กรุงเทพฯ--19 ก.พ.--พีซี แอนด์ แอสโซซิเอทส์ คอนซัลติ้ง
ถาม: คลาวด์คอมพิวติ้ง (Cloud Computing) คืออะไร?
ตอบ: ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีข้อตกลงที่ชัดเจนเกี่ยวกับคำนิยามของคลาวด์คอมพิวติ้ง แต่คำนิยามจากวิกิพีเดียมีดังนี้:
คลาวด์คอมพิวติ้ง หมายถึงรูปแบบของการประมวลผลที่สามารถปรับขนาดได้ในแบบไดนามิก และโดยมากแล้วทรัพยากรแบบเวอร์ช่วลไลซ์ได้รับการจัดหาในรูปแบบของบริการผ่านทางอินเทอร์เน็ต ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องมีความรู้หรือความเชี่ยวชาญหรืออำนาจในการควบคุมโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยี “ในระบบคลาวด์” ที่รองรับผู้ใช้
แนวคิดดังกล่าวครอบคลุมถึงการจัดหาโครงสร้างพื้นฐานในรูปแบบของบริการ (Infrastructure as a Service - IaaS), แพลตฟอร์มในรูปแบบของบริการ (Platform as a Service - PaaS) และซอฟต์แวร์ในรูปแบบของบริการ (Software as a Service - SaaS) รวมถึงแนวโน้มเทคโนโลยีอื่นๆ ซึ่งใช้แนวคิดร่วมกันในเรื่องของการใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อตอบสนองความต้องการด้านการประมวลผลของผู้ใช้
คลาวด์คอมพิวติ้งมีคุณลักษณะดังต่อไปนี้:
? ทรัพยากรการประมวลผลแบบเวอร์ช่วลไลซ์
? ความจุ/ความสามารถในการปรับขนาดที่ดูเหมือนว่าไร้ขีดจำกัด
? การจัดสรรทรัพยากรแบบไดนามิก
? รองรับผู้เช่าหลายราย
? การบริการตนเอง
? การคิดราคาตามการใช้งานจริง
1. ถาม: SaaS, PaaS และ IaaS แตกต่างกันอย่างไร?
ตอบ: คลาวด์คอมพิวติ้งประกอบด้วยบริการสามประเภท ได้แก่ SaaS, PaaS และ IaaS
1. ซอฟต์แวร์ในรูปแบบของบริการ (Software as a Service - SaaS) หมายถึง โปรแกรมซอฟต์แวร์ที่ได้รับการจัดหาให้แก่ผู้ใช้ในรูปแบบของบริการผ่านทางเบราว์เซอร์ โดยบางส่วนเป็นแอพพลิเคชั่น SaaS เชิงพาณิชย์ที่จัดหาโดยผู้ให้บริการคลาวด์สาธารณะ ในขณะที่ส่วนอื่นๆ ที่เหลือเป็นแอพพลิเคชั่น SaaS เชิงพาณิชย์และแบบปรับแต่งที่จัดหาผ่านทางระบบคลาวด์ส่วนตัวขององค์กร ออราเคิลเป็นผู้ให้บริการ SaaS และนำเสนอแอพพลิเคชั่น SaaS เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงแอพพลิเคชั่นแบบโฮสต์และจัดการ (Hosted & Managed) ออราเคิลเรียกบริการเหล่านี้ว่า บริการออราเคิลออนดีมานด์ (Oracle On Demand)
2. แพลตฟอร์มในรูปแบบของบริการ (Platform as a Service - PaaS) หมายถึง แพลตฟอร์มสำหรับการพัฒนาและปรับใช้แอพพลิเคชั่นที่นำเสนอในรูปแบบของบริการให้แก่ผู้พัฒนาที่ใช้แพลตฟอร์มดังกล่าวเพื่อสร้าง ปรับใช้ และจัดการแอพพลิเคชั่น SaaS โดยทั่วไปแล้วแพลตฟอร์มดังกล่าวประกอบด้วยฐานข้อมูล มิดเดิลแวร์ และเครื่องมือสำหรับการพัฒนา โดยทั้งหมดนี้ได้รับการนำเสนอในรูปแบบของบริการผ่านทางอินเทอร์เน็ต สถาปัตยกรรมกริดคอมพิวติ้ง (Grid Computing) แบบเวอร์ช่วลไลซ์และแบบคลัสเตอร์มักจะเป็นพื้นฐานสำหรับซอฟต์แวร์โครงสร้างพื้นฐานนี้ ออราเคิลไม่ได้เป็นผู้ให้บริการ PaaS โดยตรง แต่จัดหาเทคโนโลยีที่จะช่วยให้ผู้ให้บริการ PaaS และ SaaS สามารถสร้างบริการของตนเอง ออราเคิลเรียกเทคโนโลยีดังกล่าวว่า แพลตฟอร์มออราเคิลสำหรับ SaaS (Oracle Platform for SaaS)
