุนข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ เพื่อการพัฒนาธุรกิจอย่างมั่นคงและยั่งยืนอีกด้วย”
ทั้งนี้ Plus Brokerage Cafe จะมีทั้งรูปแบบ Shop และที่เป็น kiosk ขึ้นอยู่กับสถานที่ตั้งที่ให้บริการ ซึ่งตามแผนงานจะมี Shop สุขุมวิท 24 อาซ่า การ์เด้น คอนโดมิเนียม, หัวหิน และโครงการสุขุมวิท พลัส ส่วน Plus Brokerage Cafe ในรูปแบบ Kiosk ซื้อ-ขาย ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ มีทั้งหมด 3 แห่ง สาขาแรกเปิดให้บริการแล้ว ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง อาคารระหว่างประเทศ 1 และสาขาที่สอง ที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ชิดลม และสาขาที่ 3 อาคารสิริภิญโญ
นายอนุกูลกล่าวเสริมอีกว่า “สำหรับผู้ที่ต้องการคำแนะนำในการเลือกซื้อ หรือต้องการผู้ช่วยในการแนะนำเรื่องการขายแบบครบวงจร รวมทั้งผู้ที่กำลังต้องการเช่าโครงการระดับคุณภาพ สามารถเข้ามาขอคำแนะนำจากทีมงานคุณภาพของเราได้ที่โทร 02-688-7555 หรือยิ่งง่ายกว่านั้นเพียงติดต่อเราผ่าน www.thaipropertyplus.com ทีมงานคุณภาพของเราพร้อมจะให้คำแนะนำแก่ทุกท่าน”
บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ จำกัด ผู้นำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรของไทย ทุนจดทะเบียน (ชำระแล้ว) 600 ล้านบาท ให้บริการด้านการเป็นตัวแทนนายหน้าด้านอสังหาริมทรัพย์, บริหารงานขายโครงการอสังหาริมทรัพย์, ให้คำปรึกษาเรื่องการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์, การบริหารอาคารสำนักงานและที่อยู่อาศัย และโครงการที่พัฒนาเอง ปัจจุบันมีทั้งสิ้น 14 โครงการ และโครงการที่รับบริหาร (Property Management) รวมกว่า 90 โครงการ ซึ่งถือเป็นอันดับหนึ่งของเมืองไทยในปัจจุบัน
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net--จบ--