กรุงเทพฯ--26 ก.พ.--Vero PR
มาร่วมค้นพบ ‘ชีวิต’ ในนิทรรศการจิตรกรรมการกุศล ‘Life’ โดยจิตรกรเอกชาวดัทช์ มร. คีโด้ ฮิวแบรนด์ กู้ดเฮีย ณ โรงแรมสยามซิตี กรุงเทพฯ 12 — 28 มีนาคม ศกนี้ เพื่อหารายได้มอบให้มูลนิธิเด็กอ่อนในสลัม ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
กอสสิบ แกลเลอรี่ แกลเลอรีแสดงงานศิลปะร่วมสมัยระดับแนวหน้าของประเทศไทย ร่วมกับ โรงแรมสยาม ซิตี กรุงเทพฯ จัดงานแสดงนิทรรศการจิตรกรรมร่วมสมัยการกุศลชุด ‘Life’ โดยจิตรกรเอกชาวดัทช์ มร. คีโด้ ฮิวแบรนด์ กู้ดเฮีย (Mr. Guido Hillebrand Goedheer) ตั้งแต่วันที่ 12 - 28 มีนาคม ศกนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำรายได้ส่วนหนึ่งจากการจำหน่ายภาพไปจัดซื้อนมมอบให้เด็กด้อยโอกาส ที่อยู่ภายใต้การดูแลของมูลนิธิเด็กอ่อน ในสลัม ในพระอุปถัมท์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
โดยทั่วไปแล้ว คนไทยส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ในต่างจังหวัดมักจะเปรียบกรุงเทพฯ ดั่งเมืองสวรรค์ หรือเมืองแห่งการสร้างโอกาสที่ดีให้กับชีวิต ซึ่งหลายคนมีความเชื่อว่าเมืองหลวงแห่งนี้ จะเปิดโอกาสให้พวกเขามีงานทำที่ดี และสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีขึ้นกว่าเดิม ทำให้คนเป็นจำนวนมากจากต่างจังหวัดหลั่งใหลเดินทางเข้าสู่กรุงเทพฯ เพื่อแสวงหาโอกาสนั้น หลายคนได้งานทำ แต่เป็นงานที่ไม่มั่นคงและได้รับค่าจ้างต่ำกว่ามาตรฐาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพเศรษฐกิจที่ถดถ้อยในช่วงปีที่ผ่านมา ส่งผลกระทบกับประชากรทุกระดับ รวมถึงกลุ่มคนที่อาศัยอยู่ในชุมชนแออัดที่ต้องดิ้นรนเป็นพิเศษ เพื่อหารายได้มาจุนเจือตนเองและครอบครัว ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้ชุมชนแออัดในกรุงเทพฯ จึงมีแนวโน้มขยายตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ
นอกเหนือจากการที่ต้องทำงานหนักต่อเนื่องกันหลายชั่วโมงต่อวัน พวกเขายังต้องอาศัยรวมตัวกันอยู่ในชุมชนแออัดที่เต็มไปด้วย ปัญหายาเสพติด และภัยอันตรายต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เด็ก ๆ ที่ต้องเติบโตใน สภาวะแวดล้อมที่เสื่อมโทรม ขาดการดูแลเอาใจใส่อย่างถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกินหรือการศึกษาก็ตาม
จากประสบการณ์ที่เคยเป็นหนึ่งในผู้อาศัยในสลัมคลองเตย ครูประทีป อึ้งทรงธรรม ด้วยวัยเพียง 16 ปี ได้ตระหนักถึงปัญหาในสลัม โดยเฉพาะเด็ก ๆ ที่ต้องตกเป็น ‘เหยื่อ’ ของแหล่งชุมชนที่เสื่อมโทรมและไม่ได้รับการศึกษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากพวกเขาต้องอยู่บ้านเพื่อดูแลน้อง ๆ ขณะที่พ่อแม่ต้องออกไปทำมาหากิน ใน ปี พ.ศ2511 ครูประทีป ด้วยมีความหวังที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กเหล่านี้ เธอจึงได้ปรับปรุงใต้ถุนบ้านที่เธออาศัยให้กลายเป็นห้องเรียน ซึ่งต่อมาได้ชื่อว่า ‘One bath a day school’ นอกเหนือจากการสอนหนังสือให้เด็ก ๆ เหล่านี้แล้ว ครูประทีปยังทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงให้กับชุมชนและเด็กเหล่านี้อีกด้วย