3. โครงสร้างพื้นฐานในรูปแบบของบริการ (Infrastructure as a Service - IaaS) หมายถึง ฮาร์ดแวร์สำหรับเซิร์ฟเวอร์ สตอเรจ และระบบเครือข่ายที่นำเสนอในรูปแบบของบริการ โดยทั่วไปแล้วฮาร์ดแวร์โครงสร้างพื้นฐานนี้ถูกทำให้เป็นแบบเวอร์ช่วลไลซ์ โดยใช้สถาปัตยกรรมกริดคอมพิวติ้ง ดังนั้นซอฟต์แวร์สำหรับเวอร์ช่วลไลเซชั่น ระบบคลัสเตอร์ และการจัดสรรทรัพยากรแบบไดนามิก จึงถูกรวมไว้ใน IaaS ด้วยเช่นกัน ออราเคิลไม่ได้เป็นผู้ให้บริการ IaaS แต่ออราเคิลประสานงานร่วมกับผู้ให้บริการ IaaS เช่น Amazon Web Services เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่องค์กรต่างๆ ในการเลือกที่จะปรับใช้เทคโนโลยีของออราเคิลในระบบคลาวด์ส่วนตัวหรือระบบคลาวด์สาธารณะ
2. ถาม: ระบบคลาวด์สาธารณะ (Public Cloud) และระบบคลาวด์ส่วนตัว (Private Cloud) คืออะไร?
ตอบ: ออราเคิลเชื่อว่าองค์กรต่างๆ จะต้องการเลือกระหว่างการใช้ผู้ให้บริการคลาวด์สาธารณะ และการสร้างระบบคลาวด์ส่วนตัวสำหรับการใช้งานภายในองค์กร ระบบคลาวด์ส่วนตัวทำงานภายในไฟร์วอลล์ขององค์กรและรองรับการใช้งานสำหรับองค์กรนั้นเพียงองค์กรเดียว หลายๆ องค์กรจะใช้ทั้งระบบคลาวด์สาธารณะและระบบคลาวด์ส่วนตัว บางโปรแกรมอาจติดตั้งภายในองค์กร ในขณะที่โปรแกรมอื่นๆ อาจติดตั้งไว้บนระบบคลาวด์สาธารณะ แม้กระทั่งออราเคิลซึ่งมีหนึ่งในระบบคลาวด์ส่วนตัวที่ใหญ่ที่สุด ก็รันบางโปรแกรมไว้บนระบบคลาวด์สาธารณะเช่นกัน
ระบบประมวลผลทั้งแบบคลาวด์ส่วนตัวและคลาวด์สาธารณะให้ประสิทธิภาพการประมวลผลที่ดีเยี่ยม ยืดหยุ่น และมีความพร้อมใช้งานสูง โดยเป็นผลมาจากสถาปัตยกรรมกริดคอมพิวติ้ง โดยทั่วไปแล้วระบบคลาวด์สาธารณะช่วยให้ลูกค้าเริ่มต้นใช้งานได้รวดเร็วกว่าและใช้เงินลงทุนน้อยกว่า ทั้งยังบริหารจัดการได้ง่ายกว่าอีกด้วย ในขณะที่ระบบคลาวด์ส่วนตัวช่วยให้ควบคุมการรักษาความปลอดภัย การปฏิบัติตามกฎระเบียบ และคุณภาพของบริการได้มากกว่า สามารถผนวกรวมเข้ากับระบบไอทีภายในองค์กรได้ง่ายกว่า และในระยะยาวอาจมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่า นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายสำหรับระบบคลาวด์สาธารณะเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ในขณะที่ระบบคลาวด์ส่วนตัวมีทั้งค่าใช้จ่ายลงทุนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน แต่ละองค์กรจะต้องพิจารณาข้อดีข้อเสียเหล่านี้เพื่อตัดสินใจว่าควรจะเลือกใช้ระบบคลาวด์ส่วนตัวและระบบคลาวด์สาธารณะร่วมกันในลักษณะใดจึงจะเหมาะสม
3. ถาม: ออราเคิลมีกลยุทธ์อย่างไรสำหรับคลาวด์คอมพิวติ้ง?
