กรุงเทพฯ--24 ก.พ.--อาร์ค เวิลดไวด์
แม้กระแสโลกร้อนจะไม่ใช่เรื่องใหม่ในสายตาของใครหลายคน แต่ก็จัดได้ว่า โลกร้อนคือประเด็นร่วมสมัยที่ ทั่วโลกยังคงให้ความสำคัญและร่วมกันสรรหานานาวิธีเพื่อแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง
แนวคิดหนึ่งเพื่อช่วยลดภาวะโลกร้อน คือ การเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับโลกใบนี้ ซึ่งอาจดูเป็นเรื่องไกลตัวและ หาโอกาสทำได้ยากนักสำหรับชีวิตเยาวชนรุ่นใหม่ในสังคมเมืองที่วุ่นวาย หากแต่ว่า ถ้าสามารถทำกันได้ ย่อมหมายถึง คำตอบของการลดโลกร้อนได้อย่างยั่งยืน
หนึ่งกิจกรรมในการเพิ่มพื้นที่สีเขียวที่เด็กๆ และเยาวชนคนรุ่นใหม่สามารถทำได้ไม่ยาก ทั้งยังเป็นกิจกรรมสนุกสนานที่ได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ คือ การร่วมปลูกป่าชายเลน เพราะป่าชายเลนเป็นแหล่งดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หนึ่งในตัวการสำคัญของภาวะเรือนกระจก นอกจากนี้ ป่าชายเลนยังเป็นที่สำหรับอนุบาลสัตว์น้ำ ซึ่งเป็นแหล่งอาหารของมนุษย์ อีกทั้งเป็นแนวป้องกันคลื่นลม คลื่นทะเล และป้องกันชายฝั่งพังทลาย แต่ในปัจจุบัน ป่าชายเลนกลับเสื่อมโทรมและถูกทำลายมากขึ้นจากน้ำมือมนุษย์และธรรมชาติ โดยป่าชายเลนหลายพื้นที่กำลังหดหายไปเรื่อยๆ บ้างก็กลายสภาพเป็นโคลนเลน และถูกกลืนเป็นผืนน้ำทะเล
ดังนั้น สยาม โอเชี่ยน เวิร์ล กรุงเทพ อุทยานสัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการลดโลกร้อนอย่างยั่งยืนด้วยการให้ความรู้พร้อมกิจกรรมรณรงค์ให้เยาวชนไทยเห็นคุณค่าและร่วมมือกันฟื้นฟูป่าชายเลน โดยพาน้องๆ และเจ้าหน้าที่ จำนวน 30 คน จากองค์การเฟรนด์อินเตอร์เนชั่นแนลที่ชนะการประกวดการเขียนเรียงความและวาดภาพในหัวข้อ “อนาคตของฉันที่ฝันอยากจะเป็น” ไปร่วมกิจกรรมปลูกป่าชายเลนกับพนักงานของสยาม โอเชี่ยน เวิร์ล เพื่อเป็นรางวัลแก่ผู้ชนะ ในวันเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 ณ โรงเรียนพันท้ายนรสิงห์วิทยา จังหวัดสมุทรสาคร โดยเป็นการนำต้นกล้าโกงกางที่เพาะในสยาม โอเชี่ยน เวิร์ล ไปปลูกในธรรมชาติจริง ซึ่งถือได้ว่าเป็นหนึ่งกิจกรรม CSR (Corporate Social Responsibility) นำร่องสู่โปรแกรมการศึกษาเชิงสิ่งแวดล้อมอย่างเต็มรูปแบบ
สยาม โอเชี่ยน เวิร์ล ได้เล็งเห็นความสำคัญของการอนุรักษ์ธรรมชาติอย่างยั่งยืน จึงนำร่องโปรแกรมการศึกษาเชิงสิ่งแวดล้อมอย่างเต็มรูปแบบ ภายใต้แนวคิดความรู้สู่การปฏิบัติ โดยได้ริเริ่มโครงการทดลองเพาะต้นกล้าโกงกางขึ้นในอควาเรี่ยม เพื่อให้เด็กๆ และเยาวชนที่เข้าชมต้นกล้าโกงกางที่เพาะในอควาเรี่ยม ได้ศึกษาเรียนรู้ธรรมชาติและเห็นคุณค่าของป่าชายเลนซึ่งปัจจุบันหาได้น้อยเต็มที
