กรุงเทพฯ--2 มี.ค.--ธนาคารไทยพาณิชย์
ตามที่อัยการสูงสุดได้ยื่นฟ้อง พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัวต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ขอให้ทรัพย์สินมูลค่า 76,621 ล้านบาท ตกเป็นของแผ่นดิน และในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553 สื่อโทรทัศน์และสื่ออื่นๆ ได้รายงานผลคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่พิพากษาให้เงินที่ได้จากการขายหุ้นและเงินปันผลจำนวน 46,373 ล้านบาทเศษ พร้อมดอกผลจากบัญชีเงินฝากและหน่วยลงทุนที่คตส. ได้อายัดไว้ตกเป็นของแผ่นดิน
ธนาคารในฐานะผู้ดูแลบัญชีเงินฝากและหน่วยลงทุนที่เกี่ยวข้องส่วนหนึ่ง ขอเรียนว่า ธนาคารจะยึดถือและปฎิบัติตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ทั้งนี้ ขั้นตอนต่อไป คือ ธนาคารต้องได้รับหมายบังคับคดีเป็นทางการจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ หลังจากนั้น จึงเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งในหมายบังคับคดีสำหรับเงินฝากส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
อนึ่ง ในการดำเนินการนำส่งเงินที่จะเกิดขึ้นตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ ธนาคารขอเรียนยืนยันว่า จะไม่มีผลกระทบต่อสถานะทางการเงิน หรือ ฐานะสภาพคล่องของธนาคาร และจะไม่ส่งผลให้ธนาคารอยู่ในสถานะเสี่ยงแต่อย่างใด โดยธนาคารขอเรียนว่า ธนาคารมีความมั่นคงทางการเงินในระดับสูง มีสินทรัพย์รวมมากกว่า 1.3 ล้านล้านบาท มีเงินฝากรวมมากกว่า 900,000 ล้านบาท และมีเงินกองทุนสูงถึง 153,370 ล้านบาท และในปัจจุบันธนาคารมีสภาพคล่องทางการเงินอยู่ในระดับสูงและมีความสามารถที่จะระดมเงินผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์เงินฝากหรือผ่านตราสารทางการเงินต่างๆ ซึ่งเพียงพอที่จะนำไปขยายธุรกิจในอนาคตและไม่ทำให้ธนาคารอยู่ในสถานะเสี่ยงใดๆ
นอกจากนี้ การมีธุรกรรมรับฝากหรือถอนเงินเป็นจำนวนสูงในระดับหลักหมื่นล้านบาทต่อวันถือเป็นธุรกรรมปกติสำหรับธนาคารขนาดใหญ่และมีระบบงานรองรับอยู่แล้ว ดังนั้น การนำส่งเงินอายัดตามคำสั่งในหมายบังคับคดีในเงินฝากที่เกี่ยวข้องจะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของธนาคาร
ธนาคารจึงเรียนมาเพื่อให้ลูกค้า ผู้ถือหุ้น และสาธารณชน รับทราบถึงจุดยืนและสถานะของธนาคารอันสืบเนื่องกับการตัดสินคดี เพื่อความเข้าใจอันดีในธนาคาร ตลอดจนการให้ความเชื่อมั่นและการให้ความไว้วางใจในธนาคารดังเช่นตลอดเวลาที่ผ่านมา
ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
สื่อสารองค์กร
โทร 02-544-4502, Email: corp.communications@scb.co.th