ตอบ: ออราเคิลมีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับคลาวด์คอมพิวติ้งสองข้อด้วยกัน คือ ข้อแรก ส่งเสริมให้เทคโนโลยีคลาวด์คอมพิวติ้งได้รับการพัฒนาและใช้งานภายในองค์กรอย่างสมบูรณ์ นั่นหมายความว่าระบบจะต้องมีประสิทธิภาพสูง ปรับขนาดได้อย่างยืดหยุ่น พร้อมใช้งานอย่างต่อเนื่อง และมีความปลอดภัยสูงสุด นอกจากนี้จะต้องมีการกำหนดมาตรฐานสำหรับการใช้งานร่วมกัน โดยไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของผู้จำหน่ายเทคโนโลยี และข้อสอง สนับสนุนระบบคลาวด์คอมพิวติ้งทั้งแบบสาธารณะและส่วนตัวเพื่อให้ลูกค้ามีทางเลือกที่หลากหลาย
เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว ออราเคิลจะดำเนินกลยุทธ์สามข้อ คือ:
1. นำเสนอแอพพลิเคชั่นในรูปแบบของบริการ SaaS เพิ่มมากขึ้น
2. จัดหาเทคโนโลยีที่ช่วยขยายขีดความสามารถแก่ผู้ให้บริการคลาวด์รายอื่นๆ
3. ช่วยให้ลูกค้ามีทางเลือกในการปรับใช้เทคโนโลยีของออราเคิลในระบบคลาวด์ส่วนตัวหรือระบบคลาวด์สาธารณะ
4. ถาม: ขอทราบรายละเอียดเกี่ยวกับบริการ SaaS ของออราเคิล
ตอบ: ออราเคิลนำเสนอแอพพลิเคชั่น SaaS ระดับองค์กร และจัดหาเทคโนโลยีที่รองรับระบบคลาวด์คอมพิวติ้งแบบสาธารณะและแบบส่วนตัว
ปัจจุบัน ออราเคิลนำเสนอแอพพลิเคชั่น SaaS สามอย่าง ได้แก่:
1. Oracle CRM On Demand: ระบบ CRM แบบสมัครสมาชิก ใช้งานง่าย รองรับงานขาย บริการ การตลาด และศูนย์บริการ
2. Oracle Beehive On Demand: บริการแบบครบวงจรสำหรับการประสานงานร่วมกัน เช่น การประชุมผ่านเว็บ, การรับส่งข้อความโต้ตอบแบบทันที (Instant Messaging), อีเมล, ปฏิทิน และพื้นที่ทำงานสำหรับทีมงาน
แอพพลิเคชั่นเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของบริการ Oracle On Demand ที่หลากหลาย และเป็นแอพพลิเคชั่นระดับองค์กรที่สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มออราเคิลสำหรับ SaaS โดยรันอยู่ในดาต้าเซ็นเตอร์ของออราเคิล ออราเคิลมีแผนที่จะนำเสนอแอพพลิเคชั่น SaaS เพิ่มเติมในอนาคต
5. ถาม: บริการ Oracle On Demand คืออะไร?
ตอบ: แอพพลิเคชั่น SaaS ของออราเคิลเป็นส่วนหนึ่งของชุดบริการ Oracle On Demand ซึ่งประกอบด้วยแอพพลิเคชั่นแบบโฮสต์และจัดการ และบริการจัดการแอพพลิเคชั่นระยะไกล รวมถึงแอพพลิเคชั่น SaaS แบบสมัครสมาชิก นั่นหมายความว่าออราเคิลสามารถจัดหาทางเลือกที่หลากหลายสำหรับการปรับใช้ โดยขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้า
Oracle On Demand
SaaS สำหรับผู้เช่าหลายราย
SaaS สำหรับผู้เช่ารายเดียว
โฮสต์และจัดการ
การจัดการระยะไกล
ติดตั้งภายในองค์กร
จ่ายตามการใช้งานจริง
มีไลเซนส์
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
ค่าใช้จ่ายลงทุนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
ติดตั้งภายนอกองค์กร
ติดตั้งภายในองค์กร
จัดการโดยผู้ให้บริการ
จัดการโดยลูกค้า
บำรุงรักษาตามกำหนดเวลาของผู้ให้บริการ
บำรุงรักษาตามกำหนดเวลาของลูกค้า
6. ถาม: ออราเคิลนำเสนอเทคโนโลยีอะไรแก่ผู้ให้บริการคลาวด์รายอื่นๆ?
