ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้มีค้ำประกันบางส่วนของ “บ. พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค” ที่ระดับ “BBB” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday February 18, 2010 08:30 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--18 ก.พ.--ทริสเรทติ้ง บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB-” และคงอันดับเครดิตหุ้นกู้มีประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “BBB” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังประกาศอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้มีการค้ำประกันบางส่วนในวงเงินไม่เกิน 1,500 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ “BBB” ด้วย โดยหุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการค้ำประกันโดยธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารได้รับการจัดอันดับเครดิตโดยทริสเรทติ้งที่ระดับ ”A” พร้อมแนวโน้ม “Stable” หรือ ”คงที่” อันดับเครดิตดังกล่าวของบริษัทพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค สะท้อนถึงผลงานในตลาดบ้านจัดสรรและแบรนด์สินค้าที่เป็นที่ยอมรับในตลาดที่อยู่อาศัยระดับกลางถึงบน อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากการที่บริษัทมีความสามารถในการทำกำไรและสภาพคล่องที่ต่ำกว่าผู้ประกอบการรายอื่นและจากลักษณะที่เป็นวงจรขึ้นลงของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ทั้งนี้ ธนาคารนครหลวงไทยมีภาระในการค้ำประกันหุ้นกู้ชุดใหม่ของบริษัทพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ในวงเงินสูงสุดไม่เกิน 975 ล้านบาท หรือ 65% ของมูลค่าหุ้นกู้ โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์และซื้อที่ดินสำหรับพัฒนาในอนาคต แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จะสามารถประคองผลการดำเนินงานเอาไว้ได้ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยคาดว่าความสามารถในการทำกำไรและสภาพคล่องของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ แม้จะมีความต้องการเงินลงทุนจำนวนมากเพื่อใช้ก่อสร้างโครงการคอนโดมิเนียม แต่บริษัทก็ควรดำรงอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้คือต่ำกว่า 50% ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศซึ่งก่อตั้งในปี 2528 โดยนายชายนิด โง้วศิริมณี และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2536 ผลจากการแปลงหนี้เป็นทุนซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการปรับโครงสร้างหนี้ทำให้เจ้าหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2552 เจ้าหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการรายใหญ่ 3 ราย ซึ่งได้แก่ บริษัท แจแปนเอเชีย กรุ๊ป จำกัด บริษัท เอ็มเจแอล อินเตอร์เทรด จำกัด และ บริษัท สำนักกฎหมายนทีอินเตอร์แนทชั่นแนล จำกัด เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทรวมกันคิดเป็นสัดส่วน 22.87% บริษัทพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยหลากหลายประเภททั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ และคอนโดมิเนียมซึ่งเน้นตลาดลูกค้าระดับกลางถึงบน โดยมีราคาขายต่อหน่วยตั้งแต่ 1.7 ล้านบาทจนถึง 20 ล้านบาทสำหรับบ้านจัดสรร และตั้งแต่ 1.2 ล้านบาทจนถึง 4 ล้านบาทสำหรับคอนโดมิเนียม รายได้จากการขายบ้านเป็นแหล่งรายได้หลักของบริษัทในช่วงปี 2550 จนถึง 9 เดือนแรกของปี 2552 โดยมีสัดส่วน 72% ของรายได้รวม ในขณะที่ส่วนที่เหลือเป็นรายได้จากการขายคอนโดมิเนียม ความสามารถในการแข่งขันของบริษัทมาจากแบรนด์สินค้าที่เป็นที่ยอมรับและการมีที่ดินเป็นจำนวนมากตามแนวระบบขนส่งมวลชนในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในย่านรัตนาธิเบศร์ บริษัทสร้างความแตกต่างให้แก่โครงการที่อยู่อาศัยของตนด้วยการสร้างสาธารณูปโภคส่วนกลางขนาดใหญ่ในโครงการแก่ลูกบ้านซึ่งกลายเป็นจุดขายสำคัญของบริษัท ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ยอดขายของบริษัทพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ในปี 2552 สูงถึง 6,918 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นจากประมาณ 6,000 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2549-2550 และ 6,354 ล้านบาทในปี 2551 โดยมีสาเหตุหลักมาจากยอดขายบ้านที่เพิ่มขึ้น 13% เป็น 5,755 ล้านบาทในปี 2552 จาก 5,075 ล้านบาทในปี 2551 อย่างไรก็ตาม ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2552 รายได้ของบริษัทลดลง 27% เป็น 4,101 ล้านบาท จาก 5,622 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2551 ซึ่งเป็นผลมาจากการโอนคอนโดมิเนียมของโครงการเมโทร พาร์ค สาทร เฟส1 และเฟส 2 ที่ต่ำกว่าปี 2551 บริษัทมีรายได้จากคอนโดมิเนียมในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2552 เพียง 706 ล้านบาทเมื่อเทียบกับ 1,668 ล้านบาทในช่วง เดียวกันของปี 2551 แม้จะได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากมาตรการด้านภาษีของรัฐบาล แต่ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทกลับลดลง โดยอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานลดลงเป็น 11.4% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2552 จาก 14.0% ในปี 2551 ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทยังคงต่ำกว่าผู้ประกอบการรายอื่น โดยกระแสเงินสดอ่อนตัวลงในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2552 เนื่องจากอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมที่ลดลงเป็น 6.0% (ยังไม่ได้ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปี) จาก 19.4% ในปี 2551 ในขณะที่อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายอยู่ที่ระดับประมาณ 2-3 เท่าในช่วงปี 2551 จนถึง 9 เดือนแรกของปี 2552 ณ สิ้นเดือนกันยายน 2552 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนเพิ่มขึ้นเป็น 46.9% จาก 43.4% ณ สิ้นปี 2551 เนื่องจากบริษัทซื้อที่ดินเพิ่มเพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในปี 2552 ภาวะตลาดที่อยู่อาศัยในปีที่ผ่านมาค่อนข้างผันผวนอันเป็นผลมาจากความไม่มีเสถียรภาพของการเมืองภายในประเทศและวิกฤติการณ์ทางการเงินทั่วโลก แม้ตลาดจะเริ่มฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2552 แต่ก็ยังถือว่าชะลอตัวอยู่และถูกครอบงำโดยผู้ประกอบการรายใหญ่มากยิ่งขึ้น มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านภาษีของรัฐบาลซึ่งอนุญาตให้ผู้ซื้อบ้านในวงเงินสูงสุดไม่เกิน 300,000 บาทสามารถลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาก็สิ้นสุดลงเมื่อเดือนธันวาคม 2552 ดังนั้น ความต้องการที่อยู่อาศัยในปี 2553 จึงขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเป็นอย่างมาก โดยทริสเรทติ้งคาดว่าความต้องการที่อยู่อาศัยในปี 2553 จะไม่เปลี่ยนแปลงไปจากปี 2552 มากนัก บริษัท บริษัทพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) (PF) อันดับเครดิตองค์กร: คงเดิมที่ BBB อันดับเครดิตตราสารหนี้: PF112A: หุ้นกู้มีประกัน 300 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2554 คงเดิมที่ BBB PF128A: หุ้นกู้มีประกัน 800 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2555 คงเดิมที่ BBBหุ้นกู้มีการค้ำประกันบางส่วนในวงเงินไม่เกิน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2556 BBB แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable (คงที่)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