กรุงเทพฯ--30 ต.ค.--พีซี แอนด์ แอสโซซิเอทส์ คอนซัลติ้ง
- มุ่งคิดค้นนวัตกรรม เพิ่มทางเลือก และกระตุ้นการเติบโตในอุตสาหกรรมด้วยแพลตฟอร์มโซลูชั่นแรกในปี 2550 -
- เปิดตัวโครงการ "Fusion" โปรเซสเซอร์ตัวแรกของโลกที่รวม CPU และ GPU ไว้บนซิลิคอนชิ้นเดียวกัน -
บริษัท เอเอ็มดี (NYSE:AMD) เปิดเผยว่า ขณะนี้การควบรวมกิจการระหว่าง บริษัท เอเอ็มดี กับบริษัท เอทีไอ เทคโนโลยีส์ (ATI Technologies) มูลค่า 5.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ลงแล้ว การควบรวมในครั้งนี้เป็นการรวมจุดแข็งของสองผู้นำเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน นับแต่นี้ไปเอเอ็มดีรุ่นใหม่จะเปิดกว้างสำหรับทุกธุรกิจ ในฐานะผู้นำการออกแบบและพัฒนาโปรเซสเซอร์ ที่มุ่งคิดค้นนวัตกรรม, เพิ่มทางเลือก และกระตุ้นให้เกิดการเติบโตในอุตสาหกรรมซิลิคอน ด้วยจำนวนพนักงานกว่า 15,000 คน และนี่คือการรวมตัวครั้งสำคัญของสองผู้นำเทคโนโลยี ได้แก่ ผู้นำเทคโนโลยีไมโครโปรเซสเซอร์ของเอเอ็มดี และผู้นำเทคโนโลยีกราฟฟิก, ชิปเซ็ต และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของเอทีไอ
"การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในวันนี้จะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ และในความทรงจำของพนักงาน, พาร์ตเนอร์ และลูกค้า และเรายินดีอย่างยิ่ง ที่เอทีไอได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเอเอ็มดี" เฮกเตอร์ รูอิซ (Hector Ruiz) ประธานและประธานคณะผู้บริหาร บริษัทเอเอ็มดี กล่าวและว่า "สิ่งแรกที่เราจะทำคือ การเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ เทคโนโลยีที่จะเป็นจุดเริ่มต้นของนวัตกรรมยุคหน้าและเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของอุตสาหกรรม ขอขอบคุณพนักงานของเราที่ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม นับจากนี้ไปเอเอ็มดีจะมีสินทรัพย์ทางปัญญาครบถ้วนและครอบคลุม ทั้งไมโครโปรเซสเซอร์, กราฟฟิก, ชิปเซ็ต และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ในส่วนของการคิดค้น พัฒนา และการนำเสนอโอเพ่นแพลตฟอร์มและอินทิเกรตเต็ดโซลูชั่นสู่มือผู้บริโภคทั่วโลกนั้น ในระยะสั้น ลูกค้าจะได้พบกับการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด ส่วนในระยะยาว เราเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่ามีความเป็นไปได้สูงสำหรับนวัตกรรมใหม่ที่ไร้ขีดจำกัด"
รายละเอียดข้อตกลง