ตอบ: ออราเคิลนำเสนอแพลตฟอร์มออราเคิลสำหรับ SaaS ให้แก่ผู้พัฒนา SaaS และ PaaS ที่ต้องการสร้างบริการบนระบบคลาวด์ แพลตฟอร์มออราเคิลสำหรับ SaaS เป็นชุดซอฟต์แวร์โครงสร้างพื้นฐานที่ครบถ้วนสมบูรณ์และผนวกรวมเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน โดยประกอบด้วยฐานข้อมูล มิดเดิลแวร์ และเครื่องมือสำหรับการพัฒนา ซึ่งจะรองรับการพัฒนาบริการ SaaS และ PaaS ระดับองค์กร ทั้งนี้ เทคโนโลยีกริดคอมพิวติ้งของออราเคิลเป็นพื้นฐานสำหรับซอฟต์แวร์โครงสร้างพื้นฐานนี้
7. ถาม: แพลตฟอร์มออราเคิลสำหรับ SaaS คืออะไร?
ตอบ: แพลตฟอร์มออราเคิลสำหรับ SaaS เป็นซอฟต์แวร์โครงสร้างพื้นฐานที่ช่วยให้ผู้พัฒนาสามารถสร้าง ปรับใช้ และจัดการบริการ SaaS และ PaaS ระดับองค์กร โดยออกแบบเป็นพิเศษสำหรับแอพพลิเคชั่นขั้นสูงที่อาจรองรับกระบวนการธุรกิจหลักๆ ขององค์กร Oracle CRM On Demand, Oracle Beehive On Demand และ Oracle Sourcing on Demand คือตัวอย่างของแอพพลิเคชั่น SaaS ที่สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มออราเคิลสำหรับ SaaS และทำงานอยู่ภายในดาต้าเซ็นเตอร์ของออราเคิล แพลตฟอร์มดังกล่าวใช้เทคโนโลยีที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง นั่นคือ Oracle Database, Oracle Fusion Middleware, Oracle Enterprise Manager และ Oracle VM และใช้เทคโนโลยีกริดคอมพิวติ้งของออราเคิล จนถึงปัจจุบัน มีผู้ให้บริการ SaaS และ PaaS กว่า 250 รายที่ปรับใช้แพลตฟอร์มออราเคิลสำหรับ SaaS
ข้อดีที่สำคัญก็คือ ผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์เดียวกันนี้สามารถใช้สำหรับการติดตั้งแอพพลิเคชั่นภายในองค์กร (ระบบคลาวด์ส่วนตัว) รวมถึงการพัฒนา/นำเสนอ SaaS นั่นหมายความว่าองค์กรจะสามารถผนวกรวมกระบวนการธุรกิจที่มีอยู่เข้ากับกระบวนการใหม่ที่ใช้ SaaS พร้อมทั้งรักษาคุณภาพในการให้บริการควบคู่กันไปด้วย และแน่นอน แพลตฟอร์มออราเคิลสำหรับ SaaS มีเสถียรภาพและความปลอดภัยสูง ทั้งยังปรับขนาดได้อย่างยืดหยุ่น มีการผนวกรวมอย่างกลมกลืน และสอดคล้องตามมาตรฐาน
8. ถาม: แพลตฟอร์มออราเคิลสำหรับ SaaS มีความเหมือนหรือแตกต่างอย่างไรจากแพลตฟอร์ม SaaS อื่นๆ?
