กรุงเทพฯ--2 มี.ค.--สามารถคอร์ปอเรชั่น
กลุ่มบริษัทสามารถ เผยรายได้รวมปี 52 จำนวน 17,305 ล้านบาท กำไรพุ่ง 70 เปอร์เซ็นต์ เฉพาะ SAMTEL ตัวชูโรง มีรายได้กว่า 6,216 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าร้อยเปอร์เซ็นต์ สูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา ทุกกลุ่มพอใจผลประกอบการ แถมท้ายใกล้เปิดตัวธุรกิจใหม่เพิ่มรายได้ประจำ
นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าปี 52 เป็นปีแห่งการฝ่าวิกฤตและพิชิตโอกาส ซึ่งทุกสายธุรกิจภายใต้กลุ่มสามารถใช้กลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงโดยเน้นการบริหารต้นทุนและควบคุมค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ทำให้ปีที่ผ่านกลุ่มสามารถฯ มีรายได้รวมจากการดำเนินธุรกิจทั้งสิ้น 17,305 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปี 51 ประมาณ 7 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นกำไรสุทธิ 455 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ หากไม่นับกำไรพิเศษจากการขายที่ดินของบริษัทย่อยในต่างประเทศ บริษัทฯ จะมีกำไรจากการดำเนินธุรกิจเพิ่มขึ้นถึง 120 เปอร์เซ็นต์ โดยสัดส่วนรายได้ส่วนใหญ่มาจากสายธุรกิจ ICT Solutions ที่ประสบความสำเร็จจากการส่งมอบงานโครงการใหญ่ ด้วยเหตุนี้บริษัทฯจึงประกาศจ่ายเงินปันผล สำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2552 โดยบริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จ่ายปันผลในอัตราหุ้นละ 0.17บาท บริษัท สามารถเทลคอม จำกัด (มหาชน) ปันผลในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท และบริษัท สามารถ ไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน) ปันผลหุ้นละ 0.02 บาท
ผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทสามารถ แบ่งออกเป็น 3 สายธุรกิจ ดังนี้
สายธุรกิจ ICT Solutions ภายใต้การนำของ บริษัท สามารถเทลคอม จำกัด (มหาชน) ทำรายได้ปี 52 รวม 6,216 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 114 เปอร์เซ็นต์ มีกำไรสุทธิ 302 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 170 เปอร์เซ็นต์ อีกทั้งยังมีโครงการในมือที่เซ็นสัญญาแล้วในปี 52 อีกกว่า 7,700 ล้านบาท อาทิเช่น โครงการ Broadband IP ของทีโอที มูลค่า 2,500 ล้านบาท , CUTE ของ AOT มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท , Ip Core ของกสท มูลค่า 800 ล้านบาท ฯลฯ โดยรวมแล้ว ปี 52 มีผลประกอบการที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทสามารถเทลคอมฯ มา
สำหรับปี 53 กลุ่ม ICT หวังขยายผลและต่อยอดรายได้ประจำจากโครงการปัจจุบัน และมองหาโอกาสในการพิชิตโครงการใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกันก็ให้ความสำคัญกับคุณภาพการให้บริการและ การส่งมอบงานให้สำเร็จลุล่วง โดยตั้งเป้ารายได้ 10,300 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้นอีก 70 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้มาจากโครงการต่างๆ ที่เซ็นสัญญาไปแล้วในปี 52 บวกกับงานประมูลโครงการอื่นๆอีกกว่า 10,000 ล้านบาทในปีนี้
