กรุงเทพฯ--18 ก.พ.--การบินไทย
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เร่งปรับแผนและกลยุทธ์การโฆษณา ทั้งในและต่างประเทศให้ใช้งบประมาณที่มีอยู่ได้ตรงเป้าหมายและเกิดประโยชน์ทั้งในด้านการขายและภาพลักษณ์องค์กร พร้อมแต่งตั้ง นายธีรพล โชติชนาภิบาล ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายพัฒนา และสนับสนุนการพาณิชย์ เป็นรักษาการผู้อำนวยการบริหารตราผลิตภัณฑ์และสื่อสารการพาณิชย์ อีกตำแหน่งหนึ่ง แทนนางรัตนาวลี โลหารชุน ซึ่งได้ถูกโอนย้าย เนื่องจากมีการสอบสวนข้อเท็จจริงเสร็จเรียบร้อย และขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนทางวินัย ก่อนจะมีการสรรหาผู้อำนวยการ บริหารตราผลิตภัณฑ์และสื่อสารการพาณิชย์คนใหม่ ซึ่งจะดำเนินการตามขั้นตอนและมีการสรรหาอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม
นายธีรพลได้กล่าวถึงแนวทางและนโยบายการดำเนินการโฆษณาของ ฝ่ายบริหารตราผลิตภัณฑ์และสื่อสารการพาณิชย์ว่าตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป การบินไทยยังคง ดำเนินการตามที่บริษัทฯได้มีพันธสัญญากับบริษัทเอเจนซี่โฆษณาต่อไป และจะเน้นให้ เจ้าหน้าที่ภายในได้ปฏิบัติงานมากขึ้น เพราะเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพควบคู่ไปกับการทำงานของเอเจนซี่ เพื่อประโยชน์สูงสุดของบริษัทฯ การซื้อสื่อโฆษณา การบินไทยจะซื้อตรงกับสื่อต่างๆ เพราะมีหน่วยงานที่รับผิดชอบการซื้อสื่ออยู่แล้ว โดยจะเพิ่มการใช้ระบบ BARTER (ต่างตอบแทน) มากขึ้น และจะมีการแบ่งงานระหว่างประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างภาพลักษณ์องค์กร และการโฆษณาเพื่อการส่งเสริมการพาณิชย์ ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
สำหรับปัญหาการจ่ายเงินกับคู่ค้าที่เป็นเอเจนซี่โฆษณาทั้งหลาย บริษัทฯ จะเร่งตรวจสอบให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และจะดำเนินการ ในเรื่องที่ได้รับการร้องเรียนทุกเรื่องไห้จบโดยเร็วที่สุด ส่วนเรื่องงบประมาณของการโฆษณา ยังคงอยู่ในความรับผิดชอบของสายการพาณิชย์ และบริษัทฯ มิได้มีนโยบายให้โอนย้ายมาอยู่ในความรับผิดชอบของกรรมการ ผู้อำนวยการใหญ่แต่ประการใด
นายธีรพล กล่าวในที่สุดว่า ระหว่างที่รักษาการในตำแหน่งนี้จะเร่งรัดการโฆษณาให้สอดคล้องกับนโยบายบริษัทฯ ที่มุ่งเน้นการบริการผู้โดยสาร โดยมีเป้าหมายให้การบินไทยเป็นสายการบินที่ติดอันดับ 1 ใน 3 ของเอเชีย และ 1 ใน 5 ของโลก โดยจะมีการประสานงานกับหน่วยงานภายในซึ่งกันและกันมากขึ้น เพื่อสร้างสรรค์โฆษณาเป็นภาพรวมขององค์กรที่จะต้อง เดินไปข้างหน้าพร้อมๆ กัน และการโฆษณาจะต้องตอบโจทย์ ที่การบินไทยเป็นสายการบินที่มีประวัติศาสตร์ และเป็นที่เชื่อถือทั้งด้านการให้บริการ ด้านความปลอดภัย และองค์ประกอบอื่นๆ มายาวนานถึง 50 ปี และเราจะต้องก้าวไปสู่ 100 ปีอย่างมั่นคงตามแนวนโยบาย “MISSION TG 100’ ต่อไป