กรุงเทพฯ--25 ก.พ.--ก.ล.ต.
ก.ล.ต. เปิดให้มีการจัดตั้งกองทุนรวมอีทีเอฟต่างประเทศและปรับปรุงหลักเกณฑ์กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (กอง 2, 3, 4) เพื่อให้สามารถเลิกลงทุนได้ตามระยะเวลาที่กำหนด
คณะกรรมการกำกับตลาดทุนในการประชุมครั้งที่ 2/2553 ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2553 พิจารณาเห็นชอบแนวทางการจัดตั้งกองทุนรวมอีทีเอฟที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อไปลงทุนในกองทุนรวมอีทีเอฟต่างประเทศ (Thai ETF on foreign ETF) โดยกองทุนรวมอีทีเอฟต่างประเทศต้องไม่มีลักษณะซับซ้อนและอ้างอิงกับดัชนีกลุ่มหลักทรัพย์และดัชนีราคาสินค้าที่แพร่หลายเท่านั้น โดยต้องมีการบริหารจัดการในลักษณะเชิงรับ (passive management) รวมทั้งต้องมีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่เป็นสมาชิกขององค์การตลาดหลักทรัพย์โลก (World Federation of Exchange: WFE)
สำหรับกองทุนรวมอีทีเอฟที่จะลงทุนในกองทุนรวมอีทีเอฟต่างประเทศที่อ้างอิงราคาทองคำ บริษัทจัดการจะลงทุนได้ต่อเมื่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เปิดให้ร้านค้าทองคำที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดสามารถเข้าเป็นสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อส่งคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์ที่อ้างอิงกับราคาทองคำได้แล้ว
นอกจากนี้ ยังได้อนุญาตให้ผู้ดูแลสภาพคล่องสามารถทำหน้าที่ในการทำให้ราคาซื้อขายกองทุนรวมอีทีเอฟในตลาดรองสะท้อนมูลค่าของกองทุนรวมอีทีเอฟต่างประเทศที่อ้างอิงได้
พร้อมกันนี้ คณะกรรมการฯ ได้ยกเลิกข้อกำหนดระยะเวลาการเสนอขายกองทุนรวมอีทีเอฟ ต่อประชาชนครั้งแรกที่กำหนดไว้อย่างน้อย 7 วัน และผ่อนผันให้ผู้ลงทุนรายใหญ่หรือผู้ดูแลสภาพคล่องของกองทุนรวมอีทีเอฟที่บริษัทจัดการแต่งตั้ง สามารถถือครองหน่วยลงทุนของกองทุนรวมได้เกิน 1 ใน 3 ของจำนวนหน่วยลงทุนที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด เป็นเวลา 1 ปี เนื่องจากในช่วงเริ่มจัดตั้งกองทุนรวมอีทีเอฟ ผู้ลงทุนรายใหญ่หรือผู้ดูแลสภาพคล่องอาจจำเป็นต้องถือครองหน่วยลงทุนในสัดส่วนที่สูงเพื่อให้กองทุนรวมมีขนาดที่เหมาะสม
ในการประชุมครั้งนี้ คณะกรรมการฯ ยังได้เห็นชอบหลักเกณฑ์การจัดการกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เพื่อแก้ไขปัญหาในระบบสถาบันการเงิน (กอง 2) กองทุนรวมเพื่อแก้ไขปัญหาในระบบสถาบันการเงิน (กอง 3) และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิเรียกร้อง (กอง 4) เพื่อให้สามารถเลิกกองทุนได้ตามระยะเวลาที่กำหนด โดยอนุญาตให้สามารถลดเงินทุนจดทะเบียนคืนให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนด้วยวิธีการนำทรัพย์สินที่เหลืออยู่ในกองทุนไปจ่ายแทนเงิน (pay in kind) ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนได้ ซึ่งการผ่อนคลายดังกล่าว
เพื่อแก้ไขปัญหาจากการที่บริษัทจัดการไม่สามารถจำหน่ายทรัพย์สินที่โดยปกติกองทุนรวมไม่สามารถลงทุนได้ แต่ได้รับมาเพราะเป็นหลักประกันตามสิทธิเรียกร้อง
การดำเนินการดังกล่าวจะต้องได้รับมติเอกฉันท์จากผู้ถือหน่วยลงทุนทุกรายเพื่อไม่ให้เกิดข้อโต้แย้งจากผู้ถือหน่วยรายใดรายหนึ่งในภายหลัง และเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาให้กองทุนรวมสามารถจำหน่ายทรัพย์สินที่โดยปกติกองทุนรวมไม่สามารถลงทุนได้ ที่ได้มาก่อนวันที่ 1 มีนาคม 2549 ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2553 จากเดิมที่กำหนดไว้ภายในวันที่ 15 มีนาคม 2553 เพื่อให้มีเวลาเพียงพอในการดำเนินการดังกล่าว