ผลงานการอุทิศตนเพื่อสังคมของครูประทีปได้รับการยอมรับ และรางวัลเกียรติยศจากองค์กรต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึง รางวัลจากมูลนิธิร็อกกี้เฟลเลอร์ ประเทศสหรัฐอเมริกาในฐานะเยาวชนดีเด่น ผู้ซึ่งอุทิศตนให้กับมวลมนุษย์และสังคม (The John D. Rockefeller Youth Award for Outstanding Contributions to Mankind) ด้วยเงินรางวัลที่ได้มาจากมูลนิธิร็อกกี้เฟลเลอร์ และการสนับสนุนของสมาชิกในกลุ่มผู้ก่อตั้ง ครูประทีป ได้จดทะเบียนเป็นมูลนิธิเด็กอ่อนในสลัม ในปี พ.ศ. 2524 ต่อมาผลงานและเรื่องราวของมูลนิธิฯ ได้ถูกนำมาตีพิมพ์เผยแพร่ในสื่อต่าง ๆ มากมาย
สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ได้ทรงทราบเกี่ยวกับมูลนิธิเป็นครั้งแรกจากการที่ทรงอ่านเรื่องราวในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง ด้วยทรงมีความห่วงใยในเด็กด้อยโอกาสเหล่านี้ ในปี พ.ศ. 2526 ทรงมีพระกรุณาธิคุณ รับมูลนิธิฯ ไว้ในพระอุปถัมภ์ พร้อมทรงเอาพระทัยใส่ในการดำเนินงานของมูลนิธิฯ และทรงได้ประทานเงินช่วยเหลือผ่านกองทุนต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องทุกปีจวบจนปัจจุบัน
การดำเนินงานพัฒนาชีวิตของเด็กในสลัม ทางมูลนิธิฯ ได้มีการบริหารจัดการโดยผ่านบ้านเด็กอ่อนทั้ง 4 หลัง เริ่มต้นจากการช่วยเหลือเด็กให้รู้จักหลีกเลี่ยงการเผชิญปัญหาและเรื่องเลวร้ายภายในชุมชน ซึ่งทางมูลนิธิฯให้การดูแลเด็กอ่อนที่มีอายุตั้งแต่ 4 เดือน ไปจนถึง 5 ปี ด้วยความรักและความเอาใจใส่ พร้อมส่งเสริมการเรียนรู้ในด้านต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับวัย ขณะที่พ่อแม่ต้องออกไปทำงาน ปัจจุบันอาสาสมัครของมูลนิธิฯ ได้ให้ความช่วยเหลือแก่เด็กด้อยโอกาสประมาณ 2,000 คนต่อวัน
นอกเหนือจากการสนับสนุนจากทั้งองค์กรรัฐและเอกชนแล้ว ทางมูลนิธิฯ ยังได้รับการสนับสนุนจาก Bernard van Leer Foundation มูลนิธิการกุศลจากประเทศเนเธอร์แลนด์ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา
สิริภา โชติช่วง กรรมการผู้จัดการ กอสสิบ แกลเลอรี่ กล่าวถึงงานแสดงนิทรรศการจิตรกรรมร่วมสมัยการกุศลชุด ‘Life’ ในครั้งนี้ว่า “เมื่อคุณนิลอุบล จันทร์โหนง อดีตเลขานุการและผู้ประสานงานของมูลนิธิสายธารแห่งความหวัง (Wishing Well Foundation) เข้ามาพบดิฉันครั้งแรก และได้เล่าถึงโครงการดังกล่าวให้ฟังเมื่อหลายเดือนก่อน ดิฉันก็ยังมิได้ตอบรับการเข้าร่วมโครงการในทันที เนื่องจากยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับโครงการ แต่หลังจากที่ดิฉันมีโอกาสไปเยี่ยมมูลนิธินี้เป็นครั้งแรก ดิฉันรู้สึกประทับใจกับอาสาสมัครทุกคนที่อุทิศเวลาและตนเองเพื่อช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสเหล่านี้ ซึ่งจากประสบการณ์นั้น ทำให้ดิฉันอยากจัดนิทรรศการนี้ขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือมูลนิธิฯ โดยปรกติแล้ว ทางกอสสิบ จะจัดกิจกรรมขึ้นทุกปี เพื่อช่วยเหลือสังคม และนี่คือหนึ่งโอกาสที่ดีที่จะทำประโยชน์ให้กับอนาคตของชาติ”