ภายใต้ข้อตกลง เอเอ็มดีจะเข้าซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดของเอทีไอโดยแบ่งชำระเป็นเงินสดจำนวน 4.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และหุ้นสามัญของเอเอ็มดีมูลค่า 58 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อ้างอิงตามจำนวนหุ้นสามัญของเอทีไอ ณ วันที่ 24 ตุลาคม 2549 (รวมออปชั่นและอาร์เอสยู (Restricted Stock Units; RSU)) การควบรวมกิจการของเอทีไอในครั้งนี้มีมูลค่ารวมทั้งสิ้นประมาณ 5.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อ้างอิงตามราคาหุ้นสามัญของเอเอ็มดี ณ เวลาปิดตลาดของวันที่ 24 ตุลาคม 2549 ที่ 20.32 ดอลลาร์ต่อหุ้น (ไม่รวมมูลค่าของ assumed equity awards) และในส่วนของเงินสดที่เอเอ็มดีจะจ่ายให้กับเอทีไอนั้น จะเป็นเงินสดที่มีอยู่ในมืออยู่แล้วรวมกับหนี้ใหม่ ซึ่งเอเอ็มดีได้ขอกู้จากมอร์แกนสแตนเลย์ซีเนียร์ฟันดิ้ง (Morgan Stanley Senior Funding) เป็นมูลค่า 2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในรูปของเงินสด, รายการเทียบเท่าเงินสด และหลักทรัพย์มูลค่า 1.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
เอเอ็มดีได้เปิดเผย อัตราส่วนที่จะนำมาใช้สำหรับการชำระค่าหุ้นสามัญให้กับผู้ถือหุ้นของเอทีไอด้วย โดยคณะกรรมการพิจารณามีมติสุดท้ายออกมาว่ามูลค่าที่จะจ่ายให้ต่อ 1 หุ้นสามัญของเอทีไอ ซึ่งคำนวณตาม Parent Closing Stock Price (ตามที่ได้นิยามไว้ใน Plan of Arrangement) อยู่ที่ 21.36 ดอลลาร์สหรัฐ โดยมีอัตราส่วนการจ่ายชำระดังนี้
- ผู้ถือหุ้นเอทีไอที่เลือกรับเป็นเงินสด จะได้รับเงินสดจำนวน 18.59 ดอลลาร์ และหุ้นของเอเอ็มดีจำนวน 0.1245 หุ้น
- ผู้ถือหุ้นเอทีไอที่เลือกรับเป็นหุ้น จะได้รับหุ้นสามัญของเอเอ็มดีจำนวน 0.9596 หุ้น
- ผู้ที่ถือหุ้นเอทีไอที่ไม่ได้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง จะได้รับหุ้นสามัญของเอเอ็มดีจำนวน 0.9596 หุ้น
ทั้งนี้ อัตราส่วนการชำระค่าหุ้นดังกล่าวเป็นสิ่งจำเป็น เนื่องจากจำนวนเงินสดที่ต้องจ่ายให้กับผู้ถือหุ้นเอทีไอมีปริมาณมากกว่าจำนวนเงินสดที่เอเอ็มดีจ่ายให้กับเอทีไอ ส่วนเศษหุ้นอื่นๆจะได้รับชำระเป็นเงินสด
แผนเปิดตัวอินทิเกรตเต็ดแพลตฟอร์มใหม่ ในปี 2550
ลูกค้าจะเป็นผู้ได้รับประโยชน์สูงสุด จากแพลตฟอร์มที่พัฒนาร่วมกันของเอเอ็มดีและเอทีไอ รวมถึงจากทีมเทคนิคอล ซัพพอร์ต ซึ่งจะปฏิบัติงานในออฟฟิศที่ไทเป, เซี่ยงไฮ้, ออสติน และโตรอนโต้ ออฟฟิศดังกล่าวจะรับผิดชอบงานวิจัยและพัฒนา และซัพพอร์ตลูกค้าด้วยโซลูชั่นที่ครบวงจรสำหรับการพัฒนาแพลตฟอร์มตามที่ลูกค้าต้องการ
เอเอ็มดีมีแผนจะส่งอินทิเกรตเต็ดแพลตฟอร์มใหม่ลงตลาดหลักทั่วโลกภายในปี 2550 ซึ่งมีกลุ่มผลิตภัณฑ์หลักๆ ได้แก่ คอมเมอร์เชียลไคลเอนต์, โมบายคอมพิวติ้ง เกมและมีเดียคอมพิวติ้ง ผู้ใช้พีซีจะได้รับประโยชน์จากนวัตกรรมใหม่ที่ได้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้แพลตฟอร์ม AMD TurionTM 64 โมบายเทคโนโลยีสามารถรันบนแบตเตอรี่ได้นานขึ้น และเพื่อเสริมความสามารถให้กับ AMD LIVE!TM ซึ่งเป็นดิจิตอลมีเดียพีซีแพลตฟอร์มที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่า ไม่ว่าจะรูปภาพ, เพลง หรือวีดีโอก็ตาม เอเอ็มดีเชื่อว่าอินทิเกรตเต็ดแพลตฟอร์มเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ใช้ได้รับความพึงพอใจสูงสุดจากความเสถียรของระบบ, ช่วงจังหวะการทำตลาดที่เหมาะสม, สมรรถนะที่สูงขึ้น, ประสิทธิภาพในการใช้พลังงานที่สูงขึ้น และโดยภาพรวมทั้งหมดที่ดีขึ้น
