กรุงเทพฯ--25 ก.พ.--อาร์เอส
อาร์เอส ประกาศทิศทางธุรกิจภาพยนตร์ปี 53 มุ่งสู่การเป็นเครือข่ายความบันเทิงสมบูรณ์แบบ รุกสร้างธุรกิจภาพยนตร์ให้แข็งแกร่งและสอดรับกับมาสเตอร์แพลน พร้อมแปลงโฉมค่ายหนังในเครืออาร์เอสใหม่ ภายใต้ชื่อ “Film R Us” เพื่อแสดงถึงความพร้อมในการสร้างสรรค์และผลิตผลงานภาพยนตร์ระดับคุณภาพออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ภายหลังจากการปรับโมเดลการทำงานให้เทียบชั้นสตูดิโอฮอลลีวูด มั่นใจคนไทยเปิดรับและมีการบริโภคหนังไทยกันเพิ่มมากขึ้นกว่าที่ผ่านมา ตั้งเป้าทำรายได้จากธุรกิจภาพยนตร์ไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท
ลาดพร้าว-นายคมสันต์ เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพาณิชย์ และรองกรรมการผู้อำนวยการ ธุรกิจภาพยนตร์ บมจ.อาร์เอส หรือ RS เปิดเผยว่า ธุรกิจภาพยนตร์เป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่ อาร์เอส ให้ความสำคัญ ที่ผ่านมาบริษัทฯ ผลิตและสร้างสรรค์ภาพยนตร์ระดับคุณภาพอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด จนทำให้เป็นที่กล่าวถึงในแวดวงคนดูหนังมากมายหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์เรื่อง SEX Phone คลื่นเหงา สาวข้างบ้าน , รักจัง , แสบสนิท ศิษย์ส่ายหน้า , โปงลางสดิ้ง ลำซิ่งส่ายหน้า ในขณะที่ในปี 52 บริษัทฯมีภาพยนตร์ที่ออกฉายทั้งหมด 3 เรื่อง ได้แก่ โหดหน้าเหี่ยว , ม. 3 ปี 4 เรารักนาย และล่าสุดกับภาพยนตร์รักสยองขวัญ เรื่องแฟนเก่า ที่นำแสดงโดย กิ๊ปซี่-เกิร์ลลี่เบอร์รี่ และคว้าตัวนักแสดงหนุ่มชื่อดังอย่าง ชาคริต แย้มนาม มารับบทคู่กันได้อย่างลงตัว และถูกอกถูกใจผู้ที่นิยมชมชอบหนังรักสยองขวัญเป็นอย่างมาก โดยยอดรวมรายได้ของภาพยนตร์ในปีที่ผ่านมานั้นเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
ในปี 53 บริษัท ฯ ก็ยังคงเดินหน้าธุรกิจภาพยนตร์อย่างต่อเนื่อง ประเดิมศักราชใหม่ด้วยการปั้นแบรนด์ของสายงานภาพยนตร์ในเครือ อาร์เอส จากเดิมที่ใช้ชื่อว่า “อาวอง” เปลี่ยนเป็น “ Film R Us” ภายใต้แนวคิด ความบันเทิงอย่างสร้างสรรค์ บนความทันสมัย โดยจากนี้ไป ค่าย Film R Us จะเน้นผลิตและสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพที่มีความหลากหลาย พร้อมร่วมงานกับกลุ่มผู้ผลิตรุ่นใหม่ ที่มีความสามารถในการทำงาน และเปิดโอกาสให้อย่างเต็มที่ อีกสิ่งหนึ่งที่เราให้ความสำคัญก็คือ นโยบายการทำงานที่ตั้งอยู่บนความเป็นไปได้ในทางธุรกิจ และมีความเสี่ยงที่น้อยที่สุด เพื่อให้การดำเนินธุรกิจภาพยนตร์ของบริษัทฯ เดินหน้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมกับตั้งเป้ารายได้ 200 ล้านบาท หรือโตขึ้นจากปีก่อน 25 %
