ดาคอนฯเผยบริการ RBI แบบครบวงจร เปิดเกมส์รุกป้องกันก่อนเกิดเหตุ เน้นกลุ่มลูกค้ามาบตาพุด ตั้งเป้าปีนี้ 80 ล้านบาท

ข่าวเศรษฐกิจ Friday February 26, 2010 16:01 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--26 ก.พ.--ดาคอน อินสเป็คชั่น เซอร์วิสเซส บริษัท ดาคอน อินสเป็คชั่น เซอร์วิสเซส จำกัด บริษัทผู้นำด้านการตรวจสอบทางวิศวกรรมในอุตสาหกรรมน้ำมัน พลังงาน และปิโตรเคมี ผนึกกำลังกับ TUV SUD เผยบริการใหม่ล่าสุด คือ การให้บริการการตรวจสอบทางวิศวกรรมบนพื้นฐานความเสี่ยง (RBI) แบบครบวงจร ซึ่งบริษัทฯนับเป็นผู้ประกอบการรายแรกในตลาดอุตสาหกรรมประเทศไทยที่ดำเนินการแบบครบวงจร มุ่งเน้นให้อุตสาหกรรมไทยตระหนักถึงการป้องกันแบบเชิงรุก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มอุตสาหกรรมในเขตมาบตาพุด ซึ่งเป็นฐานลูกค้าหลักของบริษัท คาดว่าจะนำรายได้เข้าสู่บริษัทถึง 80 ล้านบาท ในปี 2553 นี้ “การตรวจสอบทางวิศวกรรมบนพื้นฐานความเสี่ยง (RBI) แบบครบวงจร ดังกล่าว เป็นการพัฒนาอีกขั้นซึ่งเหนือกว่าการตรวจสอบตามอายุการใช้งาน และสมบูรณ์แบบกว่าด้วยการให้บริการแบบครบวงจร โดยปรับรูปแบบโปรแกรมตามประเภทธุรกิจของลูกค้าโดยเฉพาะ ทำให้สามารถตอบสนองได้ทุกความต้องการ ไม่ว่าอุตสาหกรรมใดก็ตาม นับเป็นการยกระดับมาตราฐานอุตสาหกรรมไทยให้มีประสิทธิภาพเทียบเท่าสากล เพราะก่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการตรวจสอบพร้อมช่วยลดต้นทุนด้านต่างๆของลูกค้าในระยะยาวอีกด้วย” นายสามารถ พจน์ชัยธรรม ผู้จัดการทั่วไป กล่าว “ในปัจจุบันโรงงานอุตสาหกรรมในประเทศไทยหลายแห่งยังคงใช้การตรวจสอบตามอายุการใช้งานอยู่ ในขณะที่การตรวจสอบบนพื้นฐานความเสี่ยงนั้น เป็นที่แพร่หลายมานานแล้วในทวีปยุโรป และอเมริกา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเพียงแค่การซื้อขาย Software การวางแผนการตรวจสอบเพียงอย่างเดียว แต่ RBI ในรูปแบบครบวงจรของบริษัทฯ นั้น เราพัฒนาให้ครอบคลุมไปจนถึงกระบวนการขั้นตอนการตรวจสอบจริง และออกแบบขึ้นมาเพื่อรองรับโรงงานนั้นๆโดยเฉพาะ ให้คำปรึกษาตลอดกระบวนการ ทำการตรวจสอบโดยนำปัจจัยแวดล้อมต่างๆที่แปรผันของแต่ละโรงงานมาเป็นตัวประเมิน นั่นคือเหตุผลที่ทำให้มีความแม่นยำมากกว่า ทั้งยังส่งผลให้ลดต้นทุน ประหยัดพลังงาน พร้อมทั้งช่วยป้องกันปัญหาสิ่งแวดล้อมแบบเชิงรุกอีกด้วย” นายสามารถ กล่าวเสริม ผลประโยชน์ของ RBI มีดังนี้ 1. เป็นการลดต้นทุนและประหยัดพลังงาน เนื่องจากไม่ได้ใช้เวลาเป็นเครื่องตัดสินเพียงอย่างเดียว ตามอายุการใช้งานของอุปกรณ์ แต่คำนวณจากค่าเฉลี่ยความน่าจะเป็นของการเสียหายของอุปกรณ์ (อาทิ อุณหภูมิ แรงดัน ความกดอากาศ วัตถุดิบที่ใช้ผลิตในโรงงาน สภาวะความเป็นกรด-ด่าง เป็นต้น) กับความรุนแรงของผลกระทบที่อาจจะเกิดจากการเสียหายนั้นๆ เพราะพื้นฐานปัจจัยเสี่ยงของแต่ละโรงงานไม่เหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่น แม้ว่าจะเป็นโรงกลั่นน้ำมันเหมือนกัน แต่โรงหนึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ใกล้ทะเล ก็จะมีสภาวะความเสี่ยงที่ต่างกัน และถึงแม้ตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกัน พฤติกรรมในการใช้งานของอุปกรณ์ในโรงงานยังแตกต่างกัน ซึ่งเมื่อประเมินแล้วสภาพอุปกรณ์จริงยังใช้งานได้อย่างสมบูรณ์อยู่ก็ไม่จำเป็นจะต้องปิดไลน์การผลิต (shut down) ตามกำหนดเวลา จึงไม่ก่อให้เกิดการสูญเสียเวลา พลังงาน และ กำลังคนโดยเปล่าประโยชน์อีกด้วย 2. เป็นการลดความเสี่ยงในภาคอุตสาหกรรม เพิ่มความปลอดภัยในการทำงาน เนื่องจาก RBI จะมีการเตือนและรายงานสภาพความพร้อมของอุปกรณ์ทุกชิ้นตลอดเวลา ช่วยให้เจ้าของโรงงานเกิดความตระหนักถึงความปลอดภัยในการใช้อุปกรณ์ต่างๆ ทำการเปลี่ยน หรือซ่อมก่อนที่จะชำรุด RBI เปลี่ยนพฤติกรรมการตรวจสอบ จากการแก้ไขปัญหาเป็นการป้องกันปัญหา เนื่องจากผู้ดูแลจะรู้ปัญหาก่อนที่จะเกิดการความเสียหาย 3. เป็นการช่วยให้เจ้าของโรงงาน รู้จักกับโรงงานมากขึ้น เนื่องจากการทำ RBI จะต้องใช้ข้อมูลจำนวนมากและความเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงการทำงานของโรงงาน และหลังจากการใช้ RBI ซึ่งจะช่วยให้ผู้ควบคุมโรงงานรู้ถึงจุดที่มีความเสี่ยงสูงหรือต่ำและทราบทิศทางแนวโน้มความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น 4. RBI จะเป็นเสมือนคำมั่นในองค์กร ระหว่างผู้บริหารกับพนักงาน เฉกเช่นเดียวกันกับระบบ ISO ที่จะช่วยผลักดันทั้งกระบวนการของการทำงานให้ประสบผลสำเร็จ บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ยกตัวอย่างเช่น หาก RBI ระบุว่าจะต้องทำการซ่อมบำรุงอุปกรณ์ชิ้นหนึ่ง ฝ่ายบริหารจำเป็นต้องจัดงบประมาณออกมาเพื่อรองรับ ซึ่งในอนาคต RBI จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะยกระดับอุตสาหกรรมให้ได้มาตราฐานเดียวกัน “ผมเชื่อว่าการดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมควรดำเนินอยู่บนพื้นฐานธรรมาภิบาลของแต่ละบริษัท ทั้งนี้ เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆจะมีส่วนช่วยผลักดันให้อุตสาหกรรมในประเทศเกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนมากขึ้น ควบคู่ไปกับการอยู่ร่วมกันกับชุมชน และการรักษาสิ่งแวดล้อม” นายสามารถกล่าวปิดท้าย เกี่ยวกับบริษัท ดาคอน ในปี ค.ศ. 1996 บริษัทดาคอน อินสป็คชั่น เซอร์วิสเซส จำกัด ก่อตั้งขึ้นเป็นบริษัทผู้ตรวจสอบทางวิศวกรรมในอุตสาหกรรมน้ำมัน พลังงาน และปิโตรเคมี ออฟฟิศตั้งอยู่ที่ จังหวัดระยอง ให้บริการด้านการตรวจสอบทั้งแบบทั่วไป และเฉพาะทาง ซึ่งในปัจจุบันนั้น บริษัทดาคอนฯ ได้มีอุปกรณ์การตรวจสอบจำนวนมาก จัดอยู่ในระดับชั้นนำของภูมิภาค เอเชียแปซิฟิก ถือเป็นบริษัทเดียว ในประเทศไทย ที่ให้บริการด้านการตรวจสอบท่อขนาดเล็ก (Tubular Inspection) อย่างครบวงจร ในปีค.ศ. 1999 บริษัท ดาคอนฯ ได้มีการพัฒนาอุปกรณ์ในการตรวจสอบท่อขนส่งก๊าซและน้ำมัน จากภายในเรียกว่า Intelligent Pigging เพื่อตอบสนองความต้องการของบริษัท Total และ ปตท สผ.และ ในปี ค.ศ. 2008 บริษัทดาคอน ฯ ได้รับรองมาตรฐานตามระบบ ISO: 9001-2000 จาก TUV NORD จากประเทศเยอรมัน เกี่ยวกับ TUV SUD TUV SUD ให้บริการลูกค้าด้านอุตสาหกรรมทุกประเภท ไม่ว่าจะให้คำแนะนำการบริหารและการวางแผนพัฒนาเพื่อรับการเปลี่ยนแปลงและปรับปรุง ปัญหาที่จะเกิดขึ้น เพื่อสอดคล้องด้านความปลอดภัย และตรงตามมาตรฐานที่กำหนด รวมถึงการรับรองนวัตกรรมต่างๆ มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองมิวนิก ประเทศเยอรมัน นอกจากจะมีการให้บริการด้านการตรวจสอบและการทดสอบทั่วไปนั้น บริษัทยังมีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านแล้วยังมีผู้เชี่ยวชาญจากหุ้นส่วนร่วมกันรับผิดชอบ และให้คำแนะนำในการให้บริการด้านเทคนิคแก่ลูกค้าอย่างทั่วถึงตลอดกระบวนการทางธุรกิจ รวมถึงการฝึกอบรมซึ่งมี 600 สาขาทั่วโลก ในทวีป ยุโรป อเมริกาและเอเชีย โดยมีทีมงาน 14,000 คน เพื่อเป็นการพัฒนาศักยภาพและเทคโนโลยีให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด และในปี ค.ศ. 2008 TUV SUD ได้มีการสร้างยอดขายมากกว่า 140 ล้านยูโร สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ คุณศศินี เอาเจริญภักดิ์ เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ โทร. +66 38 880788 โทรสาร +66 38 880727 อีเมลล์ sasinee_a@dacon-inspection.com

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