กรุงเทพฯ--22 ก.พ.--พพ.
พพ. มั่นใจ ทิศทางส่งเสริมการลงทุนพลังงานทดแทน และอนุรักษ์พลังงานมาถูกทาง เผย ยอดโครงการที่ได้รับการสนับสนุนผ่านบีโอไอแล้ว ร่วม 42 โครงการ มูลค่า 8,514 ล้านบาท เกิดผลประหยัดพลังงานช่วยชาติ 2,387 ล้านบาทต่อปี
นายไกรฤทธิ์ นิลคูหา อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เปิดเผยว่า กระแสการตอบรับ ปีแห่งการลงทุนพลังงานทดแทนและการประหยัดพลังงาน ที่ พพ. ได้ประกาศไว้เมื่อช่วงต้นปี 2553 ขณะนี้เริ่มเห็นผลชัดเจนยิ่งขึ้น โดยปัจจุบันจากตัวเลขโครงการที่ขอรับการสนับสนุนจาก คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ ที่ได้ร่วมกับ พพ. เพื่อกระตุ้นการลงทุนให้แก่ผู้ประกอบการกิจการพลังงานทดแทน และการประหยัดพลังงานซึ่งได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2548 พบว่า มีจำนวนโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจาก พพ. และบีโอไอ รวมแล้วทั้งสิ้น 42 โครงการ มูลค่าการลงทุน 8,514 ล้านบาท และก่อให้เกิดผลการประหยัดงานได้ 2,387 ล้านบาทต่อปี
ด้านรายละเอียดโครงการที่ได้ให้การสนับสนุน ได้แก่ การส่งเสริมการลงทุนในกิจการที่เกี่ยวกับการผลิตเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ประหยัดพลังงานหรืออุปกรณ์ซึ่งใช้พลังงาน จำนวน 14 โครงการ อาทิ บริษัท ไทย รีนิวเอเบิล เอ็นจีเนียริ่ง จำกัด เครื่องจักรที่ขอสนับสนุนได้แก่ เครื่องกำเนิดไฟฟ้าพลังงานลม พร้อมชุดควบคุม บริษัท ไทยสโตเรจ แบตเตอรี่ จำกัด (มหาชน) เครื่องจักรที่ขอสนับสนุน ได้แก่ แบตเตอรี่สำหรับชุดพลังงานแสงอาทิตย์ เป็นต้น
การส่งเสริมการลงทุนในกิจการด้านจัดการพลังงาน (ESCO) จำนวน 18 โครงการ อาทิ โครงการผลิตไฟฟ้าจากความร้อนทิ้ง บริษัทอนุรักษ์พลังงานซีเมนต์ไทย จำกัด โครงการอนุรักษ์พลังงานภายในโรงพยาบาล บริษัทเอ็กซ์เซ็ลเล้นท์ เอ็นเนอร์ยี่ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เป็นต้น และการยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักรที่ใช้เพื่อการประหยัดพลังงาน จำนวน 10 โครงการ อาทิ อุปกรณ์ระบบโคเจนเนเรชั่น ของบริษัทอายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย)จำกัด เครื่องผลิตไอน้ำ ของบริษัทเทยิน โพลีเอสเตอร์ จำกัด และเครื่องอัดเมลามิน ของบริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด(มหาชน) เป็นต้น
“กระแสการตอบรับจากภาคเอกชน ที่มีต่อปีแห่งการลงทุนพลังงานทดแทนและการประหยัดพลังงาน ในปี 2553 นี้ ชี้ให้เห็นว่าทิศทางการส่งเสริมจากภาครัฐ ในการผลักดันการลงทุนพลังงานทดแทนและการประหยัดพลังงานมาถูกทาง พพ. จึงเชื่อมั่นว่าจะมียอดโครงการขอรับการสนับสนุนมากยิ่งขึ้น และจะมียอดการลงทุน ที่จะช่วยให้ประเทศชาติประหยัดพลังงานในภาพรวมมากยิ่งขึ้นเช่นกัน” นายทวารัฐกล่าว