ทรูประกาศผลประกอบการประจำปี 2548 ซึ่งเติบโตสูงขึ้นมาก

ข่าวทั่วไป Monday February 27, 2006 14:28 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--27 ก.พ.--ทรู คอร์ปอเรชั่น
ทรูประกาศผลประกอบการปี 2548 โดยทรูมูฟและบริการบรอดแบนด์สำหรับลูกค้าทั่วไปยังคงเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้และ EBITDA ให้เติบโตต่อไปอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการฟื้นตัวของทรูมูฟในไตรมาสที่ 4 ซึ่งใกล้จะถึงจุดคุ้มทุน ช่วยให้ผลประกอบการโดยรวมของทรูดีขึ้น ในขณะที่ทรูสามารถลดหนี้ลงได้อย่างต่อเนื่อง และผลจากการตัดจ่ายโครงข่าย จะทำให้ธุรกิจโทรศัพท์พื้นฐานสามารถมีกำไร ที่สำคัญ การเข้าถือหุ้นในยูบีซี ทำให้กลุ่มทรูสามารถดำเนินยุทธศาสตร์การเป็นผู้นำชีวิต convergence และผู้ให้บริการสื่อสารครบวงจร
บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ประกาศผลประกอบการประจำปี 2548 โดยรายได้และกำไรจากการดำเนินงาน ก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA) เติบโตสูง เนื่องจากผลประกอบการของทรูมูฟ (ชื่อเดิม ทีเอ ออเร้นจ์) และธุรกิจบรอดแบนด์สำหรับลูกค้าทั่วไปมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในปีที่ผ่านมา ทรูประสบความสำเร็จอย่างน่าพอใจในฐานะผู้ให้บริการสื่อสารครบวงจรเพียงหนึ่งเดียวของประเทศ รวมทั้งยังเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ซึ่งเติบโตอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังคงความเป็นผู้นำตลาดด้านบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและบริการ WiFi หรืออินเตอร์เน็ตความเร็วสูงแบบไร้สาย ที่มีจุดให้บริการมากที่สุดในประเทศ อีกทั้งยังเป็นผู้ให้บริการโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิกรายใหญ่ หลังการเข้าถือหุ้นในบริษัทยูบีซี
รายได้จากการให้บริการโดยรวมของทรู ในปี 2548 เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 36.5 เป็น 41.5 พันล้านบาท โดยกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA) ปรับตัวดีขึ้นในอัตราร้อยละ 21.5 เป็น 15.7 พันล้านบาท
การฟื้นตัวของทรูมูฟ (ชื่อเดิม ทีเอ ออเร้นจ์) ในระหว่างไตรมาส 4 เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 11.1 โดยพิจารณาจากรายได้การให้บริการที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ EBITDA เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 33 ดังนั้น ผลประกอบการที่ดีขึ้นดังกล่าว จึงทำให้รายได้จากการให้บริการของทรูและบริษัทในเครือเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา และแม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล แต่ก็ยังสามารถรักษา EBITDA ได้คงที่
ในปี 2548 ทรูมูฟมีจำนวนผู้ใช้บริการรายใหม่เพิ่มขึ้น 1.1 ล้านราย คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 34 ของจำนวนผู้ใช้บริการรายใหม่ทั้งหมด โดยส่วนแบ่งการตลาดในไตรมาส 4 เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 34 จากร้อยละ 9.5 ในไตรมาส 3 ซึ่งทำให้ทรูมูฟมีจำนวนผู้ใช้บริการในสิ้นปีที่ผ่านมาจำนวนรวม 4.5 ล้านราย สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ และมีส่วนแบ่งตลาดโดยรวมเพิ่มขึ้นเป็นอัตราร้อยละ 15.1 (จากร้อยละ 12.8 ในปี 2547) จึงทำให้ในปี 2548 บริษัทรับรู้รายได้ของทรูมูฟเพิ่มขึ้นร้อยละ 139 คิดเป็นจำนวนเงิน 19.5 พันล้านบาท และ รับรู้ EBITDA เพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่า เป็นจำนวนเงิน 5.7 พันล้านบาท นอกจากนั้น ทรูมูฟอยู่ในสถานะที่ใกล้ถึงจุดคุ้มทุน ซึ่งทำให้ทรูรับรู้ผลขาดทุนจากทรูมูฟลดลงเหลือเพียงจำนวน 154 ล้านบาท ในไตรมาส 4
