ธุรกิจไทยคาดว่าจะขึ้นเงินเดือนพนักงาน ให้เทียบเท่ากับหรือมากกว่าอัตราเงินเฟ้อในปี 2010

ข่าวทั่วไป Thursday February 25, 2010 09:22 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--25 ก.พ.--แกรนท์ ธอร์นตัน ผลสำรวจล่าสุดของแกรนท์ ธอร์นตัน อินเตอร์เนชั่นแนล (Grant Thornton International Business Report: IBR) เกี่ยวกับแนวโน้มอัตราลูกจ้างในบริษัทเผยว่า จาก 36 กลุ่มเศรษฐกิจทั่วโลกที่ได้รับการสำรวจนั้น ประเทศไทยมีการก้าวกระโดดของค่าดุลยภาพทัศนคติที่สูงที่สุด จาก -16% เมื่อปี 2009 เป็น +5% ในปี 2010 หรือเพิ่มขึ้น 21 เปอร์เซ็นต์ ทอม โซเรนเซน กรรมการบริหาร ของแกรนท์ ธอร์นตัน ในประเทศไทย กล่าวว่า "เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปีที่สัดส่วนของผู้บริหารงานชาวไทยที่เข้าร่วมการสำรวจที่บอกว่ามีจำนวนพนักงานเพิ่มขึ้นนั้นมีมากกว่าผู้ที่มีจำนวนพนักงานลดลง ตามด้วยเวียดนามและจีน ซึ่งนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปีที่ผ่านมา เราเห็นว่าบริษัทต่างๆ จ้างพนักงานเพิ่มขึ้นในตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับการขายมากกว่าตำแหน่งอื่นๆ และนี่อาจเป็นสัญญาณที่ดีในอนาคตอันใกล้ก็เป็นได้” ทั้งนี้ ดัชนีการจ้างงานทั่วโลกแสดงให้เห็นว่าธุรกิจในบางกลุ่มประเทศเศรษฐกิจที่พัฒนาแล้วกำลังประสบกับความยากลำบากเนื่องจากจำนวนพนักงานลดน้อยลงอย่างมาก โดยรวมถึงไอร์แลนด์ (ค่าดุลยภาพทัศนคติ* ที่ -54%), สเปน, เดนมาร์ค (-38% ทั้งสองประเทศ) และสหรัฐฯ (-33%) ส่วนกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นสูงสุดในปี 2009 ได้แก่เวียดนาม (+54%), อินเดีย (+33%), บอตสวานา (+31%) และฟิลิปปินส์ (+29%) (ดูภาพประกอบ 1) ในขณะที่ธุรกิจส่วนใหญ่ทั่วโลกมีทัศนคติด้านบวกมากขึ้นสำหรับปี 2010 แต่พนักงานที่คิดว่าช่วงที่เลวร้ายนั้นผ่านพ้นไปแล้วนั้นอาจเป็นความคิดที่ผิด เมื่อสอบถามธุรกิจเอกชน (Privately-held businesses: PHBs) เกี่ยวกับแนวทางการให้ค่าจ้างพนักงานในปีนี้ ได้รับการชี้แจงว่ามีแนวโน้มน้อยที่จะขึ้นค่าจ้างในปี 2010 น้อยลงยิ่งกว่าปี 2009 โดย 36% วางแผนว่าจะไม่ขึ้นค่าจ้างหรือลดค่าจ้าง เปรียบเทียบกับ 24% เมื่อปี 2009 และ 51% ของผู้จ้างงานระบุว่ามีการวางแผนขึ้นค่าจ้างให้เทียบเท่าหรือมากกว่าอัตราเงินเฟ้อในปี 2010 เปรียบเทียบกับ 64% ในปีก่อนหน้า อเล็กซ์ แมคบีธ ผู้บริหารระดับสูง ของแกรนท์ ธอร์นตัน กล่าวว่า “โดยทั่วไปแล้ว ประเทศต่างๆ จะนำประเด็นเรื่องการจ้างงานมาพิจารณาตามหลังเรื่องอื่นๆ เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว ในบางประเทศกลุ่มเศรษฐกิจมีคนตกงานอย่างมาก แต่การว่างงานก็ยังไม่สูงเท่าที่เกรงว่าจะเป็นตั้งแต่แรกเริ่มสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ธุรกิจเอกชนมีความสามารถในการปรับตัว และสามารถฝ่าฟันไปได้เพื่อรักษาพนักงานของตนไว้ในช่วงเวลาอันยากลำบาก” แม้ว่าปี 2009 จะเป็นปีที่ยากลำบาก แต่ภายภาคหน้านั้นกลับดูสดใส โดยธุรกิจในกลุ่มเศรษฐกิจ 29 กลุ่มจากทั้งหมด 36 กลุ่มที่ได้รับการสำรวจคาดว่าจะเพิ่มจำนวนพนักงานในปี 2010 ด้วยค่าดุลยภาพทั่วโลกที่ +20% (เปรียบเทียบกับ -4% เมื่อปี 2009) โดยธุรกิจที่มีทัศนคติด้านบวกสูงที่สุดได้แก่ เวียดนาม (+60%), บราซิล (+59%), บอตสวานา (+50%), ออสเตรเลีย และอินเดีย (+47% ทั้งสองประเทศ) ในทางตรงกันข้าม ธุรกิจในยุโรปกลับมีทัศนคติด้านลบยิ่งกว่าพื้นที่อื่นในโลก โดยไอร์แลนด์, อิตาลี (-14% ทั้งสองประเทศ), ฝรั่งเศส (-10%) และสเปน (-8%) ยังคงคาดว่าจะลดการจ้างงาน นอกจากนี้ รายงานดังกล่าวยังสะท้อนถึงความสร้างสรรค์ของธุรกิจเอกชนในความพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการเลิกจ้างพนักงานประจำสำหรับปี 2009 โดย 50% ของธุรกิจระบุว่าจำเป็นต้องใช้มาตรการต่างๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการดำเนินการดังกล่าว และผลการสำรวจได้เสนอแนะว่ามีการใช้ทุกมาตรการเท่าที่จะเป็นไปได้ ไม่ว่าจะเป็นการลดจำนวนชั่วโมงในการทำงาน (11%) และการจัดรวมหน้าที่ความรับผิดชอบของพนักงาน ซึ่งเป็นมาตรการที่นิยมใช้ทั่วโลก ในขณะที่การลดค่าจ้าง, การออกจากงานโดยสมัครใจ, การพักงาน, การลดสิทธิประโยชน์ และการเลิกจ้างพนักงานชั่วคราว ก็ได้มีการดำเนินการเพื่อรักษาพนักงานประจำและธุรกิจของบริษัทไว้ ทั้งนี้จากผลการสำรวจ 61% ของธุรกิจไทยคาดว่าจะเพิ่มค่าจ้างในปี 2010 ให้เทียบเท่าหรือมากกว่าอัตราเงินเฟ้อ ในขณะที่ 27% คาดว่าจะไม่เพิ่มค่าจ้าง ในทางกลับกันกับค่าเฉลี่ยโลก ผลตอบแทนของพนักงานชาวไทยมีภาพรวมที่ดีกว่าปีที่ผ่านมาและสามารถคาดหวังค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นได้ และผู้ที่กำลังมองหางานยังมีโอกาสที่ดีกว่าและมากยิ่งกว่าในปีนี้อีกเช่นกัน ทอม โซเรนเซน กล่าวสรุปว่า "นายจ้างจำเป็นต้องให้ความใส่ใจต่อพนักงานที่มีความสำคัญก่อนที่จะสายเกินไป เพราะในระยะเวลา 4-6 ไตรมาสที่ผ่านมา พนักงานจำนวนมากได้มองถึงเรื่องความมั่นคงของงานมากกว่าโอกาสใหม่ๆ ซึ่งก็จะเปลี่ยนแปลงไปได้โดยที่พนักงานจะกลับไปมีความสนใจในโอกาสใหม่ๆ ในหน้าที่การงานอีกครั้งเมื่อเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น” เกี่ยวกับ แกรนท์ ธอร์นตัน ในประเทศไทย: แกรนท์ ธอร์นตัน ในประเทศไทย เป็นที่รู้จักกันดีในแวดวงธุรกิจในฐานะบริษัทที่ปรึกษาและให้บริการอย่างมืออาชีพระดับแนวหน้าของประเทศไทย ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2534 มีประสบการณ์ในการให้คำปรึกษาแก่บริษัทต่างๆ ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจเอเชียปี พ.ศ. 2540 โดยใช้วิธีการปรับโครงสร้างหนี้ การลดค่าใช้จ่าย และการปรับปรุงแผนธุรกิจ กลุ่มงานให้บริการของแกรนท์ ธอร์นตัน ได้แก่ การให้คำปรึกษาด้านธุรกิจ การตรวจสอบบัญชี การให้คำปรึกษาทางภาษี การให้บริการปรึกษาเฉพาะทาง การจัดหาบุคลากรระดับผู้บริหาร ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ แกรนท์ ธอร์นตัน ในประเทศไทย กรุณาเข้าชมเว็บไซต์ www.grantthornton.co.th ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ: ทอม โซเรนเซน ลักษณ์พิไล วรทรัพย์ กรรมการบริหาร ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายการตลาดและการสื่อสาร แกรนท์ ธอร์นตัน ในประเทศไทย แกรนท์ ธอร์นตัน ในประเทศไทย โทร: 02 205 8240 โทร: 02 205 8142 อีเมล์: tom.sorensen@gt-thai.com อีเมล์: lakpilai.worasaphya@gt-thai.com

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