ผลงานทั้ง 30 ชิ้น ของ มร. คีโด้ ฮิวแบรนด์ กู้ดเฮีย จะถูกนำมาจัดแสดงให้ชมฟรี ตั้งแต่วันที่ 12 - 28 มีนาคม ศกนี้ ณ บริเวณล้อบบี้ โรงแรมสยามซิตี “ดิฉันได้เลือกผลงานของ มร. คีโด้ มาจัดแสดงในครั้งนี้ เพราะรู้สึกทึ่งกับเทคนิคและสไตล์การวาดที่โดดเด่น และหาดูได้ยากในปัจจุบัน การสร้างผลงานสไตล์ CoBra ของตัวศิลปินในชุดนี้ ได้แสดงถึงความไร้เดียงสาและความบริสุทธิ์ของเด็ก ๆ ในสลัม ถึงแม้ว่าพวกเขาจะต้องเผชิญกับสภาวะแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความรุนแรงอยู่ตลอดเวลา ดิฉันเชื่อว่าทุกท่านที่ได้มีโอกาสชมคอลเลคชั่นนี้ จะเห็นพ้องต้องกันว่าเป็นผลงานศิลปะที่งดงาม สดใส เรียบง่าย และอิ่มเอิบไปด้วยชีวิตชีวา ‘ชีวิต’ ที่เด็กทุกคนพึงปรารถนามาตลอด” คุณสิริภา กล่าวเสริม
มาริสา สุโกศล หนุนภักดี รองประธานกรรมการบริหาร กลุ่มโรงแรมสยามและรีสอร์ท หนึ่งในผู้สนับสนุนหลักในโครงการนี้ได้กล่าวว่า “เมื่อคุณสิริภา หรือคุณป๊อป ได้โทรเข้ามาเชิญโรงแรมสยามซิตี ให้เข้าร่วมสนับสนุนในโครงการการกุศลนี้ ดิฉันก็ได้ตอบรับทันที ในฐานะที่โรงแรมเป็นหนึ่งในองค์กรสำคัญของสังคมและได้ชื่อว่าเป็นกลุ่มโรงแรมที่ให้การสนับสนุนงานด้านศิลปะและดนตรีมาโดยตลอด นี่คืออีกหนึ่งกิจกรรมที่ตอกย้ำนโยบายและจุดยืนของโรงแรม ดิฉันจึงขอขอบคุณกอสสิบ แกลเลอรีที่ได้เลือกโรงแรมสยามซิตีเป็นที่จัดงานแสดงผลงานศิลปะอันยอดเยี่ยมของ มร. คีโด้ และเป็นส่วนร่วมในการพัฒนาช่วยเหลือสังคม”
นิทรรศการจิตรกรรมร่วมสมัยการกุศลชุด ‘Life’ โดย มร. คีโด้ ฮิวแบรนด์ กู้ดเฮีย จะเปิดให้เข้าชมอย่างเป็นทางการ ในวันศุกร์ที่ 12 มีนาคม ศกนี้ โดย ฯพณฯ มร. ชัคโก้ แวน เดน เฮ้าท (H.E. Mr. Tjaco van den Hout) เอกอัครราชทูตเนเธอร์แลนด์ประจำประเทศไทย ให้เกียรติมาเป็นประธานเปิดงาน ในเวลา 18.00 น. ณ บริเวณซิตี้ เล้าจน์ โรงแรมสยามซิตี กรุงเทพฯ โดยนิทรรศการดังกล่าวฯ จะเปิดให้ชมฟรีไปจนถึงวันที่ 28 มีนาคม ศกนี้
สิริภา โชติช่วง กล่าวเพิ่มเติมถึงความสำเร็จในครั้งนี้ว่า “ดิฉันอยากขอขอบคุณ โรงแรมสยามซิตี รวมถึงองค์กรทุกองค์กรที่ได้ให้การสนับสนุนโครงการนี้ เพราะหากไม่มีแรงสนับสนุนจากท่าน งานนี้ก็ไม่อาจเกิดขึ้นได้ และในโอกาสนี้ ดิฉันขอเชิญชวนทุกท่านที่รักในงานศิลปะ รวมถึงนักสะสมงานศิลป์มาร่วมค้นพบ ‘ชีวิต’ ในนิทรรศการจิตรกรรมร่วมสมัยการกุศลชุด ‘Life’ พร้อมสนับสนุน ช่วยเหลือ ให้อนาคตของชาติเราเข้มแข็งและมั่นคงยิ่งขึ้น โดยรายได้ส่วนหนึ่งจากการจำหน่ายภาพจะไปจัดซื้อนมมอบให้เด็กด้อยโอกาส ซึ่งเป็นหนึ่งในค่าใช้จ่ายที่ทางมูลนิธิฯ ต้องรับผิดชอบเป็นจำนวนมากในแต่ละเดือน”
ข้อมูลเกี่ยวกับจิตรกรและแรงบันดาลใจ
มร. คีโด้ ฮิวแบรนด์ กู้ดเฮีย เกิดที่เมือง Ede ประเทศเนเธอร์เลนด์ เป็นอีกหนึ่งศิลปินเอกชาวดัชที่ยังคงผลิตงานศิลปะสไตล์ CoBrA ซึ่งเป็นกลุ่มเคลื่อนไหวทางด้านงานศิลปะ ก่อตั้งขึ้นในปลายปี ค.ศ. 1940 ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดยกลุ่มจิตรกรมีชื่อชาวยุโรปหลายท่าน อาทิ Karel Appel, Asger Jorn และ Corneille เป็นต้น ซึ่งในคอลเลคชั่น ‘Life’ คีโด้ ได้นำเอาแนวความคิดของศิลปะสไตล์ CoBrA มาสร้างสรรค์ผลงานซึ่งประกอบด้วย ศิลปะในแนวยุคหิน ศิลปะแบบเด็ก หรือศิลปะของคนวิกลจริตมาผสมผสานกันจนได้จิตรกรรมร่วมสมัยที่ลงตัว และน่าทึ่งอย่างยิ่ง นักวิจารณ์เคยเปรียบผลงานของเขาว่าเหมือน ศิลปะแบบเด็กแต่แอบแฝงด้วยพลังมหาศาล
ในอดีต มร. คีโด้ ได้บริจาคผลงานของเขาให้กับมูลนิธิการกุศลสำคัญต่าง ๆ มากมาย เพื่อนำไปประมูลหารายได้ช่วยเหลือคนด้อยโอกาส โดยหนึ่งในนั้นคือ War Child Charity โดยศิลปินได้มอบภาพวาดผ่านทางศิลปินนักร้อง Bono จากวงร๊อค U2 เพื่อนำไปประมูลหารายได้ช่วยเหลือเด็กที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม
ในปัจจุบัน ผลงานศิลปะในรูปแบบ CoBrA นั้น หาชมได้ยาก มร. คีโด้ คือหนึ่งในศิลปินเอกของโลกเพียงไม่กี่คนที่คงยังผลิตผลงานประเภท CoBrA นี้อยู่ ผลงานของเขายังได้ถูกนำไปจัดแสดงให้ชมในหลายเมืองหลักสำคัญ ๆ ทั่วโลก ซึ่งนักสะสมงานศิลปะต่างพยายามไคว้คว้าหาซื้อผลงานของเขาเพื่อนำมาครอบครอง ปัจจุบัน มร. คีโด้ ได้ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ของเขาสร้างสรรค์ผลงานศิลปะอยู่ในประเทศฝรั่งเศส
รายละเอียดเกี่ยวกับกลุ่ม CoBrA Art
CoBrA ชื่อซึ่งได้มาจากตัวย่อของเมืองหลวงสำคัญในทวีปยุโรป - Copenhagen, Brussels และ Amsterdam - ได้ถูกก่อตั้งในเดือนพฤศจิกายน ปี ค.ศ. 1948 ที่ร้านกาแฟเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
หลังจากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำในช่วงปีค.ศ. 1930 และหลังเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 2 ได้มีศิลปินกลุ่มหนึ่งในยุโรป มีความต้องการที่จะเห็นการปฏิรูปทางการเมือง โดยใช้ศิลปะเป็นสื่อการคลื่นไหวในครั้งนั้น โดยพวกเขาได้ละทิ้งกฏเกณฑ์เก่า ๆ ที่ถูกกำหนดขึ้นในงานศิลปะทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความงาม หรือการลงตัวของชิ้นงาน ผลงานศิลปะของกลุ่ม CoBrA จึงมีองค์ประกอบมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการนำสัญญลักษณ์ต่าง ๆ มาผสมผสานกับรูปแบบและเทคนิคการวาดต่าง ๆ จนสามารถเรียกว่า ผลงานของกลุ่ม CoBrA เป็นงานประเภท Expressionism ศิลปินในกลุ่ม CoBrA จะทำงานโดยไม่มีการวางแผนหรือร่างงานไว้ล่วงหน้า