กรุงเทพฯ--23 ก.พ.--เอ็นจอย คอมมูนิเคชัน
แม้จะเป็นหน่วยเล็กๆ ในสังคม แต่ “ครอบครัว” ถือเป็นอีกสถาบันหนึ่งที่ทุกคนต่างตระหนักถึงคุณค่า และให้ความสำคัญกับกิจกรรมต่างๆ ที่คนภายในครอบครัวจะทำร่วมกัน เพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์ รวมทั้งเพิ่มความรัก ความอบอุ่น ให้เกิดขึ้นระหว่างสมาชิก ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ครอบครัวมีความเข้มแข็งยิ่งๆ ขึ้น
กิจกรรม “การเรียนหนังสือ” ก็เป็นอีกรูปแบบที่สามารถเพิ่มความรัก และความอบอุ่นให้แก่ครอบครัวได้ไม่แพ้กับกิจกรรมอื่นๆ ดังจะเห็นได้จากครอบครัว “เลิศกมลกาญจน์” ที่พ่อ แม่ และลูกชาย ชักชวนกันเรียนต่อในระดับปริญญาตรี ที่มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) จนประสบความสำเร็จคว้าปริญญาบริหารธุรกิจบัณฑิตใบแรกได้พร้อมกันทั้ง 3 คน และเพิ่งเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร จ ากสมเด็จ พระบรม โอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมารฯ ไปเมื่อเร็วๆ นี้
บัณฑิตใหม่ครอบครัว เลิศกมลกาญจน์ ประกอบด้วย นายวิวัฒน์ อายุ 56 ปี บิดา นางประมวล อายุ 54 ปี มารดา และนายวรณัฐ อายุ 26 ปี ลูกชายคนโต ทั้ง 3 คน ตัดสินใจเข้าศึกษา ต่อระดับปริญญาตรี สาขาวิชาวิทยาการจัดการ หลักสูตรบริหารธุรกิจ เมื่อปี 2548 เพราะเห็นตรงกันว่า ความรู้เป็นสิ่งสำคัญ และสามารถนำมาพัฒนาต่อยอดธุรกิจค้าขายเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทำอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ จนสำเร็จการศึกษาในปี 2551 ทั้งที่ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสได้เข้าเรียนต่อในระดับปริญญาตรี
“วรณัฐ” บอกเล่าที่มาของการเข้าศึกษาต่อในครั้งนี้ว่า แม่เป็นคนจุดประกายเรื่องนี้ เพราะท่านคิดว่าหากที่บ้านไม่ได้มีธุรกิจค้าขายแล้วเกรงว่าลูกชายจะไม่มีงานทำเพราะไม่มีวุฒิการศึกษาเลยเสนอให้ผมไปเรียนต่อที่ มสธ. และก็เรียนเสริมด้านแอนนิเมชั่นควบคู่ไปด้วย แต่เนื่องจากมสธ.ไม่ต้องเข้าห้องเรียน ไม่จำกัดอายุ แม่กับพ่อจึงอยากเรียนบ้างเลยชวนกันลงเรียนต่อด้วยกัน
“การเรียนกับครอบครัวรู้สึกดี ชอบ ไม่เขิน เพราะจะได้มีเพื่อนช่วยกันเรียน ช่วยกันคิด และสนุกกับการแข่งกันเองในครอบครัวด้วย แม้จะต้องช่วยพ่อแม่ดูแลร้าน แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการเรียน เพราะเราใช้เวลาช่วงกลางคืนหลังปิดร้านมาทบทวนดูหนังสือ บางครั้งชวนกันมานั่งติววิเคราะห์ข้อสอบตามความถนัดของแต่ละคน โดยแม่จะเป็นตัวหลักในการที่จะเลือกวิชาลงทะเบียน คอยเตือนพ่อและลูกให้ขยันอ่านหนังสือ ทำแบบฝึกหัด และเป็นผู้ทบทวนในรายวิชาที่แม่ถนัด ” วรณัฐ กล่าว
และเขายังฝากบอกถึงเพื่อนๆ และคนที่สนใจอยากจะเรียนว่า การเรียนถือเป็นสิ่งสำคัญ อย่าปล่อยโอกาสหรือเวลาให้ล่วงเลยโดยเปล่าประโยชน์ เพราะปัจจุบันโลกมันเปลี่ยนแปลงไปมาก เราจึงต้องใฝ่คว้าหาความรู้ใหม่ๆ ให้กับตัวเองอยู่เสมอ เพื่อให้ก้าวทันโลก