โดยสยาม โอเชี่ยน เวิร์ลได้ปลูกต้นกล้าโกงกางไว้ในกระบะเลนที่ได้รับการออกแบบและเตรียมความพร้อมด้านปัจจัยต่างๆ ในการปลูก ไม่ว่าจะเป็น แสงแดด ดิน และน้ำให้มีคุณสมบัติและคุณภาพเสมือนธรรมชาติจริงและมีความเหมาะสมต่อการเติบโตของต้นโกงกางมากที่สุด โดยมีการนำหลอดแสงอาทิตย์เทียมมาใช้แทนแสงจากดวงอาทิตย์ โดยต้นกล้าจะได้รับแสงสว่างอย่างเพียงพอ 12 ชั่วโมงต่อวัน พร้อมให้ปุ๋ยเพื่อเสริมธาตุอาหารในดินที่จำเป็นต่อการบำรุงราก ลำต้นและใบอย่างครบถ้วนทุกๆ 20 วัน ไม่ว่าจะเป็น โพแทสเซียม ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส นอกจากนี้ทางทีมเจ้าหน้าที่ของสยาม โอเชี่ยน เวิร์ลยังมีกระบวนการตรวจสอบคุณภาพน้ำ โดยเริ่มตั้งแต่ผสมน้ำให้มีความเค็มเทียบเท่าน้ำกร่อย และมีการดึงน้ำเข้าสู่ระบบกรองเพื่อให้น้ำมีการหมุนเวียนตามแบบธรรมชาติ
จากความสำเร็จของโครงการทดลองเพาะต้นกล้าโกงกางภายในอควาเรี่ยม สยาม โอเชี่ยน เวิร์ลได้ขยายการเรียนรู้นอกห้องเรียนสู่ขั้นตอนการปฏิบัติในสถานที่จริง ด้วยการพาน้องๆ และเจ้าหน้าที่จากองค์การเฟรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนลกว่า 30 คน ร่วมนำต้นกล้าโกงกางที่เพาะในอวาเรี่ยมไปปลูกในป่าชายเลน ณ โรงเรียน พันท้ายนรสิงห์วิทยา จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งที่นี่ถือได้ว่าเป็นต้นแบบของการอนุรักษ์ป่าชายเลนที่ยั่งยืน เพราะลำพังการปลูกป่าโกงกางอย่างเดียว อาจไม่ช่วยเพิ่มจำนวนต้นโกงกางในป่าชายเลนได้ เนื่องจากเมื่อคลื่นซัดเข้ามาก็อาจทำให้ต้นโกงกางที่ยังไม่แข็งแรงพอหลุดและตายไปตามคลื่น ทางโรงเรียนจึงได้จัดทำโครงสร้างแนวไม้ไผ่ชะลอคลื่น เมื่อคลื่นพัดเข้ามาถูกไม้ไผ่แต่ละแถว ก็จะลดความแรงลงไป ซึ่งนอกจากจะช่วยปกป้อง ต้นโกงกางที่ยังอ่อนวัยแล้ว ยังช่วยให้คลื่นไม่สามารถกัดเซาะแนวชายฝั่งได้
คุณวิบูลย์ รักเสรี ผู้จัดการฝ่ายดูแลสัตว์น้ำ บริษัทสยาม โอเชี่ยน เวิร์ล กรุงเทพ จำกัด กล่าวว่า “นอกจากการรณรงค์ให้เห็นคุณค่าของสัตว์น้ำแล้ว สยาม โอเชี่ยน เวิร์ลมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และสร้างจิตสำนึกให้เด็กและเยาวชนหันมาเห็นความสำคัญของ ป่าชายเลนกันมากขึ้น โดยทางสยาม โอเชี่ยน เวิร์ลได้นำต้นกล้าโกงกางจำนวน 50 ต้น ที่ได้เพาะไว้ในโครงการทดลองเพาะต้นกล้าโกงกางในอควาเรี่ยมในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ไปปลูกในพื้นที่ป่าชายเลนจริง เพื่อสร้างแนวกำแพงธรรมชาติป้องกันคลื่นลม อีกทั้งเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยลดภาวะโลกร้อนและเป็นการอนุรักษ์ธรรมชาติอย่างยั่งยืน”