ซึ่งพวกเขาจะใช้จินตนาการ และ แรงบันดาลใจที่เกิด ณ ตอนนั้นเป็นเครื่องกำหนดอารมณ์ของภาพ ผลงานของพวกเขาจึงมีสีสันที่สดใส และมีความคล้ายคลึงกับภาพวาดของเด็ก แต่มีพลังที่แอบแฝงอยู่ภายในภาพ จึงสามารถพูดได้ว่า ศิลปะของพวกเขาถูกสร้างสรรค์มาเพื่อต่อต้านกฎเกณฑ์งานศิลปะแบบดั่งเดิม ในการสร้างสรรค์ผลงานของศิลปินกลุ่ม CoBrA นั้น นอกแหนือจากการนำวัสดุต่าง ๆ มาใช้แล้ว ศิลปินยังนำเอาเทคนิคการระบายสีวิธีต่างๆ มาผสมผสานกันในหนึ่งภาพ ไม่ว่าจะเป็นวิธีการหยดสี การป้ายสี หรือแม้นกระทั่งการสะบัดสีลงบนผืนผ้าใบ เพื่อให้ได้งานศิลปะที่เป็นเอกลักษณ์ โดดเด่น
กลุ่มผู้ก่อตั้ง CoBrA Art ประกอบด้วยสมาชิกศิลปินที่มีชื่อระดับโลกมากมาย อาทิ Asger Jorn, Christian Dotremont, Karel Appel, Constant A. Nieuwenhuys and Corneille (Cornelis Guillaume van Beverloo) โดยในกลุ่มผู้ก่อตั้งดั่งเดิม Corneille เป็นศิลปินผู้เดียวที่ยังมีชีวิตอยู่ นอกจากจิตรกรที่เป็นสมาชิกแล้ว อุดมการณ์ของกลุ่ม CoBrA ยังสามารถดึงดูดบุคคลที่ทำงานทางด้านศิลป์ในแขนงอื่น มาเข้าร่วมเป็นสมาชิกอาทิ ช่างประติมากร ช่างภาพ นักประพันธ์กลอน และผู้สร้างภาพยนตร์ ถึงแม้ว่าทางกลุ่มฯ ได้สลายตัวไปเมื่อปี ค.ศ.1951 ก็ตาม กลุ่ม CoBrA ถือว่าเป็นขบวนการเคลื่อนไหวทางศิลปะที่สำคัญที่สุดในกลางยุคศตวรรษที่ 20 ในทวีปยุโรป
ข้อมูลกอสสิบ แกลเลอรี่
กอสสิบ แกลเลอรี่ ตั้งอยู่ชั้น 3 อาคาร สีลม แกลเลอเรีย ถนนสีลม ก่อตั้งในปี ค.ศ.2006 โดย สิริภา โชติช่วง ผู้ซึ่งมีความหลงใหลในงานศิลปะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานศิลปะร่วมสมัย กอสสิบ แกลเลอรี่ จัดว่าเป็นแกลเลอรี่แสดงภาพและผลงานจิตรกรรมที่อยู่ในระดับแนวหน้าของเมืองไทย โดยผลงานส่วนใหญ่ที่จัดแสดงจะเป็นศิลปะร่วมสมัยของศิลปินไทยและศิลปินต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นงานจิตรกรรม ประติมากรรม หรือภาพถ่าย เป็นต้น
ทาง กอสสิบ ได้เป็นตัวแทนศิลปินชาวไทยและชาวต่างชาติมากกว่า 20 ท่าน บางท่านก็เป็นศิลปินที่มีชื่อเสียง และบางท่านก็เป็นศิลปินรุ่นใหม่ไฟแรง กอสสิบ จะเดินทางไปประสานงานกับศิลปินโดยตรง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมทำการคัดเลือกผลงานศิลปะอย่างพิถีพิถัด และรอบคอบ เพื่อให้ได้ผลงานที่เป็นของแท้มาจัดแสดง
กอสสิบ แกลเลอรี่ เป็นแกลเลอรี่ที่จัดแสดงผลงานศิลปะหลายแขนง ภายใต้บรรยากาศอันเป็นกันเองสบาย ๆ ที่จะทำให้ผู้ที่รักในงานศิลป์ได้เพลิดเพลินไปกับผลงานศิลปะได้อย่างเต็มที่
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนิทรรศการ ‘Life’ ได้ที่
โทร. (02) 637 7878 หรือติดต่อที่ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ โรงแรมสยามซิตี ที่เบอร์ (02) 247 0123 ต่อ 1917
Media Contact: ชลิดา ตรูทัศนวินท์ , Vero PR , (081) 346-0505, chalida@veropr.com