iTAP เผยผลวิจัย “โวลก้า” น้ำยาล้างเครื่องซักผ้า ช่วยยับยั้งเชื้อโรค ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม

ข่าวทั่วไป Monday February 22, 2010 16:29 —ThaiPR.net

Bangkok--22 Feb--สวทช. เชื่อว่าหลายคนอาจจะไม่เคยทราบมาก่อนว่า ‘เครื่องซักผ้า’ สิ่งอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันของเรานั้นต้องการการบำรุงรักษาและทำความสะอาดเช่นเดียวกันกับการถนอมเสื้อผ้าให้ดูใหม่ สะอาด กลิ่นหอมสดชื่น และปลอดภัยจากเชื้อโรค แต่เชื่อหรือไม่ว่าการเลือกซื้อผงซักฟอกและน้ำยาปรับผ้านุ่มที่ให้กลิ่นหอมและสามารถขจัดคราบลึกในเนื้อผ้านั้นยังไม่เพียงพอต่อความสะอาดและปลอดภัยจากเชื้อจุลินทรีย์อย่างแท้จริง เพราะหากใช้เครื่องซักผ้าเป็นเวลานานโดยไม่เคยผ่านการทำความสะอาด เครื่องซักผ้าจะกลายเป็นแหล่งหมักหมมของเชื้อโรคชนิดต่างๆ โดยที่เราไม่รู้ตัว ห้างหุ้นส่วนจำกัด โวลก้า มาร์เก็ตติ้ง นิติบุคคลในเครือของห้างหุ้นส่วนจำกัดคลองยาง มี นายปัญญา สุริยะฉายในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการ ได้เล็งเห็นความสำคัญในเรื่องนี้ จึงได้ขอเข้ารับความช่วยเหลือด้านเงินทุนและขอสนับสนุนผู้เชี่ยวชาญคือ ดร.รัชฏาพร อุ่นศิวิไลย์ สาขาวิชาเทคโนโลยีอาหาร สำนักวิชาเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ตามโครงการ “การศึกษาประสิทธิภาพของน้ำยาล้างเครื่องซักผ้า” จาก โครงการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมไทย (iTAP) เครือข่ายมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) ภายใต้ศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี (TMC) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) นายปัญญา เปิดเผยว่า บริษัทได้ให้ความไว้วางใจต่อโครงการ iTAP เป็นอย่างมาก เนื่องจากเมื่อปลายปี 2550 ทางบริษัทเคยขอรับความช่วยเหลือในโครงการ “การปรับปรุงคุณสมบัติของแผ่นซีเมนต์ผสมพัมมิซเพื่องานก่อสร้าง” มาแล้ว ครั้งนี้ก็เช่นกันเราได้คิดค้นสูตรน้ำยาทำความสะอาดเครื่องซักผ้าโวลก้าขึ้นมา โดยให้ทาง iTAP ทำการวิจัยเกี่ยวกับผลกระทบต่อผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อมว่าสามารถฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ที่ฝังเน้นอยู่ในเครื่องซักผ้าได้หรือไม่ และน้ำทิ้งจะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ ผลการทำงานปรากฏว่า น้ำยาโวลก้า สามารถทำความสะอาดเครื่องซักผ้าได้ 100 % สำหรับเครื่องซักผ้าใหม่ ในขณะเดียวกันเครื่องซักผ้าเก่าที่ผ่านการใช้งานมาแล้วหลายปีนั้น น้ำยาโวลก้าจะค่อยๆ เข้าไปทำความสะอาดและขจัดคราบสกปรกในตัวถังได้ในระดับที่น่าพอใจ สำหรับจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเครื่องซักผ้าโวลก้า คือ ผลิตจากวัตถุดิบที่มาจากธรรมชาติ 100 % เช่น ขี้เถ้าแกลบ ซึ่งเป็นเศษวัสดุเหลือใช้จากโรงสีข้าวที่เรามีอยู่เป็นจำนวนมาก ส่วนหนึ่งทางบริษัทได้ส่งออกไปจำหน่ายยังประเทศเยอรมันนี ส่วนที่เหลือจากการส่งออกจึงถูกนำมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเครื่องซักผ้าที่มีคุณภาพไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ช่วยขจัดกลิ่นอับของเสื้อผ้า เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ของผงซักฟอกและน้ำยาปรับผ้านุ่ม ขจัดคราบสิ่งสกปรกที่มีการตกค้างในเครื่อง ยึดอายุการใช้งานเครื่องซักผ้า ลดความเสียหายจากการถอดล้างเครื่องซักผ้า นางสาวกัญญาภัค โพธิ์แดง ที่ปรึกษาฝ่ายการตลาดและขาย