กรุงเทพฯ--20 เม.ย.--เมืองไทยประกันภัย
เมืองไทยประกันภัย โชว์ศักยภาพเปิด “ศูนย์บริการลูกค้า Customer Service Center : CSC” ชูจุดเด่นบริการรวดเร็ว สะดวก ทันใจ ในรูปแบบ “One Stop Service” ที่ให้บริการครบวงจรทั้งด้าน Customer Service และ Claim Service มั่นใจกวาดเบี้ยประกันภัยทั้งปีถึง 2,127 ล้านบาท โตกว่า 19%
นางนวลพรรณ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เปิดตัว “ศูนย์บริการลูกค้า Customer Service Center : CSC” นับเป็นการเพิ่มช่องทางการให้บริการอีกรูปแบบหนึ่ง เพื่อสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าผู้เอาประกัน และตัวแทนให้มากที่สุด เน้นรูปแบบ One Stop Service ด้วยการให้บริการที่รวดเร็ว สะดวก และทันใจ ทั้งนี้เปิดให้บริการแห่งแรก ณ ชั้น 1 อาคาร 2 เมืองไทย-ภัทรคอมเพล็กซ์ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ศูนย์บริการลูกค้า CSC นี้ จะมุ่งเน้นความทันสมัย สะดวกสบาย และความคล่องตัวให้แก่ลูกค้าผู้เข้ามาใช้บริการภายใน CSC โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก คือ ส่วนที่ 1 Counter Service ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ผู้ชำนาญการประกันภัยให้การต้อนรับ ตอบข้อซักถาม และให้คำปรึกษาด้านข้อมูลประกันภัย รวมถึงการติดต่อประสานงานกับฝ่ายต่างๆ นอกจากนี้บริษัทฯ ได้จัดให้มุมที่เรียกว่า มุมส่วนตัว Personal Conner เพื่อให้ลูกค้าที่มาใช้บริการสามารถเข้ามาเช็คข้อมูลส่วนตัวโดยผ่านระบบคอมพิวเตอร์ของบริษัทฯ เช่น การชำระเบี้ย และรายละเอียดต่างๆ ของกรมธรรม์
สำหรับในส่วนที่ 2 Claim Service การบริการด้านการเคลมรถยนต์โดยมีศูนย์รับแจ้งอุบัติเหตุ 24 ชั่วโมงผ่านระบบโทรศัพท์ Call Center 1484 ทั้งนี้บริษัทฯจะทำหน้าที่ในการประสานงานระหว่างลูกค้า และอู่คู่สัญญา รวมทั้งการนำระบบ e-claim เข้ามาเพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการให้บริการเคลมรถยนต์ ตลอดจนลดปัญหาด้านความปลอดภัยให้แก่ลูกค้าอีกทางหนึ่ง
“การเปิดให้บริการ CSC นับเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดประการหนึ่ง ในการเน้นความสำคัญด้านบริการ และอำนวยความสะดวกสบายแก่ลูกค้า พร้อมทั้งยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีแก่ลูกค้าผู้เอาประกันด้วยความใกล้ชิดเพิ่มมากขึ้น ด้วยเจ้าหน้าที่ที่มีความสามารถ และประสบการณ์ในด้านธุรกิจประกันภัยเป็นอย่างดี” นางนวลพรรณ กล่าว
ทั้งนี้ ภายหลังจากที่ได้มีการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์เมื่อกลางปี 2548 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้มีการสร้างสรรค์รูปแบบบริการ และกรมธรรม์รูปแบบใหม่ๆ มาโดยตลอด ส่งผลให้บริษัทฯ ได้ถูกจัดอันดับขึ้นเป็นบริษัทชั้นนำของประเภทธุรกิจประกันวินาศภัยอันดับที่ 8 จาก Brand Age นิตยสารการตลาดชั้นนำ และผลการดำเนินในปี 2548 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิก่อนหักภาษี 147 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 133.33% และมีกำไรสุทธิหลังหักภาษี 103 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 128.89% จากปี 2547 โดยบริษัทฯ มีเบี้ยประกันภัยรวมทั้งสิ้น 1,921 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.50% ดังนั้นจึงทำให้บริษัทฯ มีเบี้ยประกันอัคคีภัย, ภัยทางทะเล และภัยเบ็ดเตล็ด เท่ากับ 824 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.01% จากปี 2547 ในส่วนของเบี้ยประกันภัยรถยนต์ บริษัทฯ มีเบี้ย 1,097 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.84%
สำหรับแผนงานของบริษัทฯ ในปี 2549 ได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตที่ 19 % หรือเบี้ยประกันภัยรับ 2,127 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นสัดส่วนเบี้ยประกันภัยรถยนต์ (Motor)ในสัดส่วน 58 % และเบี้ยประกันภัยในประเภทอื่น (Non-Motor) ในสัดส่วน 42 % พร้อมกันนี้มีแผนที่จะรุกขยายผลงานผ่านช่องทางใหม่ ทั้งในรูปแบบของ Bancassurance และ e commerce
ส่วนผลการดำเนินงานในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมานั้น กล่าวได้ว่า บริษัทฯมีผลการดำเนินงานที่ก้าวกระโดยดูได้จากเบี้ยประกันภัยรับรวม 485 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 16 % สามารถแยกเป็นสัดส่วนตามแบบประกันภัย โดยเบี้ยประกันภัยเบ็ดเตล็ด 107 ล้านบาท เบี้ยประกันภัยรถยนต์ 315 ล้านบาท เบี้ยประกันอัคคีภัย 51 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยทางทะเล 11 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไร 83. ล้านบาท (ก่อนหักภาษีเงินได้) เพิ่มขึ้นถึง 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไร (ก่อนหักภาษีเงินได้) 64 ล้านบาท
“ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาในช่วง 3 เดือน นับเป็นตัวเลขที่น่าพอใจระดับหนึ่ง และคาดว่าในสิ้นปี 2549 จะสามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างแน่นอน” นางนวลพรรณ กล่าว
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
โสภี ฉวีวรรณ (กบ)
0-9145-4295