กรุงเทพฯ--16 พ.ค.--มาสเตอร์ มายด์
DRT ทำกำไรสุทธิไตรมาสแรก 78 ล้านบาท สูงกว่างวดเดียวกันของปีก่อนถึง 34% “ประกิต” เผยแม้ภาคอสังหาริมทรัพย์จะชะลอตัวก็ไม่กระทบกับบริษัทฯ เพราะลูกค้าโครงการยังเป็นสัดส่วนที่น้อย พร้อมเร่งเพิ่มสายการผลิต และผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อกระตุ้นยอดขาย และเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภค
นายประกิต ประทีปะเสน ประธานกรรมการ บริษัท กระเบื้องหลังคาตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2549 (มกราคม-มีนาคม 2549) ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 77.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.69 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2548 ที่มีกำไรสุทธิ 58.18 ล้านบาท คิดเป็นอัตราที่เพิ่มขึ้น 33.84%รายได้รวม 594.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.26% เมื่อเทียบกับไตรมาส1/2548 ที่มีรายได้ 575.37 ล้านบาท
กำไรที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากบริษัทมีรายได้จากการขายสินค้าเพิ่มขึ้นประมาณ 19.95 ล้านบาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการกระเบื้องไฟเบอร์ซีเมนต์ และไม้ฝา ซึ่งเป็นสินค้าพรีเมี่ยมที่มีราคาสูง ทำให้มีราคาขายเฉลี่ยสูงกว่างวดเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ค่าขนส่งในไตรมาสแรกของปีนี้ลดลง 4.33 ล้านบาท คิดเป็น 19.20% และยังมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนอีกกว่า 4 ล้านบาท อันเป็นผลมาจากการแข็งค่าของเงินบาท ในขณะที่ผลกระทบจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นมีผลต่อต้นทุนขายสินค้าที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยประมาณ 1.97 ล้านบาท
“จากราคาขายสินค้าเฉลี่ยที่สูงขึ้นมากกว่าการเพิ่มขึ้นของต้นทุนขาย ทำให้กำไรขั้นต้นของบริษัทเพิ่มขึ้น 24.11 ล้านบาท คิดเป็น 14.27%” นายประกิตกล่าวว่า จากผลการดำเนินงานไตรมาสแรกที่ออกมา ทำให้มั่นใจว่าผลการดำเนินงานตลอดปี 2549 จะมีอัตราการเติบโตของรายได้น่าจะไม่ต่ำกว่า 10 %
ส่วนกรณีที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อาจชะลอตัวลง เนื่องจากปัจจัยการเมืองและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นนั้น ประธานกรรมการ DRT กล่าวว่า ไม่ได้ส่งผลกระทบกับ DRT มากนัก เนื่องจากสินค้าของบริษัทกว่า 90% เป็นการขายให้กับผู้ใช้โดยตรง และส่วนใหญ่ก็เป็นตลาดภูมิภาค ซึ่งลูกค้ายังคงมีรายได้ที่ดีจาการขายสินค้าทางการเกษตร ส่วนตลาดโครงการอสังหาริมทรัพย์นั้น DRT เพิ่งจะเริ่มทำตลาดอย่างจริงจัง การชะลอตัวลงของโครงการอสังหาริมทรัพย์จึงไม่ส่งผลกับ DRT
นอกจากนี้ แผนการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทมีการขยายตลาดไปยังต่างประเทศมากขึ้นจากเดิมที่ส่งออกเพียง 5% แต่ในปีนี้เพิ่มสัดส่วนการส่งออกสูงขึ้น โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ประเทศพม่า ลาว กัมพูชา และไต้หวัน ซึ่งการขนส่งไม่มีปัญหามากนัก และประเทศเหล่านี้ก็มีความต้องการใช้สินค้าของบริษัทสูงด้วย
“สำหรับปีนี้ บริษัทฯ ได้เพิ่มสายการผลิตที่ 8 ขึ้น ซึ่งจะสามารถเดินเครื่องผลิตสินค้าได้ประมาณปลายไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ เพื่อรองรับการผลิตสินค้าประเภทไม้ฝาสังเคราะห์ทั้งผนังภายนอกและภายใน เพดาน รวมทั้งไม้พื้นแบบต่างๆ เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคซึ่งหันมาใช้ผลิตภัณฑ์ทดแทนไม้จริงมากยิ่งขึ้น และคาดว่าภายใน 2-3 ปีข้างหน้า ผู้บริโภคจะหันมาใช้ไม้ฝาสังเคราะห์มากขึ้นอีก” นายประกิตกล่าวอีกว่า ในส่วนของสายการผลิตที่ 7 ซึ่งเริ่มเดินเครื่องเมื่อปลายปี 2548 ได้ดำเนินการผลิตกระเบื้องเจียระไน เพื่อรองรับกลุ่มเป้าหมายซึ่งเป็นโครงการและรีสอร์ทเพื่อให้ได้สัดส่วนการค้าตามเป้าที่บริษัทตั้งไว้
รายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อ: คุณวารุณี คำไชย (แนน) โทร: 0-2643-1191-2 หรือ 0-1496-6762