กรุงเทพฯ--24 ก.พ.--ปตท.
นายวิทยา หวังจิตรารักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่การตลาดขายปลีก หน่วยธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องจากช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว จากความกังวลต่อสถานการณ์ทางการเงินของกรีซที่เริ่มผ่อนคลายลง ประกอบกับสถานการณ์การประท้วงของพนักงานโรงกลั่นในฝรั่งเศสที่ส่อเค้ายืดเยื้อ รวมถึงความกังวลต่อโครงการพัฒนานิวเคลียร์ของอิหร่านที่กำลังเป็นชนวนความขัดแย้งระหว่างอิหร่านและนานาประเทศ ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบดูไบที่ตลาดสิงคโปร์ เมื่อวานนี้ ปรับตัวขึ้น 1.68 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล มาอยู่ที่ 76.38 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล น้ำมันสำเร็จรูปเบนซิน 95 ปิดที่ 89.76 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 2.12 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ปิดที่ 86.21 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 2.64 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
จากการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันสำเร็จรูปตลาดสิงคโปร์ดังกล่าว ส่งผลให้ค่าการตลาดน้ำมันทุกผลิตภัณฑ์ลดต่ำลงอย่างมาก โดยในกลุ่มดีเซล ค่าการตลาดเมื่อเช้านี้ เหลืออยู่เพียง 91 สตางค์/ลิตร ส่วนกลุ่มเบนซิน เหลือเพียง 89 สตางค์/ลิตร เท่านั้น ปตท. จึงจำเป็นต้องปรับราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิด (เว้น E85) ขึ้น 60 สตางค์/ลิตร ส่งผลให้ราคาขายปลีกในเขต กทม. และปริมณฑล ตั้งแต่วันนี้ (24 ก.พ. 53) เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป ราคาเป็นดังนี้
หน่วย : บาท/ลิตร
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 (พีทีที E85 พลัส) 18.72
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 (พีทีที E20 พลัส) 31.04
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 (พีทีที แก๊สโซฮอล์ พลัส 95) 33.34
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 (พีทีที แก๊สโซฮอล์ พลัส 91) 31.84
น้ำมันเบนซิน 91 (พีทีที อัลฟา เอ็กซ์ 91) 36.94
น้ำมันไบโอดีเซล (พีทีที B5 พลัส) 27.49
น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (พีทีที เดลต้า เอ็กซ์) 28.69
นายวิทยา เพิ่มเติมว่า แนวโน้มราคาน้ำมันในระยะนี้ยังคงมีความผันผวนตามปัจจัยรายวัน ซึ่งขอให้ผู้บริโภควางแผนการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า รวมถึงการหันมาใช้พลังงานทดแทนทั้งแก๊สโซฮอล์และไบโอดีเซล ซึ่งนอกจากจะเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายส่วนตัวลดลงแล้ว ยังมีส่วนช่วยให้เงินทองหมุนเวียนอยู่ภายในประเทศ โดยกระจายกลับสู่พี่น้องเกษตรกร และยังเป็นการลดการพึ่งพาพลังงานจากต่างประเทศอีกด้วย
ฝ่ายสื่อสารองค์กร ปตท.
โทรศัพท์ 0 2537 2164
โทรสาร 0 2537 2171