กล่าวว่า ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังไม่คำนึงถึงความสกปรกที่สะสมอยู่ข้างในตัวถังเครื่องซักผ้าซึ่งเราไม่มองเห็นด้วยสายตา เพราะส่วนมากเราจะทำความสะอาดคราบสกปรกด้านนอกตัวเครื่อง และมักคิดว่าผงซักฟอกกับน้ำยาปรับผ้านุ่มสามารถทำความสะอาดถังซักผ้าได้ในตัว ตรงนี้น่าจะต้องมีการสร้างความเข้าใจใหม่ให้กับผู้บริโภค เพราะในความจริงแล้วคราบสกปรกต่างๆ จะฝังอยู่ภายในตัวถังปั่นซึ่งเราจะมองไม่เห็น จนกว่าจะเรียกช่างมาแกะเครื่องทำความสะอาดในราคาค่าบริการครั้งละ 800 บาทเป็นอย่างต่ำ และอาจต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากการเปลี่ยนอะไหล่ บางครั้งเครื่องซักผ้าที่ถูกประกอบขึ้นใหม่ก็อยู่ในสภาพไม่พร้อมใช้งาน “หากเคยสังเกตจะเห็นเสื้อผ้าที่เพิ่งซักเสร็จจะมีคราบขุยหรือคราบเหนียวจับตัวเป็นก้อนติดอยู่ เสื้อผ้าเองก็มีกลิ่นอับชื้นไม่สดชื่น ซึ่งส่วนใหญ่เราจะคิดว่าเป็นคราบที่เกิดจากน้ำยาปรับผ้านุ่มหรือผงซักฟอก ทั้งที่จริงแล้วคราบดังกล่าวเกิดจากเศษสกปรกที่หมักหมมอยู่ภายในถังปั่นได้ไหลออกมาปะปนขณะที่น้ำกำลังไหลเข้าออกตัวเครื่องซักผ้า อย่างไรก็ตาม จากการทดลองทำความสะอาดเครื่องซักผ้าเก่าด้วยน้ำยาตัวดังกล่าว พบว่า น้ำยาไม่ได้เข้าไปทำลายเนื้อผ้าแต่อย่างใด แต่กลับช่วยทำให้ผ้าที่เคยซักแล้วมีกลิ่นเหม็นอับชื้นหมดไป” นางสาวกัญญาภัค เปิดเผยอีกว่า น้ำยาทำความสะอาดเครื่องซักผ้าถือถึงแม้ว่าจะไม่ใช่สินค้าใหม่ในท้องตลาด แต่เรียกได้ว่าเป็นน้ำยาที่ผลิตโดยคนไทยรายแรก ทั้งนี้เนื่องจากผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเครื่องซักผ้าที่พบเห็นในท้องตลาดทั่วไปจะเป็นสินค้านำเข้ามาจากต่างประเทศ ลักษณะจะเป็นก้อนและเป็นผงทำให้คุณสมบัติในการย่อยสลายทำได้ยากกว่าชนิดน้ำ อีกทั้งยังมีส่วนประกอบของสารเคมีด้วย ดร.รัชฏาพร อุ่นศิวิโลย์ เปิดเผยผลการวิจัยว่า จากการสุ่มตรวจหาเชื้อจุลินทรีย์ในเครื่องซักผ้าเก่าพบเชื้อจุลินทรีย์หลัก ๆ ได้แก่ เชื้อจุลินทรีย์ชนิด Escherichia Coli และ Staphylococcus aureus เชื้อยีสต์ และ เชื้อรา จึงได้เลือกทดสอบประสิทธิภาพของน้ำยาล้างเครื่องซักผ้าโวลก้าต่อการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ที่สำรวจพบดังกล่าวซึ่งเป็นจุลินทรีย์กลุ่มที่ก่อให้เกิดโรคในคน อย่างไรก็ดีจากการทดลองในห้องปฏิบัติการพบว่าน้ำยาล้างเครื่องซักผ้าโวลก้านั้นมีผลยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ทั้ง 2 ชนิดที่มีปริมาณเชื้อจุลินทรีย์เริ่มต้นที่ระดับ 105 cfu/mL เมื่อมีความเข้มข้นของน้ำยาล้างเครื่องซักผ้าต่ำสุด 2% (v/v) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังตรวจวัดคุณสมบัติของน้ำที่ผ่านการทำความสะอาดเครื่องซักผ้า พบว่าค่า Biochemical Oxygen Demand (BOD) และ Chemical Oxygen Demand (COD) มีระดับไม่เกินค่ามาตรฐานน้ำทิ้งจากอาคารบางประเภทและบางขนาดตามความในมาตรา 55 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 แสดงให้เห็นว่าสารเคมีในน้ำยาทำความสะอาดเครื่องซักผ้าไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมและไม่ทำลายเส้นใยของเนื้อผ้าอีกด้วย สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจ ขอรับความช่วยเหลือจากโครงการ iTAP (สวทช.)ติดต่อได้ที่ (ส่วนกลาง) โทร.02-564-7000 ต่อ โครงการ iTAP หรือที่เว็บไซต์ www.tmc.nstda.or.th/itap , (เครือข่าย iTAP-มทส.) โทร.044-224-422

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