จากการสร้างสรรค์ภาพยนตร์ระดับคุณภาพถึง 4 เรื่อง ที่จะลงโรงฉายในปี 53 ภายใต้งบประมาณการผลิตกว่า 140 ล้านบาท โดยเรื่องแรกมีชื่อว่า “สามย่าน” เป็นภาพยนตร์ไทยแนวคอมเมดี้เรื่องแรกของค่าย Film R Us ที่มาพร้อมกับความขบขัน สนุกสนาน และรวบรวมนักแสดงมากความสามารถไว้มากที่สุด ซึ่งมีแผนจะลงโรงในเดือน พ.ค. นี้ , ตามมาด้วย ภาพยนตร์แนวเรียลลิตี้ ซึ่งเป็นหนังตลก ที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน อีกทั้งยังเป็นความตลกแนวใหม่ไม่ซ้ำใครที่น่าจับตามองอีกเรื่องหนึ่ง มีแผนออกฉายในเดือน ก.ค. ของปีนี้ , กระชากอารมณ์คนดูด้วยการออกหนังแนวสยองขวัญ ที่จะสะกดทุกสายตาคนดูด้วยความสะพรึงกลัว พร้อมลงโรงในช่วง ต.ค. , และส่งท้ายปีเสือดุด้วยภาพยนตร์แนวกังฟูแอ็คชั่น คอมเมดี้ ที่รวบรวมสุดยอดนักแสดงรุ่นใหม่มากฝีมือของเมืองไทยไว้ด้วยกัน เพื่อสร้างเสียงหัวเราะ ส่งท้ายปี 53 ด้วยรอยยิ้ม
สำหรับตลาดภาพยนตร์ไทยโดยรวมของปี 53 จะค่อนข้างคึกคัก และถือว่าขยายตัวในทิศทางที่ดีขึ้น ทั้งภาพยนตร์ไทยและต่างประเทศเติบโตกว่า 15% มีมูลค่าตลาดประมาณ 4,000 ล้านบาท โดยส่วนแบ่งการตลาดภาพยนตร์ไทยจากปีที่แล้ว 30 % จะเพิ่มมาเป็น 40% ในปีนี้ โดยธุรกิจภาพยนตร์ไทยในปี 53 มีตัวเลขอยู่ที่ประมาณ 1,800 ล้าน อีกทั้งตลาดภาพยนตร์ในบ้านเรามีแนวโน้มที่หลากหลายมากขึ้น บริษัทผู้ผลิตภาพยนตร์รายใหม่ๆ เกิดขึ้นมาก ภาวะการแข่งขันกันเองในธุรกิจภาพยนตร์ไทยจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ Film R Us จึงมุ่งนโยบายการแข่งขัน ด้วยการพิสูจน์ตัวเองจากผลงานที่มีคุณภาพ เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์การเป็นองค์กรผู้ผลิตภาพยนตร์แถวหน้าของเมืองไทย
“จากการปรับโครงสร้างและโมเดลธุรกิจภาพยนตร์ของ อาร์เอส ส่งผลให้บริษัทฯ มีความคล่องตัวในการทำงานเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังสามารถลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในการประกอบธุรกิจ จึงทำให้ค่าย Film R Us สามารถทำงานบนความมั่นใจและมั่นคงมากยิ่งขึ้น บวกกับภาพรวมของตลาดภาพยนตร์ไทยในปี 53 มีมูลค่ารวมสูงขึ้น และมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน จึงส่งผลในเชิงบวกกับบริษัทฯเช่นกัน ผมเชื่อมั่นว่าสิ้นปี 53 ค่าย Film R Us ในเครือ อาร์เอส จะสามารถสร้างรายได้ให้ธุรกิจภาพยนตร์ได้ไม่ต่ำกว่า 200 ล้านอย่างแน่นอน” นายคมสันต์ กล่าวทิ้งท้าย