"ด้วยการมุ่งที่นวัตกรรมและการอินทิเกรตเทคโนโลยีโปรเซสเซอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกราฟิกโปรเซสเซอร์ซิ่ง เอเอ็มดียุคใหม่จะมีศักยภาพเหนือกว่าในทุกๆด้านสำหรับการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ที่ทันสมัยและล้ำหน้าที่สุดเพื่อผู้ใช้ Windows(R) Vista,TM" จิม อัลชิน (Jim Allchi) ประธานร่วม แผนกแพลตฟอร์มและเซอร์วิสเซส บริษัทไมโครซอฟท์ กล่าวและว่า "เราตื่นเต้นกับศักยภาพใหม่ที่เราได้รับจากการควบรวม อันจะนำไปสู่ประสบการณ์ที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้ Windows Vista"
เอเอ็มดียังเห็นโอกาสในการทำตลาดโปรเซสซิ่งโซลูชั่นในตลาดคอนซูเมอร์อิเล็กทรอนิกส์ด้วย บริษัทตั้งใจเสริมความแข็งแกร่งของเอทีไอในตลาดคอนซูเมอร์ด้วยการเร่งลงทุนในตลาดคอนซูเมอร์อิเล็กทรอนิกส์และไฮเอนด์กราฟิก และด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าและความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า เอเอ็มดีจึงอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุดสำหรับการก้าวสู่ยุคดิจิตอลคอนเวอร์เจนซ์ด้วยการนำสินทรัพย์ทางปัญญาที่มีอยู่มาคิดค้นนวัตกรรมและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะทำให้การเชื่อมต่อและนำเสนอคอนเทนต์แบบ end-to-end เป็นไปได้ง่ายขึ้น ทั้งหมดเพื่อประสบการณ์ที่ดีกว่าสำหรับเอนด์ยูสเซอร์
"Fusion" ผสมผสานอย่างกลมกลืน CPU/GPU ครั้งแรกของโลกสำหรับลูกค้า
เอเอ็มดีมีแผนพัฒนาโปรเซสเซอร์ x86 รุ่นใหม่ซึ่งอินทิเกรต CPU (central processing unit) และ GPU (graphics processing unit) ไว้ด้วยกันบนซิลิคอนชิ้นเดียว ภายใต้โค้ดเนม "Fusion" เอเอ็มดีตั้งใจออกแบบ "Fusion" ให้มีตัวเลขสมรรถนะต่อวัตต์ดีขึ้นกว่าโปรเซสเซอร์รุ่นปัจจุบัน ขณะเดียวกันก็ต้องให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีกว่าด้วยในด้านกราฟิก 3 มิติ, ดิจิตอลมีเดีย และสมรรถนะการประมวลผล "Fusion" จะทำให้เอเอ็มดีสามารถโปรโมทโอเพ่นแพลตฟอร์มได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการกระตุ้นบริษัทต่างๆทั่ววงการให้พัฒนาโคโปรเซสซิ่งโซลูชั่นรุ่นใหม่สำหรับงานเฉพาะออกสู่ตลาดด้วย และแน่นอน "Fusion" ยังคงซัพพอร์ตไฮเอนด์กราฟิกการ์ด, แอคเซลเลอเรเตอร์ และโซลูชั่น PCI Express อื่นๆ เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นทุกวันของผู้ใช้ที่เน้นเรื่องสมรรถนะและเกมเมอร์