ตอบ: แพลตฟอร์มออราเคิลสำหรับ SaaS เป็นแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์แบบเปิดที่ครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุดสำหรับการพัฒนา ปรับใช้ และบริหารจัดการแอพพลิเคชั่นสำหรับระบบคลาวด์ทั้งแบบสาธารณะและแบบส่วนตัว โดยส่วนประกอบหลักๆ ได้แก่ โครงสร้างพื้นฐานกริด โครงสร้างการจัดการข้อมูล และสถาปัตยกรรมการบริการ (Service-Oriented Architecture - SOA) รวมถึงสภาพแวดล้อมการพัฒนาและการจัดการระบบ
แพลตฟอร์มออราเคิลสำหรับ SaaS ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษเพื่อให้มีประสิทธิภาพ ความพร้อมใช้งาน และความยืดหยุ่นในการปรับขนาดสูงสุด เพราะผู้ให้บริการคลาวด์สาธารณะจำเป็นที่จะต้องจัดหาสิ่งต่างๆ เหล่านี้ในระดับที่สูงเกินกว่าองค์กรเอกชนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเสียด้วยซ้ำ แพลตฟอร์มดังกล่าวใช้สำหรับโปรแกรมเมอร์ระดับมืออาชีพ และเนื่องจากต้องใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูงสำหรับแอพพลิเคชั่นต่างๆ ดังนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่แอพพลิเคชั่นเหล่านี้จะต้องทำงานบนแพลตฟอร์มแบบเปิดที่ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นสูงสุดสำหรับการปรับเปลี่ยนแพลตฟอร์ม
แพลตฟอร์มอื่นๆ ได้รับการออกแบบสำหรับผู้พัฒนา Rapid Application Development (RAD) ที่ต้องการสร้างกระบวนการธุรกิจที่เรียบง่ายในระดับแผนกหรือในแบบเฉพาะกิจ แพลตฟอร์มเหล่านี้มุ่งเน้นการพัฒนาแอพพลิเคชั่นที่รวดเร็วและเรียบง่ายโดยโปรแกรมเมอร์ทั่วไป และเนื่องจากใช้เงินลงทุนค่อนข้างน้อยสำหรับแอพพลิเคชั่นที่พัฒนาขึ้นบนแพลตฟอร์มเหล่านี้ ดังนั้นจึงมุ่งเน้นที่ความเรียบง่ายเป็นหลักมากกว่าประเด็นเรื่องการโอนย้ายไปยังแพลตฟอร์มอื่น
ความแตกต่างอีกประการหนึ่งก็คือ แพลตฟอร์มออราเคิลสำหรับ SaaS มีลักษณะเปิดกว้าง ในขณะที่แพลตฟอร์มอื่นๆ เช่น Force.com ใช้ API แบบปิดและบังคับให้ลูกค้ารันระบบไว้ในดาต้าเซ็นเตอร์ของ Salesforce.com เท่านั้น
9. ถาม: ใครกำลังใช้แพลตฟอร์มออราเคิลสำหรับ SaaS?
ตอบ: มีผู้ให้บริการ SaaS และ PaaS กว่า 250 รายที่กำลังใช้แพลตฟอร์มออราเคิลสำหรับ SaaS ในดาต้าเซ็นเตอร์ของตนเอง โดยที่หลายๆ รายเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียง ตัวอย่างเช่น:
Adaptive Planning
Ariba
Asknet Inc.
Blackboard
Callidus Software
CashEdge
Click Commerce, Inc.
dthree inc.
EnterConnect Inc.
Intacct Corp.
MAXIMUS, Inc.
OpSource
Perot Systems
Sabrix
Teranode Corp.
Where 2 Get It
Wireless Matrix
Xactly Corp.
10. อ่านข่าวประชาสัมพันธ์
11. ถาม: ออราเคิลเปิดโอกาสให้ลูกค้าเลือกใช้ระบบคลาวด์สาธารณะหรือระบบคลาวด์ส่วนตัวอย่างไรบ้าง?
ตอบ: ออราเคิลช่วยให้องค์กรต่างๆ ใช้เทคโนโลยีของออราเคิลในระบบคลาวด์ส่วนตัวหรือระบบคลาวด์สาธารณะ เช่น Amazon Web Services:
1. Oracle Database 11g, Oracle Fusion Middleware และ Oracle Enterprise Manager ได้รับการสนับสนุนใน Amazon Elastic Compute Cloud (EC2)
2. ลูกค้าสามารถใช้ไลเซนส์ที่มีอยู่หรือซื้อไลเซนส์ใหม่สำหรับผลิตภัณฑ์ของออราเคิล และรันโปรแกรมดังกล่าวในดาต้าเซ็นเตอร์ของตนเองหรือใน Amazon EC2
3. ออราเคิลจัดหาชุด Amazon Machine Images (AMI) โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ เพื่อเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการจัดสรรเวอร์ช่วลแมชชีน (Virtual Machine) บน Amazon EC2 พร้อมด้วยซอฟต์แวร์ของออราเคิลที่ได้รับการกำหนดค่าอย่างสมบูรณ์และพร้อมใช้งานภายในเวลาไม่กี่นาที
4. นอกจากนี้ยังมีการสนับสนุน Oracle Unbreakable Linux สำหรับ Amazon EC2 อีกด้วย
5. ฐานข้อมูลออราเคิลสามารถแบ็คอัพไว้ภายนอกองค์กรที่ Amazon Simple Storage Service (S3) โดยใช้ Oracle Secure Backup ซึ่งผนวกรวมเข้ากับ Oracle Enterprise Manager อย่างกลมกลืน
โปรดทราบว่าออราเคิลไม่ได้ส่งเสริม รับรอง หรือเป็นตัวแทนจำหน่ายบริการ Amazon Web Service ออราเคิลขอแนะนำให้ลูกค้าทำความเข้าใจเกี่ยวกับบริการ Amazon Web Services โดยละเอียด ก่อนที่จะใช้ผลิตภัณฑ์และบริการใดๆ ของออราเคิล เรามีจุดมุ่งหมายเพื่อขยายบริการคลาวด์ในปัจจุบันและอนาคตไปสู่ผู้จำหน่ายเทคโนโลยีคลาวด์อื่นๆ การตัดสินใจเกี่ยวกับแพลตฟอร์มที่เราจะสนับสนุนในอนาคต รวมถึงกรอบเวลาที่เกี่ยวข้อง จะขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้า
12. ถาม: ออราเคิลจะช่วยให้ลูกค้าสร้างและจัดการระบบคลาวด์ส่วนตัวได้อย่างไร?