สายธุรกิจ Mobile Multimedia นำโดยบริษัท สามารถไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและการเมืองตลอดปี 52 มีรายได้รวมในปี 52 จำนวน 9,039 ล้านบาท ลดลงประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ อันเป็นผลจากการเคลียร์สต๊อคเก่าตามนโยบายการบริหารสินค้าคงคลังให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ในขณะที่ยังคงรักษาอัตรากำไรสุทธิได้ใกล้เคียงกับปีก่อน คือ 115 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับภาวะเศรษฐกิจที่ต้องเผชิญแล้ว ถือว่าไอ-โมบายสามารถผ่านอุปสรรคมาได้อย่างน่าพอใจ เพราะยังสามารถสร้างยอดขายได้กว่า 3.5 ล้านเครื่อง (ยอดขายในประเทศ 3 ล้านเครื่อง และต่างประเทศ 5 แสนเครื่อง) ทั้งยังประสบความสำเร็จในการครองความเป็นผู้นำในตลาด Content อย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญมีการสร้างอนาคตใหม่ให้กับไอ-โมบาย ด้วยการเปิดให้บริการระบบ 3G กับซิม i-mobile 3GX ในรูปแบบ MVNO เมื่อปลายปี 52 ปัจจุบันมีผู้ใช้บริการแล้วกว่า 30,000 ราย โดยมีจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ยแล้ววันละ 700 - 800 ราย คาดว่าสิ้นปีนี้จะมียอดผู้ใช้บริการรวม 200,000 ราย
ปี 2553 กลุ่ม Mobile Multimedia ตั้งเป้ารายได้ที่ 12,000 ล้านบาท คาดว่าจะจำหน่ายเครื่องได้ถึง 4.5 ล้านเครื่อง เป็นยอดขายในประเทศ 3.3 ล้านเครื่อง ต่างประเทศ 1.2 ล้านเครื่อง เน้นโทรศัพท์ซึ่งเจาะกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายทั้งมือถือ 3G แอนดรอยด์ สมาร์ทโฟน รวมทั้งฟังก์ชั่นที่ตรงตามความต้องการของตลาด เช่น สองซิม ดูทีวีฟรี ปุ่มกด QWERTYและแชทผ่านคอมมูนิตี้ ออนไลน์ ส่วนตลาดต่างประเทศยังคงเน้นการลงทุนที่ตลาดอินโดนีเซีย และมาเลเซีย ด้านธุรกิจคอนเทนต์ จะยังคงรักษาความเป็นที่หนึ่งด้านตลาด Voice และ non voice โดยจะมีการบริการ และแทรกคอนเทนต์ใหม่ๆในโทรศัพท์ i-mobile ทั้ง 2G และ 3G เพิ่มมากขึ้น
สายธุรกิจ Technology Related ก็มีการเติบโตของรายได้อย่างเห็นได้ชัดจาก 2 ธุรกิจในประเทศ คือ บริษัท วิชั่น แอนด์ ซิเคียวริตี้ ซิสเต็มส์ จำกัด มีอัตราการเติบโตถึง 200 เปอร์เซ็นต์ บริษัท วันทูวัน คอนแทคส์ จำกัด เติบโตประมาณ 17 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นรายได้รวม 1,077 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15 เปอร์เซ็นต์ ส่วนบริษัท แคมโบเดีย แอร์ทราฟฟิก เซอร์วิสเซส จำกัด และบริษัท กัมปอต พาวเวอร์ แพลนท์ จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจในต่างประเทศ ก็ยังสร้างรายได้ที่มั่นคงให้แก่กลุ่มสามารถฯ อย่างต่อเนื่อง โดยปี 52 มีรายได้รวม 1,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ ในปี 2553 สายธุรกิจ Technology Related ตั้งเป้ารายได้ที่ 2,700 ล้านบาท จากการต่อยอดในธุรกิจ Call Center และระบบกล้องวงจรปิด รวมทั้งการสร้างธุรกิจใหม่ให้แก่ บริษัท สามารถวิศวกรรม จำกัด
นายวัฒน์ชัย กล่าวทิ้งท้ายว่า “ถ้าไม่มีผลกระทบรุนแรงทางการเมือง ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปีนี้น่าจะสดใสขึ้น สำหรับกลุ่มสามารถฯ ผมมองไกลถึงการสร้างรากฐานธุรกิจให้แข็งแกร่ง โดยมุ่งเน้นการเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำให้สูงขึ้น ทั้งจากธุรกิจปัจจุบันและธุรกิจใหม่ ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตตามวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ เช่น บริการสาธารณูปโภค พลังงานและสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ศึกษาข้อมูลและวางแผนการลงทุนในระดับหนึ่ง คาดว่าไม่เกินกลางปีนี้ จะได้เห็นความชัดเจนอย่างแน่นอน ปี 2553 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ 25,000 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 35-40 เปอร์เซ็นต์จากปี 52