"Windows Vista, กราฟฟิก 3 มิติ, ดิจิตอลมีเดีย และการคอนเวอร์เจนซ์ของเทคโนโลยีต่างๆ ทั้งหมดคือตัวแปรสำคัญที่ทำให้ความต้องการด้านสมรรถนะการประมวลผล, ความสามารถด้านกราฟิก และระยะเวลาการใช้งานบนแบตเตอรี่มีสูงขึ้น" ฟิล เฮสเตอร์ (Phil Hester) รองประธานอาวุโสและประธานฝ่ายเทคโนโลยี บริษัทเอเอ็มดี กล่าวและว่า "ภายใต้สภาพแวดล้อมที่หลากหลายของระบบ x86 แค่การเพิ่มคอร์โปรเซสเซอร์คงไม่พอ สถาปัตยกรรม x86 ถูกใช้งานอย่างหลากหลายในอุปกรณ์ตั้งแต่เครื่องปาล์มไปจนถึงเครื่องซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่มีความเร็วในการประมวลผลระดับเพตะฟล็อป (Peraflops) ดีไซน์ใหม่ที่รวมซีพียูและจีพียูเข้าด้วยกันจึงเป็นนวัตกรรมหนึ่งเดียวที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้คอมพิวเตอร์ในปี 2551 และในอนาคตได้"
คาดว่าโปรเซสเซอร์ Fusion จะออกสู่ตลาดได้ในปลายปี 2551 หรือต้นปี 2552 เป็นอย่างช้า และเชื่อว่าบริษัททั่วโลกจะให้การต้อนรับเป็นอย่างดีในหลายแพลตฟอร์มทั้งโน้ตบุ๊ค, เดสก์ท็อป, เวิร์คสเตชั่น และเซิร์ฟเวอร์ รวมถึงสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และโซลูชั่นที่พัฒนาขึ้นสำหรับความต้องการเฉพาะในตลาดใหม่
คำกล่าวของผู้สนับสนุน เกี่ยวกับการควบรวมกิจการบริษัทเอทีไอของเอเอ็มดี
เอ็นวิเดีย (NVIDIA)
"เอ็นวิเดียและเอเอ็มดีได้ร่วมกันสร้างนวัตกรรมมานานกว่าทศวรรษ ผลที่ได้รับก็คือการที่ NVIDIA GeForce และโปรเซสเซอร์ nForce ได้สร้างมาตรฐานขึ้นสำหรับระบบเอเอ็มดี นโยบายโอเพ่นแพลตฟอร์มของเอเอ็มดีช่วยให้เราสามารถร่วมงานกันได้อย่างราบรื่นและต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายเดียวกันนั่นคือการทำให้ผู้บริโภคได้มีทางเลือกที่หลากหลายมากขึ้น" แดน วิโวลี่ (Dan Vivoli) รองประธานบริหาร บริษัทเอ็นวิเดีย กล่าว
เดลล์ (DELL)
"เดลล์ต้องการให้ลูกค้าของเดลล์ทั้งทั่วไปและองค์กรได้รับประสบการณ์ที่ดีกว่าจากผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นมาตรฐาน เอเอ็มดีก็เห็นในสิ่งเดียวกัน การรวมธุรกิจของเอทีไอเข้ามาทำให้เอเอ็มดีมีโอกาสที่ดีกว่าสำหรับการสร้างนวัตกรรม รวมถึงโอกาสใหม่สำหรับลูกค้าของเดลล์" เจฟฟ์ คลาร์ก (Jeff Clarke) รองประธานอาวุโส กลุ่มผลิตภัณฑ์ บริษัทเดลล์ กล่าว
เอชพี (HP)
"เอเอ็มดีและเอทีไอเป็นพันธมิตรกับเอชพีและร่วมสร้างและนำเสนอโซลูชั่นแก่ลูกค้าของเอชพีด้วยกันมานาน การรวมกันของทั้งคู่จะช่วยให้วงการมีแพลตฟอร์มที่สมบูรณ์แบบยิ่งกว่าสำหรับลูกค้าและองค์กรทั่วโลก" เชน โรบินสัน (Shane Robison) รองประธานบริหารและประธานฝ่ายกลยุทธ์และเทคโนโลยี บริษัทเอชพี กล่าว
เลอโนโว (LENOVO)
"การรวมกันของเอเอ็มดีและเอทีไอทำให้มีโซลูชั่นใหม่และหลากหลายมากขึ้น นัยหนึ่งคือผู้ผลิตโออีเอ็มมีทางเลือกมากขึ้นสำหรับนำผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด" เจอร์รี่ สมิธ (Gerry Smith) รองประธานอาวุโส แผนกโกลบอลซัพพลายเชน บริษัทเลอโนโว กล่าว