“กิจกรรม CSR นี้ยังเป็นการให้ตัวแทนเยาวชนที่ได้เข้าร่วมปลูกป่าชายเลน ได้เรียนรู้จากสถานที่จริงตั้งแต่การเพาะต้นกล้าโกงกางในอควาเรี่ยม จนถึงขั้นตอนลงมือปฏิบัติจริง ซึ่งนับเป็นการศึกษานอกห้องเรียนที่จะได้ทั้งความรู้อย่างสนุกสนาน ไปพร้อมกับปลูกจิตสำนึกอนุรักษ์ป่าชายเลน สัตว์น้ำ และธรรมชาติด้วย พร้อมกันนี้ ยังเป็นการปูทางสำหรับโปรแกรมการศึกษาเชิงสิ่งแวดล้อมอย่างเต็มรูปแบบของสยาม โอเชี่ยน เวิร์ลที่จะเกิดขึ้นต่อไป” คุณวิบูลย์กล่าวเสริม
ด.ญ. สุจิตรา แสงสว่าง อายุ 11 ปี หนึ่งในเยาวชนจากองค์การเฟรนด์อินเตอร์เนชั่นแนลที่มาร่วมปลูก ป่าชายเลนกับสยาม โอเชี่ยน เวิร์ลในครั้งนี้ กล่าวว่า “หนูรู้สึกดีใจ และภูมิใจมากค่ะที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการลดโลกร้อน เมื่อก่อนหนูเคยอ่านแต่ในหนังสือเรียน หรือแค่เห็นในโทรทัศน์ แต่มาวันนี้หนูว่า แค่เรารู้อย่างเดียว มันไม่พอแล้ว มันต้องลงมือทำจริงด้วย ซึ่งนี่ถือเป็นครั้งแรกที่หนูได้มาสัมผัสกับป่าชายเลนจริงๆ และรู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมปลูกต้นโกงกางด้วยมือของหนูเอง หนูคิดว่าถ้าหากทุกคนช่วยกันมาเป็นผู้ให้กับธรรมชาติบ้าง เช่น อย่างน้อยปลูกกันคนละ 1 ต้น หลายล้านคน ก็ได้หลายล้านต้น ก็จะช่วยฟื้นฟูป่าชายเลนได้ และย่อมช่วยรักษาสัตว์น้ำ รักษาธรรมชาติ และทำให้โลกของเราสดใสขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ”
การปลูกป่าชายเลนร่วมกันในครั้งนี้ของสยาม โอเชี่ยน เวิร์ลอาจเป็นเพียงการเพิ่มพื้นที่ป่าขึ้นมาเพียงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับผืนป่าขนาดใหญ่ที่ต้องการการฟื้นคืนชีวิต แต่อย่างน้อยก็คงได้ทำให้ใครหลายคนได้ตระหนักถึงความสำคัญของป่าชายเลน และได้ฉุกคิดว่า สิ่งสำคัญอาจไม่ใช่อยู่ที่ขนาดหรือจำนวนที่เราทำ เพราะทุกสิ่งที่เราทำไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ล้วนเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ได้เสมอ
ทั้งนี้ เด็กๆ และเยาวชน รวมทั้งผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมศึกษาโครงการทดลองเพาะต้นกล้าโกงกางภายใน อควาเรี่ยมได้ที่สยาม โอเชี่ยน เวิร์ล ชั้น B1 — B2 ศูนย์การค้าสยามพารากอน พร้อมร่วมติดตามการนำต้นกล้าโกงกางไปปลูกในป่าชายเลนจริงครั้งต่อไปได้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
สอบถามข้อมูลประชาสัมพันธ์เพิ่มเติม: อาร์ค เวิลดไวด์ ประเทศไทย
ญาดา ศรีสัมมาชีพ (นุ่น) / โทร + 66 2 684 5690
ลลิลทิพย์ ชัยมโนนาถ (ผึ้ง) / โทร + 66 2 684 5589