ธุรกิจบรอดแบนด์สำหรับลูกค้าทั่วไปยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีส่วนแบ่งตลาดประมาณร้อยละ 80 ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และมีจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า ในปี 2548 คิดเป็น 300,322 ราย ทั้งนี้ มีรายได้รวมจำนวน 2.0 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 182 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2547 และช่วยชดเชยรายได้ที่ลดลงจากธุรกิจโทรศัพท์พื้นฐาน
ในไตรมาสนี้ ทรูได้บันทึกการตัดจ่ายโครงข่าย จำนวน 2 พันล้านบาท ซึ่งจะทำให้ค่าเสื่อมราคาสำหรับ 5 ปีข้างหน้าลดลง และคาดว่าจะมีผลทำให้ธุรกิจโทรศัพท์พื้นฐานมีกำไร การตัดจ่ายดังกล่าว เป็นรายการทางบัญชี ซึ่งไม่มีผลกระทบต่อกระแสเงินสดของบริษัท แต่มีส่วนทำให้ภาพรวมของทรูมีผลขาดทุนสุทธิในปี 2548 จำนวน 4.3 พันล้านบาท
นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร กล่าวว่า การเข้าถือหุ้นในยูบีซีในปีที่ผ่านมา เป็นการสานต่อยุทธศาสตร์ของบริษัทในการเป็นผู้นำชีวิต convergence เพื่อสร้างความเติบโตด้านรายได้และขยายจำนวนผู้ใช้บริการด้วยการประสานโครงข่าย คอนเทนท์และบริการเป็นหนึ่งเดียว
“การประสานผลิตภัณฑ์และบริการภายในกลุ่มบริษัทเข้าด้วยกัน จะทำให้ทรูมีโอกาสทางการตลาดในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการ ที่ไม่เพียงแต่คุ้มราคาเท่านั้น แต่ยังคุ้มค่าสำหรับผู้บริโภค นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดด้วยการเสนอบริการต่างๆ ที่หลากหลายกว่าคู่แข่งรายอื่นๆ ”
นายศุภชัยกล่าวว่า ผลประกอบการของทรูกำลังก้าวสู่ภาวะมีกำไร เนื่องจากทรูมูฟกำลังใกล้ถึงจุดคุ้มทุน ในขณะที่ยูบีซีมีผลกำไรอยู่แล้ว และธุรกิจโทรศัพท์พื้นฐานก็จะสามารถทำกำไรได้ดังกล่าวข้างต้น
นายวิลเลี่ยม แฮริส หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน กล่าวเสริมว่า ทรูได้ชำระคืนหนี้จำนวน 4.5 พันล้านบาทในปี 2548 พร้อมทั้งดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่พกพา (WE PCT) จนแล้วเสร็จ ซึ่งเป็นผลให้ได้รับกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้จำนวน 801 ล้านบาท นอกจากนั้นยังได้รับกำไรจำนวน 370 ล้านบาทจากการชำระคืนตั๋วเงินจ่ายอีกด้วย
นายแฮริสกล่าวว่าทรูยังคงมุ่งลดภาระหนี้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ในปีที่ผ่านมา ทรูมีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA ลดลงเป็น 4.3 เท่า (ไม่รวมทรูมูฟ และหนี้สินระยะสั้นสำหรับการเข้าซื้อกิจการ UBC)
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่:
ฝ่ายประชาสัมพันธ์, บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
อ้างอิง
พิมลพรรณ ศิริวงศ์วานงาม
โทร +66 (0) 2699 2772
อีเมลล์ pimolpan_sir@truecorp.co.th
ศิษฎิ รูเบ็น
โทร +66 (0) 2643 2463
อีเมลล์ sisadhi_reu@truecorp.co.th
นวนุช สรรพบพิตร
โทร +66 (0) 2699 2744
อีเมลล์ nawanooch_san@truecorp.co.th--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