อัสซุสเทค คอมพิวเตอร์ (ASUSteK Computer)
"เราตื่นเต้นกับวิสัยทัศน์ของบริษัทใหม่ที่มุ่งเน้นนวัตกรรมและศักยภาพในการออกแบบและพัฒนาโซลูชั่นใหม่ที่เกี่ยวข้องกับโน้ตบุ๊คและเดสก์ท็อปคอมพิวเตอร์ ภาพที่เราเห็นคือศักยภาพในการพัฒนาเทคโนโลยี แพลตฟอร์ม หรือฟอร์มแฟกเตอร์ใหม่" เจอร์รี่ เฉิน (Jerry Shen) รองประธาน บริษัทอัสซุสเทค คอมพิวเตอร์ กล่าว
บรอดคอม (Broadcom)
"บรอดคอมมีผลงานที่ยอดเยี่ยมและมุ่งมั่นนำเสนอเทคโนโลยีที่ดีที่สุดสู่ตลาดเซิร์ฟเวอร์มาโดยตลอด" ฟอร์ม เทมเมอร์ (Ford Tamer) รองประธานอาวุโส และผู้จัดการทั่วไป กลุ่มเอนเตอร์ไพรซ์เน็ตเวิร์ค บริษัทบรอดคอม กล่าวและว่า "เรายินดีที่ได้ร่วมงานกับเอเอ็มดี และในฐานะที่เอเอ็มดีเป็นหนึ่งในผู้นำเทคโนโลยี เราจะยังร่วมกันนำเสนอผลิตภัณฑ์สมรรถนะสูงสู่มือลูกค้าของเราอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นอีเธอร์เน็ตคอนโทรลเลอร์หรือเซิร์ฟเวอร์ อินพุต/เอาต์พุต แพลตฟอร์มโซลูชั่น ก็ตาม"
เกี่ยวกับ AMD
เอเอ็มดี (NYSE:AMD) คือผู้ออกแบบและผลิตไมโครโปรเซสเซอร์, แฟลชเมมโมรี่ และโลว์เพาเวอร์โปรเซสเซอร์สำหรับระบบคอมพิวเตอร์, อุปกรณ์สื่อสาร และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เอเอ็มดีคือผู้นำเสนอโซลูชั่นมาตรฐานที่มุ่งตอบสนองทุกๆ ความต้องการของผู้ใช้เทคโนโลยีทุกระดับ ตั้งแต่องค์กรธุรกิจและหน่วยงานรัฐบาล ไปจนถึงผู้บริโภคระดับคอนซูเมอร์ทั่วไa ข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.amd.com
หมายเหตุ
ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ บางข้อความเป็นการคาดการณ์ถึงสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตและเป็นไปตามกฎหมาย Private Securities Litigation Reform Act of 1995 ซึ่งข้อความที่เป็นการคาดการณ์จะมีคำเหล่านี้ประกอบอยู่ด้วย เช่น "แผน", "อาจจะ", "คาดว่า" และคำอื่นๆ ที่มีความหมายใกล้เคียงกัน การคาดการณ์ถึงสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นการประเมินจากสถานการณ์และปัจจัยแวดล้อมในปัจจุบัน ณ วันที่ข่าวประชาสัมพันธ์ถูกเผยแพร่ออกไป นักลงทุนพึงระลึกอยู่เสมอว่าข้อความเหล่านี้มีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการควบรวมกิจการระหว่างเอเอ็มดีและเอทีไอให้ต่างไปจากที่คาดการณ์ไว้ก็ได้
ความเสี่ยงหรือปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ได้แก่ รายได้, ค่าใช้จ่าย, อัตราการเติบโต และตัวแปรอื่นๆ ที่กำหนดไว้ในแผนอาจไม่เป็นจริง 100% หรืออาจต้องใช้เวลามากกว่าที่คาดไว้; ตัวเลขการดำเนินงานต่างๆ อาจไม่เติบโตตามที่คาดไว้; เอเอ็มดีหรือบริษัทใหม่ที่เกิดจากการควบรวมกิจการกับเอทีไออาจไม่สามารถบรรลุผลสำเร็จ สำหรับเป้ากำไรขั้นต้นทั้งในระยะสั้นและระยะยาว, ค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนา, ค่าใช้จ่ายทั่วไปหรือค่าใช้จ่ายในการบริหาร, กำไรจากการดำเนินงาน, โครงสร้างต้นทุนหรืออัตราส่วนหนี้ต่อทุน; เอเอ็มดีหรือบริษัทใหม่ที่เกิดจากการควบรวมกิจการกับเอทีไออาจต้องการเงินทุนเพิ่มเติมหรืออาจไม่สามารถหาเงินทุนเพิ่มเติมได้ในบางช่วงหรือตลอดเวลา; ความล่าช้าอันเกิดจากการรวมคนและการทำงานของทั้งสองบริษัทเข้าด้วยกัน; การเสื่อมค่าของกู๊ดวิลล์และสินทรัพย์ถาวรอื่นๆ จากการดำเนินงานและผลของมันส่งผลกระทบต่อสินทรัพย์และกำไรของบริษัทใหม่; ปัจจัยกระทบอื่นๆ ที่คาดไม่ถึงจากการขยายตัวของตลาดและระดับความต้องการผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีของบริษัทใหม่; การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของเทคโนโลยีในกลุ่มคอมพิวติ้งและคอนซูเมอร์อิเล็กทรอนิกส์; ความสามารถในการพัฒนา, เปิดตัว และทำตลาดผลิตภัณฑ์ภายใต้ระยะเวลาที่กำหนด; ต้นทุนในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่
และปัจจัยอื่นๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อผลที่จะเกิดขึ้นในอนาคตของการควบรวม ดังที่ได้อธิบายไว้ในเซ็กชั่น "Risk Factors" ในรายงานผลการดำเนินงานที่ส่งถึงผู้ถือหุ้นของเอทีไอและในรายงานที่เอทีไอและเอเอ็มดียื่นให้กับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (U.S. Securities and Exchange Commission) รายละเอียดที่ http://www.sec.gov และในเซ็กชั่น “Risk Factors” ในรายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาสของเอเอ็มดี แบบฟอร์ม 10-Q สิ้นสุดวันที่ 26 มีนาคม 2006 และเซ็กชั่น “Risks and Uncertainties” ในรายงานผลการดำเนินงานของเอทีไอ แบบฟอร์ม 40-F ปีสิ้นสุดวันที่ 31 สิงหาคม 2005
โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในหัวข้อ 3.12 “Narrative Description of the Business — Risks and Uncertainties” ในรายงานผลประกอบการประจำปี 2005 ของเอทีไอ และเซ็กชั่น Risks and Uncertainties ในรายงานผลประกอบการประจำปี 2005 หน้า 30 ของเอทีไอที่ยื่นให้กับ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แคนาดา รายละเอียดที่ http://www.sedar.com เราแนะนำให้ผู้อ่านอ่านหมายเหตุในรายงานดังกล่าวอย่างละเอียดประกอบด้วย และขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงหรือปรับแก้ข้อความที่เป็นการคาดการณ์ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตซึ่งปรากฏในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
มิส ลิน ยอง
ผู้จัดการการตลาดคอนซูมเมอร์
บริษัท เอเอ็มดี ฟาร์อีส จำกัด
(65) 6559 9951
lynn.yong@amd.com
ประชาสัมพันธ์ข่าวโดย
บริษัท พีซี แอนด์ แอสโซซิเอทส์ คอนซัลติ้ง จำกัด
สุชาย เฉลิมธนศักดิ์
0 2971 3711
suchai@pc-a.co.th
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net