ตอบ: สำหรับองค์กรที่สร้างระบบคลาวด์ส่วนตัว ออราเคิลจัดหาเทคโนโลยีกริดคอมพิวติ้งที่ครบถ้วนสมบูรณ์สำหรับฐานข้อมูล มิดเดิลแวร์ และสตอเรจแบบเวอร์ช่วลไลซ์และคลัสเตอร์ รวมถึงซอฟต์แวร์ด้านการจัดการโครงสร้างพื้นฐานและกริด เทคโนโลยีกริดคอมพิวติ้งดังกล่าวจะทำให้ระบบคลาวด์ส่วนตัวนำเสนอคุณประโยชน์ได้เทียบเท่ากับระบบคลาวด์สาธารณะ:
1. ประสิทธิภาพสูง รองรับการใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่
2. ขยายขนาดของระบบได้อย่างยืดหยุ่น รองรับการคิดค่าใช้จ่ายตามปริมาณการใช้งานจริง
3. บริการคุณภาพสูง (ความพร้อมใช้งานสูง คาดการณ์ประสิทธิภาพที่ระดับต่างๆ)
4. ความยืดหยุ่น/ความคล่องตัวสูง (ตอบสนองระดับเวิร์กโหลดสูงสุด การขยายตัว การปรับใช้แอพพลิเคชั่นใหม่ๆ และการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีอื่นๆ)
สำหรับการจัดการระบบคลาวด์ ออราเคิลนำเสนอ Oracle VM และ Oracle Enterprise Manager โดย Oracle VM ทำให้สามารถสร้างและปรับใช้เทมเพลต Oracle VM ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว (ซอฟต์แวร์อิมเมจที่ติดตั้งและกำหนดค่าไว้ล่วงหน้า) Oracle Enterprise Manager ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถจัดสรรทรัพยากรไอทีแบบออนดีมานด์ได้อย่างยืดหยุ่น รวมทั้งตรวจสอบและจัดการโครงสร้างพื้นฐานแบบกริดจากระบบส่วนกลาง รวมถึงการจัดการระดับบริการและประสบการณ์ของผู้ใช้
การแสดงนวัตกรรมของออราเคิลตลอดช่วงระยะเวลากว่า 32 ปีที่ผ่านมา ออราเคิลได้สร้างสรรค์นวัตกรรมทางด้านเทคโนโลยีเพื่อปรับปรุงการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง หากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคโนโลยีล่าสุดของออราเคิล โปรดเยี่ยมชมส่วนจัดแสดงนวัตกรรม (Innovation Showcase) ในช่วงเวลา 100 วันก่อนงานประชุมและจัดแสดงเทคโนโลยี Oracle OpenWorld และดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ oracle.com/innovation
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อได้ที่:
สิริพร ศุภรัชตการ สุชาย เฉลิมธนศักดิ์
ออราเคิล คอร์ปอเรชั่น ประเทศไทย) จำกัด( พีซี แอนด์ แอสโซซิเอทส์ คอนซัลติ้ง จำกัด
โทรศัพท์: (0) 2696 8072 (0) 2971 3711
siriporn.suparuchatakarn@oracle.com suchai@pc-a.co.th