ด้านคุณแม่ประมวล เล่าถึงความผูกพันในครอบครัวหลังจากที่ได้ทำกิจกรรมการเรียนร่วมกันว่า ปกติเราก็ผูกพันกันอยู่แล้ว แต่เมื่อได้เข้ามาเรียนด้วยกันยิ่งทำให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น เพราะเราจะใช้เวลากลางคืนหลังจากขายของเสร็จดูหนังสือด้วยกัน นั่งคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ ก่อให้เกิดความรัก ความอบอุ่นโดยไม่รู้ตัว ที่สำคัญทำให้เรามีความสุขและสนุกกับการเรียน เวลาไปทำกิจกรรมที่ต้องพบปะเพื่อนร่วมชั้น รู้สึกตื่นเต้น เพราะมีแต่รุ่นลูกๆ เสมือนกับการย้อนยุคไปในสมัยวัยเรียนอีกครั้ง
“ความรู้ที่ได้มามีค่ามาก สามารถนำไปใช้กับธุรกิจได้โดยตรง ทั้งเรื่องภาษีอากร การจัดสต๊อกสินค้า การบริหารจัดการ จึงถือเป็นการเลือกเดินที่ถูกทาง หลังจากนี้ก็มีแผนที่จะเรียนต่อในสาขารัฐประศาสนศาสตร์ ส่วนลูกชายก็มีแผนเรียนต่อระดับปริญญาโททางด้านบริหาร เราภูมิใจกับความสำเร็จครั้งนี้ เพราะนี่เป็นปริญญาใบแรกในชีวิตของพวกเรา”
ขณะที่คุณพ่อวิวัฒน์ เล่าประสบการณ์ตลอดระยะเวลาการเป็นนักศึกษาในมสธ.ว่า ก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสได้เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรเหมือนกับคนอื่นเขา เพราะเราอายุมากแล้ว และต้องทำงานหาเลี้ยงครอบครัวคงไม่มีที่จะเรียน แต่เมื่อได้เข้ามาที่มสธ. ทำให้เรารู้ว่าสถาบันแห่งนี้เปิดโอกาสทางการศึกษาให้กับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ทำให้ตัวเองมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง และที่นี่ทุกคนให้ความกันเอง มีมิตรภาพที่ดีมาก จึงไม่รู้สึกอายที่จะต้องมานั่งเรียนกับรุ่นลูกรุ่นหลาน
“อายุไม่ใช่อุปสรรคอีกต่อไป การได้มาเรียนร่วมกันถือเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราได้ทำกิจกรรมร่วมกัน และมีเวลาพูดคุยกันเยอะมากขึ้น สมองยังได้พัฒนาอยู่ตลอดเวลา ทั้งยังช่วยกระชับความสัมพันธ์ในครอบครัวได้เป็นอย่างดี จึงอยากเชิญชวนครอบครัวอื่นๆ ได้ทดลองลงเรียนดู แล้วจะรู้ว่าคุ้มค่าจริงๆ ซึ่งค่าใช้จ่ายในการเรียนก็ค่อนข้างถูกมาก เมื่อเทียบกับมหาวิทยาลัยอื่นๆ ”
การเรียนที่ มสธ.จะต่างจากมหาวิทยาลัยทั่วไป เพราะที่นี่ต้องใฝ่คว้า และขวนขวายความรู้ต่างๆ ด้วยตัวเอง ทำให้คนส่วนใหญ่คิดว่ามหาวิทยาลัยแห่งนี้เข้าง่ายออกยาก แต่สำหรับสมาชิกของครอบครัวนี้กลับมองเป็นจุดต่างที่ทำให้พวกเขาต้องตั้งใจ พยายาม และขยันอ่านหนังสือให้มากขึ้น จนในที่สุดก็สำเร็จการศึกษาพร้อมกันทั้ง 3 คน ภายในระยะเวลาตามที่หลักสูตรกำหนด
…เหล่านี้เป็นประสบการณ์ตรงของครอบครัว “เลิศกมลกาญจน์” ที่ได้รับจากการเข้าศึกษาต่อที่ มสธ. นับเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ดีของสังคมไทย เพราะนอกจากจะได้ความรู้มาเพิ่มพูนให้กับทุกคนแล้ว ยังช่วยกระชับความสัมพันธ์ในครอบครัวได้เป็นอย่างดีอีกด้วย จึงถือเป็นกิจกรรมอีกรูปแบบหนึ่งที่รอให้ครอบครัวอื่นๆ ลองมาสัมผัสกัน แล้วจะรู้ว่าการเรียนหนังสือมีอะไรดีๆ มากกว่าที่คิด!!!