กรุงเทพฯ--19 ก.พ.--เอชเอสบีซี
โดย ดร.เฟรเดอริก นิวมานน์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ประจำภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก ธนาคารเอชเอสบีซี
เอชเอสบีซี มองแนวโน้มเศรษฐกิจไทยสดใสในปี 2553 โดยคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจไทยอยู่ที่ร้อยละ 4.6 ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ของตลาดโดยรวม
การบริโภคภายในประเทศ เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัว ไม่ได้มาจากการส่งออกอย่างที่เข้าใจ เนื่องจากภาคการส่งออกของไทยยังมีผลงานอยู่ในระดับต่ำกว่าประเทศอื่นในภูมิภาค
การบริโภคภายในประเทศและการลงทุนภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อลดลง และอัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำ
ในปี 2553 เอชเอสบีซี คาดว่าการบริโภคภายในประเทศจะเร่งตัวขึ้นอีก โดยได้รับอานิสงส์จากปริมาณนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวเมืองไทยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเกือบจะแตะระดับที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ แม้ว่าปัญหาทางการเมืองจะยังไม่คลี่คลาย
การปรับตัวดีขึ้นครั้งสำคัญของประเทศไทยในปีนี้ อาจเป็นเรื่องของการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของภาคส่งออก อันเนื่องมาจากการบริโภคที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากประเทศจีน และราคาผลผลิตทางการเกษตรที่เพิ่มสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม การเติบโตอย่างมากย่อมมาพร้อมกับความเสี่ยง ดังเช่นประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชีย ความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยต้องเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยในไตรมาส 2 ของปีนี้
ไม่บ่อยครั้งนักที่ธนาคารแห่งประเทศไทยจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนที่เฟดจะประกาศปรับดอกเบี้ย แต่ในปีนี้ การปรับอัตราดอกเบี้ยของไทยอาจเกิดขึ้นก่อน เนื่องจากคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนครึ่งหลังของปี 2554
ประเทศไทยต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากต่อการตัดสินใจ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับสูงขึ้นและ การส่งออกที่ฟื้นตัว จะส่งผลให้ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐเริ่มแข็งค่าอีกครั้ง
สถานการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับเศรษฐกิจที่ร้อนแรงของประเทศในภูมิภาคเอเชีย และธนาคารกลางอาจจำเป็นต้องเข้าแทรกแซงด้วยการซื้อดอลลาร์สหรัฐเพิ่ม เพื่อทำให้ค่าเงินอ่อนค่าลง
ความกดดันต่อเงินบาท และศักยภาพในการแข่งขันของประเทศไทยในระดับภูมิภาค ควรจะผ่อนคลายลง เมื่อค่าเงินหยวนเริ่มแข็งค่าขึ้นในราวกลางปี 2553